ว่าจะเอามาลงพอดีเลยดีมีคนช่วยลง อิอิ วันนี้เอาภาค 4 ไปเลย
.
..
...
....
นี่ค่ะตั๋วเครื่องบินที่คุณจองไว้
พนักงานส่งตั๋วของการบินไทยยื่นตั๋วมาให้
ผมรับและจ่ายตังไป หยิบตั๋วขึ้นมาดู
M.r kitipong sarouyjirawat
t.g104 seat 15 non smoking 
from bangkok allive to tennesse
date 10/9/02 time 12.00 
ผมเก็บตั๋วเข้ากระเป๋า..............
ยิ้มกับตัวเอง มินรอก่อนนะเราจะไปหาแล้ว
คืนนั้นที่บ้าน....................นั่งล้อมวงกินข้าวทั้งครอบครัว
ผม แม่ พ่อ และน้องสาว.............. 
บรรยากาศแบบเงียบๆต่างคนต่างกิน..........
ผ่านมาเกือบอาทิตยแล้วที่มินไปเมกา.............
ทิ้งผมไว้ที่นี่.............
ผมพยายามติดต่อมิน แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยแม้แต่จะถามว่ามินไปอยู่ที่ไหนเมืองไหน
ก็ยังดีที่วาวาผู้รอบคอบ ..................ได้ขอเบอรโฮมเสตยที่มินจะไปอยู่เอาไว้
เธอจดที่อยู่ใว้ให้ในกระดาษแผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่งให้ผม
เชื่อไหมผมจองตั๋วไว้พรุ่งนี้
แต่ผมยังไม่ได้บอกพ่อแม่เลย
............................................................
ทุกคนสนใจกับรายการทีวีที่อยู่ตรงหน้า
เป็นละครที่พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
ตามสมัย..............
“พ่อครับ”ผมเอ่ยเบาๆ
ทุกคนหันมาเลยครับ ผมคงเงียบนานไปหน่อยมั้ง
พอพูดก็เลยเป็นสิ่งแปลกประหลาดไป
แม่หยิบรีโมทขึ้นมาปิดทีวีเลยครับ
คิดเอาเอง...............เวอรขนาดไหน
ทั้งห้องเงียบกริบ..............
เงียบเหมือนรอผมจะพูดอะไรบางอย่าง
.......................คือ ผมจะไปอเมริกาครับ...........
น้องผมทำช้อนหล่นตะลึง............
แม่กุมหัวเลยครับมันหมายความว่าไงหว่า.........
พ่อยิ่งหนักครับ พูดอะไรไม่ออก
จะไปทำไมล่ะลูก มันไกลรู้ไหมแม่เป็นห่วงน่ะ แม่ผมพูดออกมาทันที-_-สงสัยไม่อยากให้ผมไปแน่ๆ
“แม่ช่วงนี้ก็ปิดเทอมนะครับ....................แล้วผมก็อยากจะเจอใครบางคน
ใครคนนึงที่สำคัญ มากๆสำหรับผม
ผมก็แค่อยากให้พ่อแม่เข้าใจผมมากขึ้นนะครับ ว่าผู้ชายมันก็มีบางสิ่งที่ต้องไขว่คว้า
บางสิ่งที่ไม่อยากให้หลุดมือไป”ผมเริ่มบ่นแล้วครับ
พ่อผมลุกจากเก้าอี้ครับ..............เดินไปข้างบนเงียบๆ
ผมได้แต่มองตามพ่อผมไป
เวงกรรมพ่อไม่ให้ผมไปแน่ๆ แต่ผมตัดสินใจแล้วครับ............ผมไปเองก็ได้
เงินเก็บก็พอมี ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม
ผมก็จะไปครับ ไปตามหามิน
แม่ผมเดินมาหาผมนั่งลงข้างๆ
“ทำไมถึงอยากไปอเมริกาล่ะลูกบอกแม่ได้หรือเปล่า” แม่ผมยังยิ้มครับ
ความจริงผมอยากให้แม่ผมโกรธเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าดูยังไงผมคงเอาแต่ใจเกินไปใช่ไหมล่ะครับ
แต่แม่ก็จะฟังผมเสมอ ฟังผมเล่าเรื่องมินเงียบๆ
ครั้งแรกที่ผมเจอมิน ครั้งแรกที่รักกัน ความรู้สึกตอนมินหายไป
ผมเล่าอยู่นานครับ ราวกับมันเป็นทุกๆอย่าง
ท่านนิ่งเหมือนจะเข้าใจ
ท่านเดินไปที่ชั้นวางหนังสือห้องรับแขก หยิบอัลบั้มเก่าๆมาเล่มนึง
อัลบั้มสีขาวซีดๆแต่ถูกห่อไว้ด้วยปกพลาสติกอย่างดี
แม่..................ผมพยายามพูดต่อ
แม่ได้แต่จ้องมองไปที่ภาพในนั้น
เป็นภาพของเด็กชายคนนึง กำลังอยุ่ในอ้อมอกพ่อและแม่ห่อไว้ด้วยผ้าสีขาวแม่ยังอยู่ในชุดคนไข้
พ่อกับแม่ยิ้มกว้าง เด็กทารกปิดตาไม่รู้เรื่องอยู่อย่างนั้น.......แต่ก็ดูอบอุ่น
รูปนี้เป็นตอนที่ลูกเกิด.........พ่อลูกดีใจมากทิ้งการประชุมมาอุ้มเราเลยน่ะ แม่ผมบอก
ภาพต่อมาเป็นภาพเด็กชายตัวน้อย.....กางเกงสีแดงจูงมือกับแม่น้ำตาอาบแก้ม
“รูปนี่ตอนลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก วันนั้นวุ่นวายที่สุดในชิวิตแม่เลย ลูกเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมอยู่อย่างเดียว
แม่ต้องปลอบแล้วปลอบอีกกว่าเราจะยอมไปโรงเรียนได้ก็หมดวันพอดี”แม่ยิ้มอย่างนั้นคนเดียว
คงกำลังนึกภาพวันเก่าๆละมั้ง
แม่ยังเปิดหน้าอัลบั้มไปเรื่อยๆ
ภาพตอนผมอุ้มน้องสาวคนแรก....
