พยายามลักทรัพย์
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 334 บัญญัติว่า
"ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต
ผู้นั้น
กระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี
และปรับไม่
เกินหกพันบาท"
มาตรา
80 บัญญัติว่า
"ผู้ใดลงมือกระทำความผิด
แต่กระทำไปไม่ตลอด
หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การ
กระทำนั้นไม่บรรลุผล
ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด
ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่
กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น"
งัดประตูรถกระบะจนเปิดออก
และงัดกุญแจล็อกประตูรถออกไปได้
จะถือว่าเป็น
การลงมือกระทำความผิดแล้วหรือไม่
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยในคำพิพากษาศาลฎีกาที่
448/2543 ว่า
จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับในขณะที่กำลังก้มเงยอยู่ข้างประตูด้านคนขับรถ
กระบะคันที่เกิดเหตุ
โดยมีลูกกุญแจ 2 ดอก
กุญแจล็อกประตูรถกระบะอยู่ใน
กระเป๋าเสื้อจำเลย
ส่วนประตูรถกระบะเปิดได้และพบประแจบล็อก
3 ทางกับ
ไขควงวางอยู่ที่เบาะคนขับ
ประตูรถด้านคนขับมีร่องรอยงัดแงะตรงช่องกุญแจ
ส่วนกุญแจหายไป
จำเลยแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าพี่ชายให้มาเอารถ
แต่ลืม
กุญแจจึงงัดรถเข้าไป
ส่วนเงิน 1,000 บาท
ที่จำเลยมีติดตัวอยู่นั้นเตรียมไว้เป็น
ค่าน้ำมันรถ
พฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยงัดประตูรถกระบะเข้าไป
โดยมีไม้บรรทัดเหล็ก
ไขควง ประแจบล็อก 3 ทาง
กุญแจ 2 ดอก
และไฟฉายเป็น อุปกรณ์
ถึงแม้กุญแจ 2
ดอกไม่มีเขี้ยวและไม่ปรากฏว่าใช้ไขสตาร์ทรถกระบะได้
หรือไม่ก็ตาม
แต่ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยแล้วว่าต้องการใช้อุปกรณ์
เหล่านั้นเป็นเครื่องมือเพื่อเอารถกระบะไป
เมื่อจำเลยงัดประตูรถกระบะจนเปิด
ออก และงัดเอากุญแจล็อกประตูรถออกไปได้
ถือได้ว่าเป็นการลงมือเพื่อจะเอา
รถกระบะไปโดยทุจริตแล้ว
เมื่อไม่สามารถเอารถกระบะไปได้จะด้วยเหตุเพราะ
ยังไม่ได้ทำลายกุญแจล็อกเกียร์หรือเพราะมีเจ้าพนักงานตำรวจมาพบการกระทำ
ความผิดของจำเลยเสียก่อนก็ดี
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายาม
ลักทรัพย์
(คำพิพากษาศาลฎีกาของสำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ปี 2543 เล่ม 2 หน้า 63)
Thailegal
30/11/43
|