อาญา

http:www.oocities.org/thailegal ศูนย์รวมความรู้ทางด้านกฎหมายไทย Update everyweek

<Home> <Webboard> <Guestbook> <Condition> <About Me>
 <
แพ่งและพาณิชย์> <อาญา> <วิธีพิจารณาความแพ่ง> <วิธีพิจารณาความอาญา> <คำคม>
 <
Education> <Legal Word> <Coffee Break><The Rule of Law>

 
กรรมการผู้ประทับตราบริษัทในเช็ค

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด และจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการ

ว่าร่วมกันสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้โจทก์แล้ว ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน

ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534

มาตรา 4

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง เรียงกระทง

ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามเช็คฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 4

ปรับกระทงละ 20,000 บาท และเช็คฉบับที่ 5 ปรับ 40,000 บาท จำคุก

จำเลยที่ 2 ตามเช็คฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 4 กระทงละ 2 เดือน และเช็คฉบับที่

5 จำคุก 4 เดือน รวมลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 120,000 บาท จำคุก

จำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์

แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง

คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 60,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน

หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่

แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า จำเลยที่ 2 มิใช่

เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาท แต่เมื่อเช็คพิพาทเป็นของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่ง

จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทจำเลยที่ 1 และมี

อำนาจลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ ย่อมต้องทราบฐานะ

การเงินของบริษัทจำเลยที่ 1 ว่ามีเงินพอที่จะจ่ายตามเช็คได้หรือไม่ ดังนั้น

เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ 1 ในเช็คพิพาท

และส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้

ร่วมกระทำผิดตามฟ้องด้วยแล้ว เพราะความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิด

อันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าผู้กระทำผิดคือผู้ออก

เช็คเท่านั้น บุคคลอื่นก็อาจร่วมกระทำผิดเป็นตัวการด้วยได้

ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามฟ้องด้วย แต่ให้

รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ เนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2

ไม่ร้ายแรงนัก ทั้งจำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วบางส่วนเป็นเงิน

79,000 บาท ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้

พยายามบรรเทาผลร้ายแล้ว ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยรับโทษจำคุก

มาก่อน  เป็นคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5637/2542


บทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534

มาตรา 4  ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย

โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

(1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น

(2) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้

(3) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ได้

ในขณะที่ออกเช็คนั้น

(4) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตาม

เช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้

(5) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต

เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธ

ไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท

หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ

 

 

Webmaster : Thailegal
more information,contact : thailegal@yahoo.com
Copyright(c)2000,Thailegal,All Right Reserved