ภาพตอนงานกีฬาสี.....
ภาพตอนงานวันเกิด.....
ภาพจบการศึกษาม.ปลาย
แม่ยังคงมองภาพเงียบๆคนเดียวราวกับคิดอะไรอยู่
“เจม”
แม่ผมเรียกชื่อผมเบาๆ
“แม่ดีใจนะที่เจมเกิดเป็นลูกแม่ ให้ความทรงจำที่ดีกับแม่
ลูกไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลย ภาพที่ลูกค่อยๆเติบโตมันกินใจแม่เสมอ
ดูสิจากเด็กชายตัวน้อยๆ”
แม่ผมเงียบไปพักนึงเอาตัวผมไปกอดแน่นๆราวกับกลัวผมจะหายไปหยั่งงั้น
“เติบโตมาขนาดนี้ โตพอที่จะรู้จักความรัก และจะรักใครสักคน
สัญญากับแม่น่ะเจม ว่าจะไม่เป็นผู้ชายเลาะแหละ 
ถ้าจะทำแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด..................ทำให้คนที่ลูกรักมีความสุข
ทำให้เธออบอุ่น อย่าทำให้เธอเสียใจที่มารักเรา”
ผมนิ่งในอ้อมกอด.............
ราวกับจะย้อนเวลาไปเป็นเด็ก..........
“ครับแม่........ผมสัญญา”
ผมตอบช้าๆ
กอดแม่แน่นขึ้น..............แน่นให้มากที่สุด
“แม่จะไปคุยกับพ่อให้”
แม่ผมบอกแล้วลุกขึ้น 
พ่อผมเดินมาในมือถือซองซองหนึ่ง ท่านยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
“ไม่ต้อง.........”
ผมใจหายวาบ...................พ่อเดินเข้ามาหา..........
พ่อได้ยินที่แกพูดมาหมดแล้ว
“เพ้อเจ้อ...............”
พ่อยื่นซองเล็กๆให้ผม ข้างในเป็นเครดิตการดสีทองใบนึง
พร้อมรหัส กดเงิน ชื่อที่อยู่ของใครไม่รู้.......อยู่
“ไปค้นหาเองเอง.............พ่อช่วยแกได้แค่นี้ล่ะที่อยู่นั่นเป็นเพื่อนพ่อหวังว่าเขาจะช่วยแกได้”
พ่อพูดแล้วเดินขึ้นบันไดไปกับแม่
พ่อ.......................ผมเรียก 
พ่อหยุดเดิน..........รอฟังผม
“ขอบคุณนะครับ ไม่ต้องห่วงผมจะทำให้ดีที่สุด ผมรักพ่อครับ”
พ่อผมตอบเบาๆแค่ “อืม”
ผมเดินเข้าห้องไปจัดของ.......
ทิ้งพ่อกับแม่ไว้เพียงลำพัง
“แม่...............ลูกเราโตแล้วใช่ไหม”
พ่อผมถาม....เรียบๆ
“ค่ะโตขึ้นมากแล้วเขาดูมีพลังไม่น้อยกว่าคุณตอนหนุ่มๆเลย”
คืนนั้นผมโทรบอกเพื่อนๆทีล่ะคน แต่ละคนก็ขอให้โชคดี
บรรยากาศสดใส................ผมบอกไม่ต้องมาส่งไม่ได้ไปนาน แซวกันบ้าง
:เห้ยไปหามินนะเว้ยอย่าไปจีบฝรั่งล่ะ
:ของฝากลืม มรึงตาย.............-_-+
:ไปด้วยสิวะออกตั๋วให้ด้วย
นี่แค่บางส่วนนะครับ-_-ของคำกวนพวกมัน
มีเพียงสายหนึ่งซึ่งเงียบผิดปรกติ..............ใช่แล้วครับวาวานั่นเอง
เธอเงียบ.................เงียบไปนานมาก
เธอบอกเพียงสั้นๆว่า.........
พรุ่งนี้ขอไปส่งเจมขึ้นเครื่องให้รอเธอด้วยเธอมีบางสิ่งที่จะให้..........
ผมได้แต่รับคำวางโทรศัพท
พรุ่งนี้แล้วครับจะไปหามิน
ราตรีสวัสด์ครับ......
ขอไปนอนเอาแรงก่อน
  ตี5.......ตื่นแล้วเย้^^เมื่อคืนนอนตี2กลิ้งไปกลิ้งมาคิดถึงมินอยุ่อย่างนั้น
อาจดูเหมือนสบายใจ แต่ปล่าวเลยครับ
ในหัวสับสนมากๆ กลัวหามินไม่เจอ กลัวมินลำบากใจ กลัวมินไปมีคนอื่น..........
.......................และที่สำคัญ กลัวหลงทางT_T
ไปต่างประเทศมาหลายครั้งครับ แต่ไอ้แบบ..........ไปคนเดียวแบบไม่มีโฮมเสต ไม่ได้ไปกะเพื่อนเนี่ย
ครั้งแรกเลย คืนนั้นนอนกลิ้ง นอนไม่หลับ นั่งนับมินก่อนนอน
มิน1ตัว มิน2ตัวไปเรื่อยๆ ได้ผลครับนอนฝันดีทั้งคืนเลย
เครื่องออกเที่ยงครับ ตื่นตี5
อาบน้ำทำไรเสร็จตั้งแต่7โมงเช้า..........ไปที่สวนหน้าบ้าน
นั่งฟังเสียงนกร้อง อากาศก็บริสุทธิ
บอกตรงๆตอนนั้นแบบมีความสุขมาก..........
