" เจ้าหัวหอม " เรื่องเล่าจาก บาด ฮอมบวร์ก
โดย " เบญ "
ชื่อภาพ เจ้าหัวหอม (Zwiebel)
ราคา ความมิตรภาพ
เทคนิค สีน้ำมันบนพื้นผ้าใบ ครั้งแรกในชีวิตของเบญจี้
ผู้สอน อาจารย์พุฒ จากห้องภาพ Phut?s Fine Art
แต่เอ...ทำไมชื่อภาพว่าเจ้าหัวหอมหละ มันหน้าจะดูเหมือนเป็นภาพดอกหน้าวัวนะ ?????? คำตอบนั้นหรือ ...อือ...อย่างนี้ต้องว่ากันยาวแล้วหละ...
เรื่องมันเกิดขึ้นในงาน เทศกาลสัปดาห์ไทย Thailand Grand Invitation ประจำปี 2006 ที่เมือง Bad Homburg ประเทศเยอรมนี งานนี้เป็นงานแสดงวัฒนธรรมไทยและสินค้าไทย หน้าศาลาไทย ( ในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เคยเสด็จมาพักผ่อนและรักษาพระวรกาย ณ สถานอาบน้ำแร่แห่งนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้าง ศาลาไทย ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงความสำราญ ที่พระองค์ท่านทรงได้รับในคราวนั้น ปัจจุบันนี้ศาลาไทยอันสง่างาม เปรียบเสมือนดั่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาด ฮอมบวร์ก ) อยู่ที่สวนสาธารณะ Kurpark ใจกลางเมืองแห่งนี้
ในงานมีการออกร้านขายสินค้าไทยและอาหารไทยมากมาย ให้คนไทยและคนต่างชาติได้จับจ่าย ซื้อข้าวซื้อของ ติดมือกันแบบเรียกได้ว่า สินค้าไทยเนี้ยะ ทำเอาคนที่มาเที่ยวงานกระเป๋าแบนกันได้ทุกคนก็แล้วกัน ต่อให้คุณสามีของสาว ๆ ไทย จะขี้เหนียวอย่างไรก็เถอะ ต้องถูกอ้อนจากภรรยาที่น่ารักให้ซื้อจนได้นั่นแหละ ไม่ว่าจะสิ้นค้าไทยโอท็อป จากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ผักและผลไม้ไทยสด ๆ หรือสินค้าไทยประเภทกุ๊กกิ๊ก เป็นเครื่องประดับบ้าน สวย ๆ งาม ๆ ก็มีให้เลือกซื้อกันอย่างลานตา คนเยอรมนีที่ชอบแต่งบ้านสไตล์เอเชีย เข้ามาเห็นสิ้นค้าในงานแล้ว คันไม้คันมือ อยากซื้อทุกอย่างที่เห็น ถ้ามีเงินในกระเป๋าพอจ่ายก็ว่าได้ และซุ้มที่สร้างความตื่นเต้นสนุกสนานก็คงไม่พ้น ซุ่มจับฉลากของบริษัทการบินไทย ซึ่งมีรางวัลใหญ่ เป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ-เยอรมนี ทำเอานักเสี่ยงโชค หัวใจแทบวายตอนประกาศรางวัลใหญ่ในตอนเย็น ๆ และตลอดทั้งงานมีการแสดงบนเวที ที่สร้างขึ้นมาตรงหน้าศาลาไทย ซึ่งเมื่อมองการแสดงไทยต่าง ๆ แล้ว ศาลาไทยจึงเป็นภาพหลังเวที ที่สวยงามและสง่างามหาที่ติไม่ได้จริงๆ
