กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อ
8. (ก) จำเลยกู้เงินโจทก์
50,000 บาท
โดยมีสัญญากู้ที่แนบท้ายฟ้อง
ซึ่ง
จำเลยได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
จึงเป็นการู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ซึ่ง ป.พ.พ. ม.653 วรรคสอง
บังคับว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐาน
เป็นหนังสือ
อย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดง
ดังนั้น การนำสืบว่า
จำเลยได้ชำระต้นเงินกู้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว
จึงเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับ
ให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงตาม
ป.วิ.พ. ม.94
จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยาน
บุคคลมาสืบว่า
ได้ชำระต้นเงินกู้ให้โจทก์ครบถ้วนแล้วได้
แต่การนำสืบว่าจำเลย
ได้ชำระดอกเบี้ย
ให้โจทก์ไปครบถ้วนแล้วนั้น
ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยาน
เอกสารมาแสดง
จำเลยจึงมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของตนได้
(ข)
การนำสืบพยานบุคคลว่าจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญาเลย
เพราะความจริง
เป็นเรื่องโจทก์ขอซื้อที่ดินจากจำเลย
จำเลยตกลงขายให้
แต่ยังโอนทางทะเบียน
ไม่ได้
โจทก์จึงขอให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้ให้เท่าราคาที่ดินบางส่วนที่จำเลยรับไว้
เพื่อไม่ให้จำเลยเอาที่ดินคืน
ต่อมาจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์แล้ว
โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง
การสืบพยานบุคคลของจำเลยเช่นนี้
เป็นการนำสืบถึง
ที่มาของหนี้ตามสัญญากู้
มิได้เป็นการนำสืบเพิ่มเติม
ตัดทอน
หรือเปลี่ยนแปลง
แก้ไขข้อความในเอกสารสัญญากู้
อันจักต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.
ม.94 (ข) จำเลย
จึงมีสิทธินำสืบพยานบุคคลได้
Thailegal
14/11/43
|