คือวิทยุสื่อสารระบบดิจิทัล (Digital) ที่มีการรับส่งข้อมูลด้วยการใช้ตัวเลขในเครื่องเดี่ยวกัน (VHF/UHF)
ที่มีการทำงานคล้ายกับโทรศัพท์เคลื่อนที GSM จะมี (Controller) และ (Repeater Station) ทำหน้าที่เชื่อมโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่
ของเคลื่อข่ายนั้นๆ และสามารถเรียกเฉพาะเครื่องลูกข่ายที่ต้องการติดต่อได้ ใช้ Modolation 3 แบบ คือ GMSK,QPSK,4FSK
และมีระบบ Digital scramble นอกจากนั้นยังสามารถรองรับโครงข่าย ATM ของข้อมูล Packet โดยผ่าน Gateway และถ่ายทอด
จากข้อมูล GPS (D-GPRS)
ความหมายของ D-STAR ( Digital-Smart Technologz forAmateur Radio)
Digital การรับส่งข้อมูลด้วยการใช้ตัวเลข
Smart นำสมัย/เนี้ยบ/ฉลาด
Technologz เทคโนโลยี
Amateur สมัครเล่น
Radio วิทยุ
เบญแปลได้ว่า เทคโนโลยีรับส่งข้อมูลด้วยการใช้ตัวเลขที่นำสมัยของนักวิทยุสมัครเล่น
เป็นการร่วมเข้าด้วยกันของการส่งข้อมูลและการสนทนา
เปิดมาตราฐานสำหรับการรับส่งข้อมูลด้วยการใช้ตัวเลข
ถูกเผยแพร่จากสหพันธ์นักวิทยุสมัครเล่นญุ่ปุ่น (JARL) ในปี 2001
อีก 3 ปีต่อมา ได้มีการพัฒนาจนใช้งานได้จริงจาก JARL และรัฐบาลญี่ปุ่น โดยได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จากบริษัท Icom
อัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลในช่องสัญญาณ 2 m (145 MHz) และ 70 cm (430 MHz) เท่ากับ 4.8 kbps "4800 ตัวอักษรต่อวินาที" หรือถ้าเทียบกับ FM มันใช้พื้นทีน้อยกว่า 3 เท่าคะ
- ดิจิทัลเสียง (DV) กับความเร็ว 3600 bps, ร่วมระบบสำรองข้อมูล (คือเมื่อเราพูดไปเครื่องเราจะรับไปแปลเป็นโค๊ตดิจิทัล และจะทำสำเนาไว้ทั้ง หมด 3 ชุด และส่งไปให้ผู้รับ เมื่อผู้รับได้รับโค๊ตดิจิทัล ก็จะมีการเปิดสำเนาทั้ง 3 มาพร้อมกัน เพื่อความคมชัดของสัญญาณ)
- ดิจิทัลข้อมูล (DV) กับความเร็ว 1200 bps[/li]
อัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลในช่องสัญญาณ 23 cm (1.2 GHz) 128 kbps (128,000 ตัวอักษรต่อวินาที)
- High speed Data (DD) ข้อมูลความเร็วสูง กับความเร็ว 128 kbps (เชื่อมต่อ Ethernet)
- ดิจิทัลเสียง (DV) กับความเร็ว 3600 bps, ร่วมระบบสำรองข้อมูล
- ดิจิทัลข้อมูล (DV) กับความเร็ว 1200 bps
ใช้เครื่องกำเนิดเสียง Advanced Multi - Band Excitation
ในตอนนี้มีแต่เครื่องสื่อสาร D-STAR ของบริษัท ICOM
เครื่องสื่อสาร D-STAR ของ Kenwood ประกาศใช้ในรุ่น TMW-706
ระบบสถานีทวนสัญญาณ D-STAR
การติดต่อเชื่อมโยง D-STAR ต้องใช้สัญญาณเรียกขาน
เส้นทางสู่คู่สนทนา QSO ด้วยระบบเคลื่อข่าย D-STAR
กลุ่มเคลื่อข่ายสามารถขยายได้อย่างไม่จำกัด สามารถสร้างเคื่อข่ายได้กว้างไกล
แบนด์วิธ (ความถี่คลื่นกว้าง) ใน VHF/UHF ใช้น้อยกว่า 6 KHz
D-STAR ทำงานอย่างไร
D-STAR ติดต่อเชื่อมโยงด้วยสัญญาณเรียกขาน
ทุกๆ สถานีทวนสัญญาณต้องมีสัญญาณเรียกขาน
ทุกๆ เครื่องใช้ของนักวิทยุสมัครเล่น จะมีโปรแกรมที่แสดงสัญญาณเรียกขานของผู้ใช้
สัญญาณเรียกขานของนักวิทยุสมัครเล่นจะแสดงทุกครั้งที่มีการส่งสัญญาณ
ทุกๆ เครื่องรับส่งสัญญาณ จะมีให้ใส่ข้อมูล 4 สัญญาณ
MyCall สัญญาณเรียกขานของตัวเอง
UrCall สัญญาณเรียกขานที่จะเรียก (ถ้าไม่เจาะจงก็ใส่เป็น CQ CQ CQ )
Rpt1 สถานีทวนสัญญาณที่ใช้เป็นประจำ ของเบญเป็น DB0DFT
Rpt2 สถานีทวนสัญญาณ Gateway