ทางคณะผู้จัดทำสถานที่ได้เตรียมโต๊ะยาวและม้านั่งยาวไว้สำหรับผู้ชมประมาณ 2 000 คน โดยด้านหลังผู้ชมได้มีซุ้มอาหารไทย ที่ส่งกลิ่นโชยด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ ของอาหารไทยที่ปรุงกันจากกระทะร้อนๆ ไว้บริการผู้มา
ชมงาน คิดดูเถอะ...มันช่างเข้ากับบรรยากาศจริง ๆ อาหารไทยกับการแสดงไทย อือ...คงอิ่มด้วยความอบอวลแบบไทยๆ แม้...รู้สึกอบอุ่นเสียจริง ๆ นอกจากการแสดงกลางแจ้งต่าง ๆ การแสดงดนตรี และการละเล่นแล้ว ยังมีการออกร้านของภาครัฐและเอกชนเอง ก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง เพื่อชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น การสาธิตแกะสลักผักและผลไม้ นวดแผนโบราณ
ในงานนี้ เป็นที่สนใจของกลุ่มคนไทยเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ที่เยอรมนีกันมา นานบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ ได้รวมตัวกันอยู่ที่ ห้องสนทนาสดหรือทีเรียกกันว่า Online ภายใต้ชื่อ " ห้องสนทนา ชาวไทย " หรือที่ลิงค์ http://schau-thai.de/forum/ index.php (Schau-ThaiForum ) ภายในห้องสนทนา ชาวไทย ก็เป็นที่ที่คนไทยที่อาศัยอยู่ที่เยอรมนี หรือผู้ที่กำลังจะมาอยู่เยอรมนี เข้ามาทำความรู้จักกัน และเรียนรู้กัน แลกเปลี่ยนความรู้กัน จนบางทีสนิทสนมกันเป็นพี่น้องไปเลยก็มี
ใน " ห้องสนทนา ชาวไทย " นี้ ได้มีห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ชื่อห้องว่า " ห้องทักทาย " อยู่ที่ต้อนรับสมาชิกใหม่ โดยผู้เริ่มทักทายใช้นามเรียกว่า " เบญจมาศ " หรือที่ใคร ๆ ที่ห้องสนทนาเรียก เบญ พี่เบญ ไอ้เบญ แล้วแต่ใครเกิดก่อนใคร สนิทกันแค่ไหน
เบญ สาววัยกลางคน คุณแม่ลูกชาย 2 คน รูปร่างใหญ่ แต่ใจดี มีคุณสามีเป็นชาวเยอรมนีที่น่ารัก เธอได้เข้ามาเป็นสมาชิกห้องสนทนา ชาวไทย ได้ยังไม่ถึงปี แต่มีพี่น้องชาวไทยที่รู้จักจากห้องสนทนานี้อย่างมากมาย ซึ่งทำให้เธอเริ่มมีโลกไซเบอร์เล็ก ๆ ขึ้นมา และเธอมีความรู้สึกว่า " ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงไทยคนเดียวที่อยู่ประเทศเยอรมนีอีกแล้วนะ " เธอจะมีเวลาเข้ามาให้โลกส่วนตัวของเธอวันหนึ่งประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วแต่โอกาส จากเวลาว่างของการทำงานในบ้านและนอกบ้าน จากเมื่อ 5 ปีก่อนที่เธอเอาแต่อ่านหนังสือ หรือ เอาหนังสือเป็นเพื่อน