น้องสาวเดินลงมา ตะลึง
โหเฮีย.................ทุกทีหนูปลุกแทบตายไม่ยอมตื่น ผีเข้าเหรอโหตื่นแต่เช้าเชียว
ผมเอามือขยี้หัวน้องไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นใส้.............ยิ้มเล็กๆน้องคนนี้ถึงกวนก็น่ารักมากเลย
......................ผมวางโน้ตบอกพ่อกะแม่ หอมแก้มน้องสาวฟากดูแลพ่อแม่ด้วย
มันแบมือขอตัง ขอค่าคุ้มครองครับเวง.......-_-
จ้างแท็กซี่ไปส่งสนามบิน............
เปลี่ยวใจง่ะ.........ดูนาฟิกา9โมงเหมือนลืมอะไรสักอย่าง
เช็คเป๋าตัง วีซ่า.........ที่อยู่ กระเป๋าเดินทาง มือถือ ครบ
ช่างเถอะคงไม่สำคัญ
เดินไปร้านโดนัทสั่งของมากินอ่าสบายใจครับมากๆ....
โทรศัพทดัง
ใครว่ะ ผมคิด หยิบโทรศัพทมาดู คนกำลังอารมดี
กรรมครับ >_< วาวา ผมรู้แล้วว่าผมลืมอะไร...........
กดรับได้ยินเสียงหวานๆมาตามสาย
“เจมอยู่ไหนแล้วค่ะวาวาแต่งตัวเสร็จแล้วนะเนี่ย รอนานแล้ว”วาวาเสียงอ้อนแปลกๆครับวันนี้
“เอ่อ..................เราอยุ่สนามบินแล้วอะวาวา.......-_-“ผมตอบไปครับ.ขอบอกว่าตอนนั้นสำนึกผิดแบบมากๆ
ฉุนสิครับเท่าที่ดูเตรียมโดนด่าT_Tแต่ปล่าวครับวาวาไม่โกรธเลย
วาวาอึ้งไปพักใหญ่ครับ...............ไม่พูดไรมาก.........บอกเดี้ยวจะมาหาห้ามขึ้นเครื่องก่อนเด็ดขาด
ครับๆคงเบี้ยวไม่ได้แล้ว.....................
11.30แล้วครับ วาวายังไม่มาเลย-_-
ผมไปโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องเรียบร้อย.........ในใจก็แบบหวิวมากๆกลัวตกเครื่อง
ไม่รู้จะกลับบ้านไปบอกพ่อยังไง วาวาก็ยังไม่ยอมมา
ผมนึกในใจหรือจะเป็นการแก้แค้น(วะ)
ท่านผู้โดยสาร tg104 สู่เมือง tennesse กรุณาขึ้นเครื่องที่ช่อง18ได้แล้วค่ะ
เสียงประกาศดังขึ้นครั้งที่3
ดูนาฟิกา อีก5นาทีเครื่องจะออก........ผมหยิบกระเป๋าครับ ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าทางเข้าผู้โดยสาร
วาวา วาวาไม่มาเจมจะไปแล้วนะ...........ลนครับลนมาก มือถือวาวาก็โทรไม่ติด
ผมเห็นแล้วครับ วาวาวิ่งมาจากทางเข้า
เธอมองหาผมใหญ่เลย..............
“วาวา”ผมเรียก.............วาวาหันมายิ้มให้ครับเธอเดินมายืนหน้าผม
“ดีจังที่ทันเวลา” เธอยื่นถุงๆหนึ่งให้.............ไปที่นู่นดูแลตัวเองน่ะ
“อืม ขอโทษนะที่ลืมไปรับ” ผมบอกวาวา
“อืมไม่เป้นหรอก เจม อะไรติดหัวน่ะก้มลงมาหน่อยสิค่ะ”
“ไหนๆเอาออกทีสิ”ผมก้มตัวลง
วาวายื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก แล้วเธอก็จูบผม
จูบตรงนั้นต่อหน้าต่อตาผุ้คนเลย............
ผมตกใจครับ ผงะตัวออกทันที
“วาวาเห็นมินจูบหลายทีแล้วก็เลยขอมั่ง เจมสุ้ๆนะวาวาไม่ยอมแพ้มินหรอก หามินให้เจอนะ
ถ้ามินไม่รักยังไงก็ยังมีวาวารออยู่น่ะ บอกมินด้วยถ้ามาช้าวาวาจะแย่งเจมจริงๆล่ะ”
วาวาเดินไปแล้วหันมา......บ้าย.......บาย
ตอนนั้นยอมรับครับบอกตรงๆ............หลงวาวาไป2นาที^^”
เกือบแหละ เกือบไม่ไปเมกา
และอีกเกือบนึงครับ เกือบตกเครื่อง..............
รอก่อนนะมินเจมไปหาแล้ว....
ขึ้นเครื่องท่ามกลางสายตาของผู้โดยสารท่านอื่น-_-||||
ทุกคนยิ้มมาให้แบบ............น่ารักมาก แหะ แหะ
เครื่องขึ้นช้าไป2นาทีครับ........
เครื่องขึ้นแล้วดวงดีหรือเปล่าไม่รู้ครับได้นั่งติดหน้าต่าง............
ไปไหนไม่ได้อ่าT_T............
