แนวคำตอบ

http:www.oocities.org/thailegal ศูนย์รวมความรู้ทางด้านกฎหมายไทย Update everyweek

 <Home> <Webboard> <Guestbook> <Condition> <About Me> <Education> <Legal Word> <Cooffee Break> <The Rule of Law>
 <
แพ่งและพาณิชย์> <วิธีพิจารณาความแพ่ง> <วิธีพิจารณาความอาญา>
<
อาญา> <คำคม>

เนติบัณฑิต สมัยที่ 52 ภาค 2 

 กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

    ข้อ 6.ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานพยายาม

ฆ่านายลมตามฟ้องนั้น ข้อหาความผิดนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์

พิพากษายกฟ้อง คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาทั้งในปัญหา

ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 ดังนั้นการที่

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยที่ 1ไม่

เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และฎีกาด้วยว่าพยาน

หลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานพยายาม

ฆ่านายลม ขอให้ลงโทษตามฟ้องซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

 ล้วนต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามมาตรา 220 ดังกล่าวข้างต้น

ทั้งสิ้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์มา จึงชอบแล้ว

        ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานทำร้าย

ร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 

จำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ว่าศาลชั้นต้น

วินิจฉัยชอบแล้ว เท่ากับพิพากษายืนนั่นเอง เมื่อศาลอุทธรณ์

พิพากษายืนและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 เกินห้าปี กรณีจึงต้อง

ด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคสอง ซึ่งต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกา

ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่มาตรา 218 วรรคสองนี้ห้ามฎีกาใน

ปัญหาข้อเท็จจริงเฉพาะโจทก์เท่านั้น หาได้ห้ามจำเลยไม่ ดังนั้น

 แม้ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิดฐานทำร้าย

ร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ยกฟ้อง จะเป็นฎีกา

ในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา

 218 วรรคสองดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ

ฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบ

       Thailegal 11/11/43  

 



สารบัญข้อสอบ

 

Webmaster : Thailegal
more information,contact : thailegal@yahoo.com
Copyright(c)2000,Thailegal,All Right Reserved