สมาชิกห้องสนทนา ที่เบญรู้จัก ที่เกี่ยวกับเรื่อง " เจ้าหัวหอม " ก็มี
พี่พัช หรือ PATTY สาวใหญ่ ร่างเล็ก แต่น่ารัก คุณแม่ลูกชาย 2 คน ผู้ผ่านความเป็นความตายมาแล้ว เธอเป็นคนที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา และมีความสนุกที่สามารถแบ่งให้ทุก ๆ คนได้อย่างไม่มีวันหมด ทุกคนที่ห้องสนทนาที่มาที่ห้องสนทนา ชาวไทย ทุกคนต้องรู้จักเธอ ใครไม่รู้จัก ถือว่าเชยเอามาก ๆ ก็ว่าได้ เธอเข้าไปเยี่ยมกระทู้ได้ทุกกระทู้ ไม่รู้เอาความสามารถจากไหนมานะ แล้วทำได้อย่างไรเนี่ยะ
พี่แคท หรือ New Cat@ สาวใหญ่ คุณแม่ลูก
สาว 3 คน รูปร่างงามเหมือนใบหน้า ก็ต้องงามสิ สาวเหนือนะเจ้า...... เธอเป็นคนอารมณ์ดี และเป็นคู่กัดของพี่พัช พี่พัชไปกระทู้ไหน พี่แคทก็สามารถตามไปกัดตามหลังได้ติดๆ แล้วกันนะ ห้องสนทนาไม่เคยเหงา เพราะพี่แคทจะมีเวลามาตอบคำถามน้อง ๆ ได้ตลอดเวลา
นางพุฒ หรือ leoput สาวน้อย (ก็น้อยจริงๆ นะ) เธอเป็นสาวประเภทสอง ที่กลายเป็นนางซินฯ ไปเสียแล้ว ชีวิตเธอแย่กว่าพวก เธอเหมือนนกน้อยในกรงทองคำ เธอได้แต่งงานกับเจ้าของบริษัทขนส่งขนาดกลางที่มีความหึงเต็มพิกัด เพราะนางพุฒของเราสวยจนคุณสามีไม่ให้ไปไหนโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ชีวิตของเธอเลยไม่มีอิสระเท่าที่เธออยากจะมี มาถึงตอนนี้เธอจึงอยากจะบอกใครๆ ว่า " มีเงินเยอะแต่ไม่มีอิสระก็เท่านั้นแหละ "
พี่ภร หรือ Jutiphon สาวใหญ่ ลูกสาว 1 คน ร่างเล็ก ดำขำสวยแบบสาวใต้โดยแท้ เธอผู้มีความสามารถในการ ปรุงอาหารใต้อย่าง " แกงไตปลา " ได้อย่างแม่ครัวหัวป่าก์มือหนึ่ง
พี่หน่อย หรือ noyne สาวใหญ่ ลูกสาว 1 คน สาวผู้สวยคงกะพัน ไม่รู้คนอะไร ทำไมถึงได้สวยได้ตลอดขนาดนั้น เธอไม่ได้สวยอย่างเดียว แต่ความเก่งของเธอก็หาผู้หญิงใดเทียบเท่าได้ เช่น ทำเว็บ วาดรูป ออกแบบเสื้อผ้า แต่งเพลง แปลหนังสือ ทำอาหาร ฯลฯ พูดไปไม่จบแน่ๆ
พี่หน่อย หรือ Noi สาวใหญ่ที่แสนเก่ง และใจดี มีลูกสาวที่แสนสวย