ความประทับใจที่ได้ใช้ D-STAR มาเป็นเวลา 10 เดือน
ชอบมากๆ เพราะใช้งานได้เกือบเหมือนโทรศัพท์เคลื่อนที มีสัญญาณที่ชัดเจน และที่หน้าจอวิทยุสื่อสาร มีการแจ้งรายละเอี่ยดต่างๆ เช่น ตอนนี้คู่สนทนา มีสัญญาณเรียกขานอะไร ใช้สถานีทวนสัญญาณ สถานีไหนในกรณีในการเดินทางและผ่านสถานีทวนสัญญาณ เครื่องสื่อสาร D-STAR จะเลือกช่องสัญญาณ ของสถานีทวนสัญญาณในข่ายนั้นๆ โดยอัตโนมัติ และใช้ส่ง SMS (ข้อความสั้นๆ) ผ่านเครื่องสื่อสารเหมือนกับโทรศัพท์เคลื่อนทีที่ทุกคนใช้งานกัน นอกจากนั้นยังนำเครื่องสื่อสาร D-STAR มาต่อกับคอมพิวเตอร์และใช้สนทนาหน้าแป้น(CHAT) ได้เหมือนกับ MSN การปรับแต่งเครื่องและลูกเล่นต่างๆ
สามารถปรับแต่งผ่านโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ ซึ่งง่ายและสะดวก เบญสามารถเลือกเรียกผู้ที่ใช้งานในระบบ D-STAR ในสถานีทวนสัญญาณในต่างประเทศไกลๆ ได้ เช่น อเมริกา (ให้นึกถึง Echolink) แต่ D-STAR จะมีส่วนที่ดีกว่า เดี่ยวมาอถิบายต่อทีหลัง ตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้อยู่จ๊ะว่าความแตกต่างมันอยู่ตรงไหน เอาทีรู้ๆ คือ D-STAR ไม่จำเป็นต้องรู้ ID ของคนนั้นๆ เพียงแต่รู้สัญญาณเรียกขานเป็นพอ เดี่ยวเครื่องสื่อสารD-STAR จัดการหาติดต่อให้
ส่วนเครื่องสื่อสาร D-STAR (IC-2820H)ที่ติดตั้งในรถ ก็มีระบบ GPS อันเนียะเบญชอบมากๆ เพราะว่าไม่ว่าคุณสามีจะขับรถไปไหน เบญสามารถดูได้จากอินเตอร์ที่บ้าน ว่าขับรถออกจากเส้นทางไปทำงานหรือเปล่า หุหุ ตอนนี้ บริษัท ICOM ได้ผลิตเครื่องสื่อสารมือถือรุ่นใหม่ โดยมีระบบ GPS อยู่ตรงลำโพง แม้.....อยากซื้อให้คุณสามีจัง เพราะว่าเขาไปไหนก็จะติดวิทยุสื่อสารเหมือนกับโทรศัพท์เคลื่อนที ทีนี้หละ ไม่ว่าไปอยู่ตรงไหน ตามได้ถูก ฮิฮิ
ไปดูแผนที่ GPS (D-Star "APRS"-Karte) คลิกนี้เลยจ๊ะ
ตัวอย่างหน้าเพจ Chat
ตัวอย่างการตั้งสถานี D-STAR และทำการ Chat ชอบคุณ Tom อถิบายได้เหมือนง่ายสุดๆ ;D
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (เปลี่ยนทางมาจาก ดิจิตัล)
ดิจิทัล [1] (digital, อาจจะมีสะกดเป็น ดิจิทอล หรือ ดิจิตอล) เป็นระบบที่ใช้ค่าตัวเลข โดยเฉพาะเลขฐานสอง สำหรับการส่งผ่านข้อมูล ประมวลผล เก็บข้อมูล หรือการแสดงผล แตกต่างกับระบบแอนะล็อกที่ใช้ค่าต่อเนื่องของข้อมูลในการทำงาน ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดของระบบดิจิทัลและระบบแอนะล็อก สามารถกล่าวถึงได้จากการส่งผ่านข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูล คำว่า "ดิจิทัล" มาจากภาษาละติน digit มีความหมายว่านิ้ว ซึ่งหมายถึงการนับนิ้วซึ่งเป็นค่าที่ไม่ต่อเนื่อง
คำว่าดิจิทัลมักจะใช้ในทางคอมพิวเตอร์และทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำค่าใด ๆ เก็บเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรืออิเล็กทรอนิกส์ในสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพถ่าย เสียง หรือวิดีโอ โดยค่าในการจัดเก็บของดิจิทัลจะเก็บเป็นค่าใดค่าหนึ่งในระหว่างสองค่า คือ ค่า 1 (ค่าสัญญาณ) และ ค่า 0 (ค่าไม่มีสัญญาณ) และหลาย ๆ ครั้งคำว่า ดิจิทัล จะถูกเรียกแทนที่ด้วยคำว่า "อี" (e-) ที่ย่อมาจากอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อีเมล อีบุ๊ก (ebook) อย่างไรก็ตามระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกค่าไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องเป็นระบบดิจิทัล