ข้างๆเป็นฝรั่งครับ ผมก็ยิ้มให้........แบบสยามเมืองยิ้มไงครับ
แต่มันไม่ยิ้มผมตอบอะ หงุดหงิดซิบเลย.............
เครื่องขึ้นได้เกือบชั่วโมงแล้วครับ.........
หยิบถุงที่วาวาให้มาเปิดดู
เป็นตุ้กตาผ้าทำเอง................เป็นรูปเด็กผู้ชายมีตัวjที่หน้าอกน่ารักเชียวครับ
มีโน้ตอยู่ใบนึง.................สั้นๆครับ

“วาวาทำเอง.............ทั้งคืนเลยเจม
อาจจะไม่สวยทำไหร่น่ะวาวาปักเก่งหรอก
แต่ทำให้ด้วยใจนะ..........เจมตามหามินให้เจอล่ะ
วาวาให้ตุ้กตานี้แทนตัววาวา ที่จะอยู่คอยให้กำลังใจเจมเสมอ
เหงา ท้อ หรือเหนื่อยก็ดูตุ้กตานะ
มันจะคอยยิ้มให้กำลังใจเจมเสมอล่ะค่ะ
เหมือนที่วาวาคอยยิ้มให้เจมไง
ฟากคิดถึงมินด้วย.............สู้ๆน่ะค่ะ^^วาวา”

ผมหยิบตุ้กตามาดูอีกครั้ง มันยิ้มให้ผมอยู่เลยครับ
ผมก็เลยยิ้มตอบมัน............
พึ่งสังเกตครับฝรั่งมันมองใหญ่เลย
มองแบบ คนบ้าอะไรว่ะยิ้มกับตุ้กตา.........^^”
มันขยับตัวหนีใหญ่เลย เวงกรรมครับ ประสบการณ์ก่อนไปเมกาครั้งแรก
หน้าแตกซ่ะแล้ว..........
เท้าขวาลงเครื่อง...............โอ้เก้าแรกแห่งอเมริกา
มองซ้ายมองขวาไม่รู้จักใครเลย(อยู่แล้ว)
เดินไปตรวจพาสปอรท
ผ่านฉลุยครับหน้ามีเครดิต....กลัวเหมือนกันกลัวเขาไม่ให้เข้าประเทศ
แบบพวกหน้าบ่งบอกว่ากองโจร
เดินออกมาหาแท็กซี่................
หนาวจัง(ว่ะ)นี่มันหน้าอะไรเนี่ย
หยิบเสื้อในกระเป๋าออกมาสวม......
จะขึ้นแท็กซี่คุยกับมันไม่ค่อยเข้าใจขนาดภาษาผมเก่งแล้วน่ะนี่
ไปๆมาๆเลยยื่นโน้ตให้.......มันค่อยพยักหน้า...เฮ้อโล่ง
ไปบ้านเพื่อนพ่อก่อนครับ ทุ่นค่าที่พัก 
นั่งไปก็ชมวิว2ข้างทาง สวยครับสวยมาก
ใครว่าอเมริกาเป็นประเทศแดนเถื่อนไม่หรอกครับมันก็แค่ในหนัง
ก็เหมือนกับเมืองไทยที่ไม่มีคนขี่ควายแล้ว
ดูสาวๆเมกาสองข้างทาง
โหไม่หนาวเหรอไงน้องอากาศขนาดนี้ยังเดินเปิดอกกัน
เพลินครับเพลินแบบอะไรแปลกใหม่เต้มไปหมด
รถเริ่มออกมาชานเมืองครับ............
แล้วมันก็จอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง
บ้านเก่าๆครับ ติดป้าย SALE ไว้ตัวเบอเร่อ
ลงรถจ่ายตังค่าแท็กซี่โคตรแพงT_T
ยืนมองบ้านครับ...................บ้านเพื่อนพ่อที่ไม่มีคนอยู่แล้ว
ทำไงดีว้า..............................ถ้าจะซวยซะแล้ว
เดินสำรวจรอบบ้านครับ.........
คิดว่าน่าจะมีที่อยุ่ติดไว้มั่งถ้าจะขาย
มีติดจริงๆครับแต่ตัวอักษรมันหายไป4ตัว-_-||||||
ไอ้บ้าที่ไหนมันฉีกไป...............ไปเคาะบ้านข้างๆครับเผื่อเขาจะรู้เรื่องบ้าง
ฝรั่งออกมา ผมก็ hallo yes no okไปเรื่อยๆ
จับความได้ว่า ไอ้คนไทยบ้านข้างๆเนี่ยมันกลับไทยไปนานแล้ว
Youมาทามมายyouเมาเหรอ5555555555(มันคงหัวเราะในใจT_T)
เอาแล้วครับพ่อสุดที่รักทำตูแล้ว
จะกลับเข้าเมืองไปหาโรงแรมพัก กรรมอยุ่ชานเมืองรถแท็กซี่ก็มี
ยังดีที่ขอมันโทรเรียกได้ เสียตังอีกรอบสบายใจครับสบายใจจริงๆT_T
ถึงโรงแรมปาไปเกือบ2ทุ่ม...............แต่เหนื่อนโคตรๆครับเพราะเมืองไทยคงประมาณตี2
เช็คอินแล้วไปนอนตายบนห้อง
หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ครับ รู้แค่ว่าตื่นมาแล้วหิวโคตรๆอ่ะ
เปิดตู้เย็นมาดูน่ารักมากครับ มีเหล้าๆเบียรแล้วก็น้ำเปล่า-_-+
มันจะอิ่มไหมว้าผมคิด.................ตัดสินใจไปล้างหน้า
ไปกินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรมก็ได้
ถึงห้องอาหารครับ มีดนตรีฟังเบาๆถึงจะเปิดจากเทปก็okครับเพราะดึกแล้ว
อาหารมาแล้วครับ ไก่อบซอสเป็นตัวๆส่งกลิ่นหอมไปหมด
กำลังจะกินครับ.......................เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ที่โต้ะตรงข้าม
........................................เพลินครับเพลินอาหารตาอาหารใจ
แต่ไม่รู้ทำไมน่ะครับดูเธอไม่ร่าเริงเลย.................