น้องแอน หรือ AnnMaeDominique สาวน้อยผู้สดใส ลูกชาย 1 คน เธอเป็นคนที่ยิ้มแล้ว ทำให้โลกนี้สดใสได้อย่าเหมือนกับมนต์แนะ ความอ่อนน้อมถ่อมตัวของเธอ ทำให้เธอเป็นที่รักของพี่ ๆ ทุกคน
น้องnuhin สาวน้อยที่เพิ่งรู้จักกับเบญเมื่อวันงาน เธอมีความสนุกสนานและมีเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา มีคุณสามีที่น่ารัก แต่เธอช่างไม่น่ารักเอาเสียเลยเวลาเรียกคุณสามีว่า " ไอ้อ้วน "
พี่โสร หรือ Rose สาวใหญ่ที่ใจดี เบญก็รู้จักกันเมื่อวันงานเหมือนกัน เบญอยากรู้จักพี่โสรมากกว่านี้ด้วย หน้าเสียดายตอนนั่งทานข้าวเรานั่งไกลกันไปหน่อย
ปอง ๆ สาวน้อย ร่างสูงใหญ่ แต่เล็กกว่าเบญหน่อยเดียว ที่ชอบกวนเพื่อนๆ ตามประสาเด็กๆ ที่ห้องสนทนา และเคยเป็นคู่ปรับกับนางพุฒของเรามาก่อนด้วยนะ
จัสมิน หรือ jasminchen สาวน้อย ร่างเล็ก รูปของเธอไม่เคยมีใครเห็นที่ห้องสนทนา เพราะเป็นการขอร้องของคุณสามีของเธอ ห้ามลงรูปที่ห้องสนทนาอย่างเด็ดขาด เพราะความน่ารักของใบหน้าเธอแท้ ๆ เลยทำให้เธอแปะรูปที่ห้องสนทนาไม่ได้ หรือด้วยความ " หึง " ไม่เข้าท่าของสามีเธอนะ
น้องปลา สาวน้อยขี้อาย แต่ใจกล้า เธอชอบมาอ่านกระทู้ต่าง ๆ ที่ห้องสนทนาทุกวัน และกำลังรวบรวมความกล้าอยู่ เพื่อที่จะออกตอบกระทู้เพื่อน ๆ ดูบ้าง แต่อันดับแรกขอไปสวัสดีและเจอตัวจริงกันก่อนในงานวันนี้
ตอนนี้เวลาเกือบเที่ยงแล้ว เบญกำลังหอบข้าวปลาอาหารเพื่อมาเลี้ยงเพื่อน ๆ ที่ห้องสนทนาอย่างที่นัดหมายไว้ อย่างกับบ้าหอบฟาง เดินมาทางด้านข้างเวที และกำลังมองหาเต้นท์ของนางพุฒ ซึ่งสามีของเธอมาออกร้านขายรูปร่วมอยู่ในงานนี้ด้วย เดินวนอยู่รอบหนึ่งก็เจอร้านขายรูป ที่ออกแบบ แบบง่าย ๆ เน้นความสวยของรูปเรียกลูกค้าอย่างเดียว เบญเข้าไปทักพุฒและสามีของเธอ และถามถึงสถานการณ์ของวันนี้ว่าเป็นอย่างไร และจะให้เอาอาหารการกินไว้ที่ไหน พุฒรีบเตรียมพื้นที่ด้านหลังเต้นท์ เพื่อที่จะวางข้าวของให้เบญ และเบญก็เดินกลับไปที่รถคุณสามีของเธอเพื่อที่จะขนอาหารที่เตรียมไว้
พอดีก็มีสาวน้อยร่างเล็ก ๆ คนหนึ่ง เดินมาทักเบญที่หน้าเวที ทำเอาสาวเบญตกกะใจ ใครกันเนี่ยะ ไม่เคยรู้จักเลยแต่ทำไม่เรียกชื่อเบญได้ถูกต้องเหมือนรู้จักกันมาเป็น สิบปี ที่แท้ก็จัสมินนี้เอง พอทักทายกันเรียบร้อยกันนัดหมายไปเจอกันที่ร้านนางพุฒนะ เดียวคนที่ห้องสนทนาก็ไปที่นั่น