หมายเหตุ
^ การสะกด ดิจิทัล เป็นการสะกดตามศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน อย่างไรก็ตามถ้ามีชื่อเฉพาะที่ใช้คำว่า "ดิจิทอล " หรือ "ดิจิตอล" ควรใช้ชื่อตามต้นฉบับเดิม
^ คำอ่านของ digital ตามภาษาอังกฤษ เสียงอ่านใกล้เคียงกับ ดิ-จิ-ตอว หรือ ดิ-จิ-ตาว
เลขฐานสอง (อังกฤษ: binary numeral system)
หมายถึง ระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ
0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) บางครั้งอาจหมายถึงการ
ที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด,
ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น
ในปัจจุบันเลขฐานสองเป็นพื้นฐานในการทำงานของคอมพิวเตอร์
โดยนำเอาหลักการของเลขฐานสอง (สถานะไม่มีไฟฟ้า และ สถานะมีไฟฟ้า)
มาใช้ในการสร้างไมโครโปรเซสเซอร์ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ 32 หรือ 64 บิต
หรือมากกว่านั้น ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นการประมวลผลแบบดิจิทัล
|
|
บิต (bit)
เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล และทฤษฎีข้อมูล
ข้อมูลหนึ่งบิต มีสถานะที่เป็นไปได้ 2 สถานะ คือ
? 0 (ปิด)
? 1 (เปิด)
เคลาด์ อี แชนนอน (Claude E. Shannon) เริ่มใช้คำว่า บิต ในงานเขียนของเขาในปี พ.ศ. 2491 โดยย่อจากคำเต็มคือ binary digit (หรือ binary unit) แชนนอนได้กล่าวถึงที่มาของคำนี้ว่ามาจาก จอห์น ดับบลิว ทูคีย์ (John W. Tukey)ไบต์ (byte) เป็นกลุ่มของบิต ซึ่งเดิมมีได้หลายขนาด แต่ปัจจุบัน มักเท่ากับ 8 บิต ไบต์ขนาด 8 บิต มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ออกเท็ต (octet) สามารถเก็บค่าได้ 256 ค่า (28 ค่า, 0 ถึง 255) ส่วนปริมาณ 4 บิต เรียกว่านิบเบิล (nibble) สามารถแทนค่าได้ 16 ค่า (24 ค่า, 0 ถึง 15)เวิร์ด (word) เป็นคำที่ใช้เรียกจำนวนบิตที่มากขึ้น แต่ก็ไม่มีขนาดเป็นมาตรฐานตายตัว บนเครื่องคอมพิวเตอร์สถาปัตยกรรม IA-32 จำนวน 16 บิตจะเรียกว่าเวิร์ด ในขณะที่ 32 บิตเรียกว่า ดับเบิลเวิร์ด (double word) หรือ dword ในขณะที่สถาปัตยกรรมอื่น ๆ หนึ่งเวิร์ดมีค่าเท่ากับ 32 บิต, 64 บิต หรือค่าอื่น ๆ
ในระบบโทรคมนาคม หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการส่งนิยมใช้หน่วยในรูปของ บิตต่อวินาที (bps - bits per second)
บิตเป็นหน่วยวัดข้อมูลเล็กที่สุดที่ใช้กันทั่วไป แต่ในขณะนี้มีการวิจัยกันในเรื่องการคำนวณทางควอนตัม (quantum computing) ซึ่งใช้หน่วยวัดข้อมูลเป็น คิวบิต (qubit) (quantum bit)
หน่วยนับ
? 1 กิโลบิต(Kb) = 1000 บิต หรือ 1024 บิต
? 1 เมกะบิต(Mb) = 1000 กิโลบิต หรือ 1024 กิโลบิต
? 1 จิกะบิต(Gb) = 1000 เมกะบิต หรือ 1024 เมกะบิต
? 1 เทราบิต(Tb) = 1000 จิกะบิต หรือ 1024 จิกะบิต
ปล. พูดถึงเมืองไทยกับวิทยุสื่อสารระบบดิจิทัล เบญว่าความหวังยังมีนะ อันดับแรกไปของความถี่ UHF
10 ช่อง ที่นักวิทยุสมัครทั่วโลก เขาใช้กันเพื่อวงการวิทยุสมัคร จากกรมไปรษณีย์คืมมาก่อนแล้วกัน
อ้างอิง
www.youtube.com
www.hamradio.arc.nasa.gov
www.icomamerica.com
www38.quickweb.kunde.sserv.de
www.trg-radio.de
www.wikimedia.org
|