สักพัก ก็มีผู้ชายคนนึงครับมานั่งกะเธอ.........ดูนักเลงยังไงชอบกล
ช่างเหอะ มันไม่ใช่เรื่องของผม...........
แต่ไอ้เวรนั่นสิครับ มันเล่นทั้งควักทั้งล้วงต่อหน้าต่อตาผมเลย
ผู้หญิงก็พยายามบอก no……….. no…………please
ไอ้เวรนั่นก็ไม่ยอมหยุดเหมือนยิ่งห้ามยิ่งคึก
มันตกมันเลยครับ..............ผู้หญิงก็ได้แต่บอก อย่า อย่าค่ะ (แปลเป็นไทยให้)
มันก็ไม่ยอมหยุด ผู้หญิงคนนั้นได้แต่ปัดป้อง ไอ้นั่นก็หอมเอาหอมเอา
น้ำตาไหลทั้งสองแก้ม......................เธอขัดขืนสุดชิวิตแล้วครับ
เหตุการณ์มันเกินไปแล้ว
ไอ้ฝรั่งคนนั้นกลิ้งอยู่ที่พื้นครับ...........
สาเหตุเหรอครับ เท้าผมไงที่ยันมัน 
ไอ้เวรนั่นหันมาด่า Fuc…… uลั่นร้าน
ผมตั้งถ้าเอาก็เอาสิวะกรูไม่กลัวมรึงหรอก..........
แต่ให้ตายเถอะครับ ไอ้เวรนั่นควักปืนออกมาต่อหน้าต่อตาผม
(เอาแล้วมาแป้บๆได้สัมผัส นี่หรืออเมริกา ตื่นตาจริงๆT_T)
ความกลัวครอบงำครับ อยู่เมืองไทยมาเป็นปีๆไม่เคยเจอพวกเล่นของอย่างนี้สักที
เจอของจริงก็คราวนี้....ตายแน่กรูT_Tแต่ดวงดีโคตรๆครับ
ตำรวจผลักประตูเข้ามาพอดีตำรวจที่นั่นทำงานมีระบบมากครับ คนนึงยกปืนขู่อีกคนบุกเข้าจับ
แล้วมันก็โดนลากตัว..................ออกไป 
ไม่รู้ใครโทรไปแจ้งอะครับ แต่ขอบคุณ มากๆขอบคุณจริง
เดินกลับไปนั่งที่โต้ะครับ หมดอารมกิน.........คว้าเสื้อโยนเงินทิ้งไว้
กลับห้องดีกว่า......................
ผมเดินจากเธอมาแล้วครับทิ้งเธอคนที่ผมช่วยไว้อย่างนั้น ตำรวจคงดูแลเธอได้
ขี้เกียจถามครับ ผมไม่อยากเป็นพระเอก แต่ทนไม่ได้หรอกครับที่เห็นผู้หญิงโดนรังแก
ผู้ชายไทยก็เป็นซะอย่างงี้.........................
มาอเมริกาวันเดียว ประสบการณ์เยอะจนล้นเลยครับ
นอนไม่หลับครับ นั่งที่ระเบียงมองเมืองกลางคืนดีกว่าดื่มเบียรไปด้วย ได้รสชาติมากๆ
มองบ้านเรือนที่กว้างใหญ่ ผมต้องหามินจากบ้านพวกนี้หรือเนี่ยช่างยากเหลือเกิน
หยิบกระเป๋าตังขึ้นมาดูครับมีถาพมินตอนที่อยู่เมืองไทยด้วยกัน รูปมินในภาพยังยิ้มสดใสอยู่เลย
ก็เพื่อรอยยิ้มนี่ล่ะครับที่ผมเดินทางมาถึงที่นี่......................
อาจจะดูบ้าก็ได้โทรศัพทก็มีทำไมไม่โทร...........
ขอบอกตามตรงครับ อาทิตยนึงแล้วที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากมินเลย
ผมว่ามันแปลกแปลกจริงๆแล้วอย่างน้อยผมก็อยากจะเจอมินอีก
อยากคุยกับมินมากกว่านี้ อาจเป็นการเอาแต่ใจก็ได้มั้งครับ ไม่รู้สิ
เสียงเคาะประตูห้อง...........
ผ้าเช็ดตัวที่โทรไปขอคงได้แล้ว(ตะกี้จะอาบน้ำแล้วไม่มีครับเสียอารมมากๆ)
ผมเดินบ่นออดๆแอดๆไปเปิดประตูครับ..............
เหมือนพระเจ้าจะเล่นตลกกับชิวิตผม
ผู้หญิงคนที่ผมช่วย ยืนอยู่หน้าประตูแล้วครับตอนนี้
เธอผมปกหน้า ผิวขาว............ตัวเล็กครับแต่ไม่เตี้ย
เธอดูเหมือนคนเกาหลีไม่ก็คนญี่ปุ่น..........
เธอยืนกอดตัวเองอยู่อย่างนั้น เธอพยายามยิ้มให้ผม
ยิ้มให้ทั้งๆที่ตาแดงเหมือนจะผ่านการร้องให้...........
เธอโค้งตัว ขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ
เร็วและรัว สำเนียงเธอฟังยากครับ
แต่เราก็เข้าใจกัน เข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำอะไรมากมายเลย........แค่ยิ้มเท่านั้น
ผมเชิญเธอเข้าห้อง ผมก็เริ่มอยากรู้แล้วละว่ามันเกิดอะไรขึ้น.........