พรากจากจัสมินไม่ถึงนาที ก็เจอสาวใหญ่ หน้าตาคุ้น ๆ คนหนึ่ง ในชุดไทยใหญ่ภาคเหนือ ช่างเหมาะสมกับหน้าตาของพี่แคทเสียจริง เมื่อทักทายกันเป็นที่หายคิดถึงแล้วก็พากันเดินไปที่เต้นท์ของนางพุฒ และเมื่อเจอกันเราสามคนก็ถามหา พี่พัช พี่ของพวกเราไปไหนนะ ทำไมยังมาไม่ถึง แล้วก็เม้าท์เรื่องต่าง ๆ ที่ห้องสนทนากันต่ออย่างเมามัน แล้วพี่แคทก็หิ้วข้าวเลยไปซื้ออาหารเจ ที่ร้านอาหารไทยมากินที่เต้นท์นางพุฒ เมื่อเบญเห็นดังนั้นเลยเอาปลาทอดออกมากินกับข้าวเป็นเพื่อนพี่แคท โดยก่อนหน้านี้คุณสามีพี่แคทได้ทานมันฝรั่งต้มกับหมูอบราดซ้อสเนื้อ และน้องนู๋โจ๊ก็ทานข้าวเหนียวกับน่องไก่ทอดแล้ว เมื่ออิ่มกันแล้วก็เมาท์กันต่อ
แหละแล้ว ก็มีสาวน้อยผู้ดำขำนาม หนูหิน มาทักทาย สมทบวงสนทนากันต่อไป และถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน และพี่แคทและหนูหินก็ขอตัวไปเดินชมงานต่อ เพราะเพิ่งมาถึง บ่ายกว่าๆ แล้ว นางพุฒของเราเกิดอาการอยากเดินชมงานกับคุณสามีบาง เลยขอฝากเต้นท์ไว้กับเบญแป๊ปหนึ่ง เพื่อพาเจ้าลูลู่ออกเที่ยวด้วย
ไม่ถึงห้านาที ก็มีสาวสวย ตัวเล็ก ๆ ใส่ชุดหวานแหวว ทาปากสีแดง เดินเข้ามาใกล้ๆ เบญ และเงยหน้าขึ้นบอก " พี่เอง " เบญทำหน้างง แบบนึกไม่ออกใครกันหว่าเนี่ยะ...และก็ได้รับคำตอบจากเธอว่า " พี่ภรไง "
ออ...เบญถึงบางอ้อเลยนะ จะให้จำได้อย่างไรหละ ก็ตัวจริงของพี่ภร ทำไมสวยกว่าในรูปเยอะจังเลยหละ แล้วอย่างนี้ใครจะไปจำได้หละ เบญและพี่ภรก็ทักทายกันและเมาท์กันต่อเรื่องที่ " ห้องสนทนา " จนนางพุฒกับมาสมทบและก็เมาส์กันจนพี่ภรรู้สึกว่าหิวแล้ว เพราะบ่ายกว่ามากแล้ว จึงขอตัวไปทานข้าวที่ใต้ต้นไม้ ตรงกันข้ามกับเต็นท์นางพุฒ หลังร้านขายกาแฟนู้น พี่ภรชวนเบญไปทานอาหารร่วมกันเพราะพี่ภรทำแกงไตปลามาฝากด้วย แต่พอดีเบญทานอาหารกลางวันไปกับพี่แคทแล้วเมื่อตอนเที่ยง เลยขอตัวก่อนและนัดหมายว่าเดี๋ยวตอนเย็นมารวมตัวกัน และทานอาหารเย็นพร้อมกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาดีกว่า พี่ภรกลับไปที่รถและหิ้วถุงแกงไตปลา 2 ถุงใหญ่มาให้น้องเบญและบอกฝากให้เพื่อน ๆ ที่ห้องสนทนากินตอนเย็นกัน น้องเบญก็เลยให้ปีกไก่ทอดกับหมูอบและขนมไปฝากกลุ่มของพี่ภร สำหรับอาหารกลางมื้อนี้ด้วย
