คำขอให้พิจารณาคดีใหม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 199 จัตวา
บัญญัติว่า
"คำขอให้พิจารณาคดีใหม่นั้น
ให้ยื่นต่อศาลภายใน 15
วัน
นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย
ที่ขาดนัดยื่นคำให้การ
แต่ถ้าศาลได้กำหนดการอย่างใด
ๆ
เพื่อส่งคำบังคับเช่นว่านี้โดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน
จะต้องได้มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นแล้ว
ในกรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่
กำหนดโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
จำเลยนั้นอาจยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ภายในกำหนด
15 วันนับแต่
วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง
แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนด
6
เดือนนับแต่วันที่ได้
ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น
คำขอตามวรรคหนึ่ง
ให้กล่าวโดยชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยได้ขาดนัดยื่นคำให้การ
และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลท
ี่แสดงให้เห็นว่าหากศาลได้พิจารณาคดีนั้นใหม่
ตนอาจเป็นฝ่ายชนะ
และในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้า
ให้แสดงเหตุแห่งการที่
ล่าช้านั้นด้วย"
หมายเหตุ
บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่แก้ไขใหม่
มีข้อความบางส่วนตรงกับมาตรา
208 เดิม
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่จะต้องระบุข้อความอะไรบ้าง
หากศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่และได้ดำเนินการ
ไต่สวนพยานจำเลยไปบ้างแล้ว
ศาลจะมีอำนาจเพิกถอนคำสั่ง
เนื่องจากคำร้องระบุเหตุไม่ครบถ้วนตามกฎหมายและสั่งไม่รับ
คำร้องได้หรือไม่
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นคำพิพากษาศาลฎีกา
ที่ 1340/2543 ว่า
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยกล่าวอ้างแต่เหตุที่จำเลยขาดนัดและเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้า
ไม่ได้กล่าวอ้างหรือ
แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยแพ้คดีไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใด
อย่างไร และ
ไม่ได้แสดงเหตุผลว่าหากมีการอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่
จำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร
เป็นคำร้องที่มิได้กล่าวโดยละเอียด
ชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล
แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องและไต่สวนพยานจำเลยไปบ้างแล้ว
ก็มีอำนาจ
เพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งไม่รับคำร้องเพื่อให้ถูกต้องได้
เพราะมีอำนาจสั่งได้เมื่อเห็นสมควร
หรือเมื่อคู่ความฝ่ายที่เสียหาย
ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องเนื่องจากการที่มิได้ปฏิบัติเช่นว่านั้น
หมายเหตุ
คำพิพากษาฎีกาฉบับนี้
เป็นการวินิจฉัยตามบทบัญญัติมาตรา
208
ซึ่งถูกแก้ไขโดยระบุไว้ในมาตรา
199 จัตวา
(คำพิพากษาศาลฎีกาของสำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ปี 2543 เล่ม 4 หน้า 52)
Thailegal
05/02/44
|