ยังไงก็ไม่ง่วงอยู่แล้ว...............
เธอชื่อยูมิเป็นคนญี่ปุ่นครับ
มาทำงานที่อเมริกาตามที่เพื่อนชวน................
แต่เธอกลับถูกโกงเอาเงินไปจนหมด 
เธอไม่มีที่ไป ไม่มีใครรู้จัก เธออยากกลับบ้านมาก.............
แต่ค่าข้าวแต่ละมื้อเธอก็ยังไม่มี เธอก็ได้แต่พยายามมีชิวิตรอดไปวันๆก็เท่านั้นเอง
เธอติดต่อใครไม่ได้เลย........................พ่อแม่เธอก็เสียไปแล้ว
ชิวิตเธอเหมือนละครครับ สุดท้ายโดนไอ้คนตะกี้หลอกว่าจะให้งาน
แล้วก็ทำอย่างที่เห็น................
ผมนั่งฟังเงียบๆครับ...........พยายามใคร่ครวญว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า
มาประเทศนี้ต้องทันคนมากๆเลยครับ
ผมเชื่อ..................เธอครับ
และจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปเลย อย่างน้อยผมก็ทำใจไว้ก่อนแล้ว
เป็นพวกคุณจะใจร้ายขนาดไล่เธอออกจากห้องไหมล่ะครับ
ผมเล่าเรื่องมินให้เธอฟังเป็นการตอบแทนครับ...........เธอนั่งฟังนั่งฟังอยู่นานมาก
เชื่อไหมครับเธอชอบเรื่องของผม.........................
เธอบอกเธออยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้วจะรังเกียจไหมถ้าเธอจะช่วยตามหาถือเป็นค่าอาหารและที่พักสำหรับเธอ
เธอบอกถนนแทบทุกที่เธอตะลุยมาหมดแล้ว.....................เธอบอกแบบภูมิใจมากเลยละครับ
ผมยิ้ม........ได้แต่ตอบตกลงกับเธออย่างน้อยผมจะได้ไม่หลงทางอีก
ผมบอกให้เธอไปอาบน้ำเดี้ยวผมจะนอนที่พื้นเอง จะโทรไปขอที่นอนอีกชุด
เธอบอกไม่ต้องครับ ผมเป็นเจ้าของห้องนอนที่พื้นได้ไง
นอนด้วยกันก็ได้......................เล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ผมเดินไปที่เตียง
.....................
.....................
.....................
ผมกับเธอมองตากัน
ผม หยิบโทรศัพท แล้วโทรขอที่นอนอีกชุด ผมหันพูดกับเธอ
“เราไม่รู้นะว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง แต่เราไม่เหมือนกับคนที่เธอเจอมาหรอกเชื่อเราสิ
ผู้หญิงท่าไม่รักตัวเอง มันก็จะหมดค่าน่ะ”
ผมเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งเธอไว้อย่างนั้น
ไม่อยากจะพูดอะไรหรือคิดอะไร ผมบอกกับตัวเองไม่ให้คิดลามกตอนนี้ในใจก็ท่องแต่ชื่อ มินๆๆๆๆ
เสียดายโอกาศเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเจอหน้ามินแล้วมองหน้าเธอไม่ติด
อย่างน้อยผมก็ภูมิใจที่อดกลั้นตัวเองได้..........................
คืนนั้นผ่านไปด้วยดี
โดยมีผมนอนที่พื้นแล้วเธอก็นอนเตียง................ตลอดคืน
  วันต่อมาก็พาเธอไปกินข้าว......................
เธอเป็นผู้หญิงแบบไงดีครับ เรียบร้อยมาก...............มากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้-_-||||
แบบไม่พูดเลยอะครับ ถามคำตอบคำยิ้มแค่นั้น
แต่เธอก็น่ารักอะครับ....................กินๆแล้วก็นั่งรอผมกินเสร็จ
ผมออกจากโรงแรมแล้วครับ ไปหามินตามที่อยู่ที่วาวาทิ้งไว้ให้
แต่จะบอกมินไงหว่ามีสาวเดินตามเนี่ย-_-
ช่างเตอะ มินไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าที่จะไม่ฟังเหตุผล
เธอเก่งมากเลยครับ ยอมรับว่าคุ้มจริงๆ
เธอจัดการซื้อตั๋วรถไฟให้..................รู้บริเวณหมดแค่ดูที่อยู่แป๋บเดียว
โอพระเจ้า ไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่มหาโหดอีกแล้ว^^
เดินถือโดนัทคนละชิ้นกินรอรถไฟครับ โอ้สุขจริงๆ
แล้วผมก็ไปถึงซอยบ้านที่มินอยู่
ใจเต้นไม่เป็นจังหวะครับ ดีใจ ตื่นเต้น ปนกันไปหมด
ผมเดินไปหน้าบ้านช้าๆแบบนับก้าว ทุกก้าวที่ผมเดินผมก็ใกล้มินมากขึ้นทุกที
1ก้าว 2ก้าว จนถึง...............