เบญรู้สึกว่าอยากวาดรูปบ้างจัง เพราะได้เห็นภาพสวย ๆ ในร้านพุฒ จึงขอร้องนางพุฒ " ช่วยสอนให้หน่อยสิ เรื่องวาดรูปนะ " ด้วยนางพุฒเป็นคนใจอ่อนง่าย และใจดีอยู่แล้ว เลยยอมเป็นอาจารย์สอนวาดรูปให้เบญจนได้ เบญต้องการวาดรูปดอกหน้าวัว ที่พุฒวาดเอาไว้อยู่ภาพหนึ่ง แต่เป็นกลุ่มช่ออย่างใหญ่ มองเหมือนมันกำลังปลิวไหวได้จริงๆ ด้วยปลายพู่กันของนางพุฒ เบญขอวาดดอกเดี่ยวแล้วกันเป็นการเรียนเทคนิคสีน้ำมันบนพื้นผ้าใบครั้งแรกในชีวิตของเบญ เบญบอกกับตัวเองว่า ต้องตั้งใจนะ และสร้างสมาธิให้กับตัวเองให้ได้ เพราะว่าอยู่ในเต้นท์ ในงานที่มีเสียงรบกวน ความร้อนที่อบอ้าวของเดือนกรกฎาคม
ขณะที่เบญกำลังเริ่มร่างส่วนด้านบนของดอกหน้าวัวสีส้ม พี่พัชคนเก่งของเราก็มาถึงเต้นของนางพุฒ และเข้ามาทักทายกันไม่ทันนาที คุณพี่ของเราก็บ่นว่าหิวเสียแล้ว และแล้วก็เข้าไปที่หลังเต้นท์ หาส่วนของร่มเพื่อที่จะนั่งกินข้าวได้ เบญมีไก่ทอด และปลาทอดทานกับข้าวให้กับพี่พัช และพริกน้ำปลามะนาว แต่มันไม่เผ็ดถึงใจพี่พัช เธอจึงขอ " พริกบ่น " เพิ่ม และเทไว้ที่ขอบจานอย่างมาก " อือ อะไรจะกินเผ็ดได้ขนาดนั้นน่ากลัวจริง ๆ กินเข้าไปได้อย่างไร " ส่วนคุณมาร์ติน สามีของพี่พัชได้ทานหมูอบกับเบียร์ ที่ทั้งสองหิ้วกันมากระติกอย่างใหญ่ จากซาร์แลนด์
เมื่อพี่พัชอิ่มดีแล้ว ก็เข้ามาดูน้องเบญวาดรูป และถามน้องเบญว่า " น้องเบญวาดรูปหัวหอมหรือจ๊ะ " น้องเบญก็มองหน้าพี่พัชแบบงอนๆ แต่ยังไม่พูดอะไรออกมา แต่นึกในใจว่า " ใช่ๆ ก่อนที่ต้นดอกไม้จะโตและออกดอกได้มาบานเป็นดอกหน้าวัวได้ มันก็ต้องเป็นหัวหอมเล็ก ๆ ก่อนไง "
แล้วเพื่อน ๆ ที่ห้องสนทนาก็เริ่มเข้ามาสมทบกันที่เต้นท์ของพุฒ ก็มี 2 หน่อย น้องแอน พี่โสร น้องปลา น้องบอน ๆ พี่ดวง และอีกส่วนหนึ่งที่จำชื่อไม่ได้ เมื่อจับกลุ่มกันได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นอกจากเมาท์กันอย่างเดียว และถ่ายรูปเล่นกันเป็นที่สนุกสนาน เมื่อเมาท์กันจนเหนื่อย ก็ขอตัวกันไปเดินชมงานซื้อของกันอีกรอบ ใครมีลูกเล็กๆ ก็ทิ้งไว้วาดรูป