อยู่หน้าบ้านหลังสีขาว มีสวนดอกเล็กๆอยู่หน้าบ้าน
มีรถจักรยานพาดเสาอยู่ กล่องรับจดหมายตั้งอยู่หน้าบ้าน
กริ่งเล็กๆตั้งอยู่ที่ปลายมือนี่เอง
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆยกมือขึ้น
แล้วกดกริ่ง..............กริ้ง..เล็กๆดังชัดเจน
มินอีกไม่กี่นาทีเราก็จะเจอกันแล้ว เธอจะทำหน้ายังไงน่ะผมคิด
ต้องว่าเสียให้เข็ด....ไม่ยอมติดต่อเจมแบบเนี้ย(เอาจริงๆกอดดีฟ่า)
เสียงถอดกลอน เสียงเปิดประตู ดังขึ้น ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ตรงขอบรั้วรอมินอยู่
คุณป้าชาวอเมริกันคนนึงเดินออกมา เธอแก่มาก ผมขาว อุ้มหมาตัวเล็กๆไว้
หน้าตาดูใจดี มีแว่นอันเล็กใส่อยู่
(ส่วนของคำพูดต่อไปขอแปลเป็นไทยเลยนะครับจะได้ไม่เสียอรรถรส)
เธอยิ้มครับ..........ผมยิ้มตอบ 
ถ้ามินอย่กับป้าคนนี้ผมคงไม่ห่วงแน่ๆ
ยูมิหยั่งอยู่ข้างหลัง เธอยังเงียบครับ แต่เท่าที่ดูอาการเธอก็ตื่นเต้นไม่น้อยกว่าผม
“ขอโทษครับ มีคนชื่อ..........(ชื่อจริง).........อยู่หรือเปล่า” ผมถาม
เธอทำหน้างงแล้วส่ายหน้า
“ไม่มีเหรอครับ เอ่อไม่ทราบว่าที่อยู่อันนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ”
ใช่ค่ะ......แต่ไม่มีคนชื่อที่คุณบอก เคยมีเด็กไทยมาอยู่ที่บ้านฉันเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง แต่เธอย้ายไปแล้วล่ะ
รู้สึกว่ามหาลัยที่เธออยู่จะไม่ดี เธอเลยย้ายมหาลัยไปแล้ว”
“ย้ายไปแล้วหรือครับ”
ใช่ค่ะ ย้ายไปแล้ว.........
“แล้วพอจะรู้ไหมครับว่าเธอย้ายไปไหน มีเบอรติดต่ออะไรหรือเปล่า”ผมผิดหวังมากเลยครับ
นึกว่าจะได้เจอมิน นี่อะไรผมกับมินต้องไกลกันมากขึ้นอีกเหรอ
“ดิฉันก็ไม่สนิทอะไรกับเธอมากเพราะเธอมาอยู่แค่อาทิตย์เดียว ก็แค่จัดปารตี้เล็กๆให้กับเธอ
ไม่ได้ถามที่อยู่ไว้หรอกค่ะ............รู้ว่าแกย้ายไปเรียนมหาลัยในเมืองเดิมนี่แหละค่ะแกเลยย้ายไปอยู่ใกล้ๆ”
ผมโอบตัวเองไว้ครับ ทั้งหนาวและผิดหวัง
“ขอบคุณครับ..............และก็ขอบคุณด้วยนะครับที่เคยดูแลมินให้ผม”
ค่ะ..............จะเข้ามาดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนไหมค่ะ
เธอถามผม ผมว่าน่ะ ถ้าจะมาอยู่โฮมเสตยก็ขอเจอดีๆแบบนี้เถอะสาธุ
“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”
ผมเดินออกมาที่ถนนโดยมียูมิตามมาติดๆ
ผมซึมสิครับ ผมออกจากโรงแรมมาแต่เช้าทำไมล่ะงั้น
หงุดหงิดมากครับ แบบไม่อยากพูดกับใครเลยตอนนี้
ยูมิเดินมาข้างๆเธอ..............มองหน้า
แล้วเธอก็เอามือมาคล้องแขนผมตกใจครับแต่ติดตรงที่เธอเงียบแล้วเดินคล้องไปเรื่อยๆ
ผมเลยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร หรือที่เมกาถือเป็นเรื่องปรกติ
แต่ที่แน่ๆครับ คล้องหยั่งงี้มันอุ่นสบายกว่าเยอะทีเดียว
เลยปล่อยครับ..................ผมผิดไหมเนี่ย
ยูมิบอกกับผมว่าเมืองนี้มีหมาลัยถึง6แห่ง-_-โคตรเยอะ
ถ้าตัดที่เก่าที่มินเรียนออกล่ะก็................ก็เหลือแค่5มหาลัยเอง(ไม่เองแล้วT_T)
เธออุตสาหไปขอที่อยู่มหาลัยแต่ละที่มาให้...........
มานั่งคัดๆกันพยายามเอามหาลัยที่เป็นไปได้ก่อน
ดึกแล้วครับวันนี้...............ผมเปิดห้องให้ยูมิอีกห้องนึง
โทรบอกหาพ่อกับแม่ครับ แต่ยังไม่บอกเรื่องยูมิเลย^^”
พ่อบอกให้ดูแลตัวเอง..................แค่นั้นล่ะครับสั้นจริงๆT_T
วันต่อมาผมกับยูมิก็ช่วยกันตามหามิน...........
ผมไปมหาลัยหลายๆที่เดินเข้าไปถามแผนกทะเบียนนักศึกษา
ฝรั่งมันก็ถามนู่นถามนี่ไม่ยอมให้ตรวจสักที
มันบอกนักศึกษามีเป็นพัน หาไม่เจอหรอก
ถ้าอยากหาไปดูในห้องทะเบียนเอง..............