กับเบญที่เต้นของพุฒ เช่น น้องพลอย ลูกแม่หน่อยคนเก่ง น้องนู๋โจ๊นลูกสาวคนเล็กพี่แคท ลูกชายพี่เรืองรอง และลูกสาวของใครไม่ทราบอีก 2 คน นึกภาพเอาเถอะว่าจะเป็นอย่างไร สมาธิกระเจิงหลายรอบเหมือนกันนะเบญของเรานะ เพราะเด็กๆ เยอะ เดี่ยวหิวน้ำ เดี่ยวสีเลอะมือ เดี่ยวคนนี้ทำภาพคนนี้สีเปื้อน เดี่ยวสีระบายไม่ออก เพราะไม่ฉ่ำน้ำ สีนี้หมด สีนี้เลอะ ฯลฯ ฮือๆๆๆ เลยเบญบอกกับตัวเอง " จะเสร็จไหมเนี้ยะเจ้าหัวหอมของฉัน " แต่ภาพเจ้าหัวหอมนี้ก็มีความมิตรภาพจากเพื่อน ๆ ที่เมื่อผ่านเข้ามาในเต้นท์ ก็ต้องมายืนดูเบญวาดรูป และทุกคนก็จะส่งกำลังใจ ให้กับเบญ ให้วาดให้สำเร็จนะ เสมือนการที่เพื่อนๆ ใน " ห้องสนทนา " เวียนเปลี่ยนกันมารดน้ำให้กับเจ้าหัวหอมของเบญ เพื่อที่มันจะได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จะด้วยคำชมหรือคำพูดทักทายก็ตาม
เจ้าหัวหอมเกือบจะได้บานแล้วก็เย็นเสียก่อน และฝนก็เทลงมาจากฝากฟ้า ทำให้พุฒและสามีของเธอต้องรีบเก็บภาพเข้าเต้นท์ทั้งหมด และอุปกรณ์เครื่องอาหารการกินของเบญอีก เพราะเบญไม่ยอมทำอะไรเลยนอกจากวาดเจ้าหัวหอมอย่างเดียว เพราะกลัวมันจะไม่ได้บานเป็นดอกไม้ก่อนได้กลับบ้าน แต่ดีที่พี่เรืองรองมาช่วยเก็บอีกคน เบญเลยรอดตัวไป เมื่อสมาชิกเริ่มมาสมทบกันที่เต้นท์นางพุฒ พื้นที่เต้นท์ก็แคบลงในทันที นางพุฒใจดี เลยเก็บรูปภาพที่โชว์ออกร่วมกันไว้ข้าง ๆ เต้นและทำพื้นที่ตรงกลางเต้นให้กว้าง ๆ เพื่อที่จะได้ตั้งเป็นวงกินอาหารเย็นของกลุ่มห้องสนทนาได้ อาหารเย็นมื้อนี้อร่อยมาก มีทั้งแกงไตปลา สะตอพี่ภร น้ำพริกกะปิ มะเขือชุดไข่ทอดพี่หน่อย ไส้กรอกนางพุฒ ไก่ทอด หมูอบ ปลาทอดของเบญ และข้าวเหนียวพี่เรืองรอง และอีกส่วนหนึ่งที่จำไม่หมด เพราะเยอะมากนะอาหารมื้อนี้ กินกันไปเมาท์กันไป อย่างสนุกสนาน เมื่อใกล้อิ่มกัน ก็มีการถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก ถึงความสนุกสนาน ความอบอุ่น ความมิตรภาพ ที่เรามีให้กันในวันนี้
เมื่อทุกคนเริ่มแยกย้ายกันกลับบ้าน อาจารย์พุฒของเบญก็เริ่มที่จะมีเวลาให้กับเบญแล้ว ก็มาถึงช่วงส่งงานอาจารย์ อาจารย์พุฒเห็นภาพแล้วก็สอนเทคนิคการทำให้ภาพเป็นสามมิติ โดยการเพิ่มเงาของภาพ อาจารย์พุฒของเบญจับพูกันแต้มสีขาวและปัดไปที่ภาพ " เจ้าหัวหอม " แค่ไม่กี่ครั้ง ภาพเจ้าหัวหอมก็ดูมีชีวิตขึ้นมากได้อย่างตาเห็นจริงๆ เบญยิ้มจนแก้มปริเพราะ " เจ้าหัวหอมของฉัน ตอนนี้มันได้โตและออกดอกเป็นดอกหน้าวัวแล้วหละพี่พัช "
|