มันไม่รู้จักคนไทยเสียแล้วครับว่าบ้าจริง ผมเดินเข้าห้องเปิดแฟ้มหาเลย
ผมเปิดประวัตินักเรียนใหม่....................ตั่งแต่เช้าจนเย็น
เพิ่งตรวจได้3มหาลัยครับ ได้ความร่วมมือมั่งไม่ร่วมบ้าง วันแรกเหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
นั่งกันตรงม้านั่งหน้ามหาลัย มีสวนดอกไม้สวยงามครับ เด็กๆก็วิ่งเล่นกันดูเขามีความสุข
ผมบอกยูมิให้รอที่ม้านั่งครับ..................แล้วผมก็เดินไปซื้อไอศครีมมาฟาก
“ขอบคุณค่ะ”เธอพูดออกมาเป็นภาษาไทย ทำผมแปลกใจมากเลย
“ยูมิ พูดไทยได้ด้วยเหรอ..........”ผมถามเธอได้แต่ส่ายหน้า
“ได้แค่นั้นล่ะค่ะ เคยเจอคนไทยมาเยอะเหมือนกัน”เธอขำท่าผมตอนเหวอมากเลย
ผมขำกับเธอเหมือนกันครับ.............แต่ไม่ไหวผมคิดถึงมินมากว่าอะไรตอนนี้
“ยูมิ เราจะเจอมินไหม เมกากว้างขนาดนี้เนี่ย เราไม่รู้ว่ามินเป็นยังไง สบายดีไหม ยังคิดถึงเราหรือเปล่า
เธออาจจะมีแฟนใหม่ มีความสุขไปแล้วก็ได้”ผมถอนหายใจ........
ยูมิจ้องหน้าผม..............แล้วเธอก็เอื้อมมือไปในกระเป๋าถือของเธอ.....
เธอหยิบด้ายสีแดงๆขึ้นมาครับเส็นเล็กๆบางๆ
เธอเอามันผูกที่นิ้วก้อยของผมข้างนึง
ส่วนอีกด้านนึงก็ผูกไว้ที่นิ้วก้อยของเธอ
.......................................................
“ที่ประเทศยูมินะ มีความเชื่อว่าน่ะค่ะว่า คนเราจะพบกันจะเป็นเพื่อนกันคนรักกัน
ต้องมีดวงชะตาต้องกันค่ะ ....................เหมือนมีได้แดงผูกติดด้วยกันอยู่
เหมือนยูมิกะเจมที่มาเจอกันตอนนี้............
ยูมิเชื่อนะ ว่าเจมกับคนที่เจมรักก็ต้องมีด้ายคล้องติดอยู่เหมือนกัน
ไม่มีใครดึงด้ายนี่ออกได้หรอกค่ะถ้ามันเป็นชะตา”
ผมมองยูมิ..................ขอบคุณกับคำพูดให้กำลังใจของเธอจริงๆ
“อืมขอบคุณนะ...........”
ผมยื่นนิ้วก้อยออกให้เธอข้างหนึ่งข้างที่มีด้ายติดอยู่นั่นแหละ
“ประเทศเราก็มีความเชื่อเหมือนกัน 
เขาว่าการเกียวก้อยสัญญา อะไรสักสิ่งมันก็หมายถึงคำมั่นที่ไม่อาจลบลืม”
ยูมิชูนิ้วก้อยขึ้นมาแบบ ดูเธอจะตั้งใจฟังมาก
“ยูมิ เป็นเพื่อนกับเราตลอดไปได้ไหม............เพื่อนที่ดีเราจะไม่ทิ้งกัน”
ผมชูนิ้วต่อหน้าเธอรอคำตอบอยู่..........
เธอเงียบไปเลยครับ...............ได้แต่เกี่ยวนิ้วก้อยผมตอบ
เธอทำตาแดงเหมือนจะร้องไห้
“ค่ะ........... เจมรู้ไหมไม่เคยมีใครดีกับเราอย่างนี้มาก่อน...........พอเราเริ่มคบใครแล้วเขารู้ว่าเราไม่มีเงิน
เขาก็จะตีตัวออกห่างกัน เราเหงานะเจม”
ผมอึ้งครับและนับถือกับความแข็งแกร่งของเธอจริงๆ เธอยู่อเมริกาคนเดียวผู้หญิงตัวเล็กๆ
ไม่มีทั้งเงิน ทั้งเพื่อนทั้งทางไป
เรายังเกี่ยวก้อยกันอย่างนั้น ปล่อยให้ความอบอุ่นที่มือส่งถึงกัน
“เจมดูสิ” ยูมิปล่อยมือออกจากผมลุกขึ้น
เธอชี้ให้ผมมองไปดูท้องฟ้ายามเย็น
มีเกล็ดสีขาวๆค่อยๆตกลงมาดู
ก้อนสีขาวๆสะท้อนแสงนีออนดูสวยมาก ยูมิไปยืนอยู่กลางสวน ปล่อยให้หิมะตกกระทบหน้า
เธอสวยมากเลยครับตอนนี้ 
เธอยังกระโดดโลดเต้นอยู่กลางสวน ผมไม่รู้ทำไมแต่ดูเธอจะชอบหิมะมากเลย
อากาศเริ่มหนาวขึ้นครับ พระอาทิตยกำลังจะลับฟ้าแล้ว
ผมถอดเสื้อนอกออกเอาไปคลุมให้เธอ
เธอหันมามองผมแต่ผมไม่มองตอบหรอก ได้แต่มองฟ้าแก้เขิน
ยูมิยิ้มกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น.............
“ขอบคุณค่ะ..........”
สั้นๆแค่นั้นละครับที่ผมได้ยินจากเธอ
พื้นหญ้าสีเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว มีผมเดินเคียงกับยูมิเงียบๆไปตามถนน................เงียบๆเพียงลำพัง
ยูมิทำไมถึงชอบหิมะจังเลยนะเห็นเล่นยังกับเด็กเลย........
เธอยิ้ม......แล้วเบียดผมอากาศเริ่มหนาวขึ้นทุกที
“หิมะ..........ทำให้เราคิดถึงบ้านเกิด คิดถึงครอบครับ.........หิมะสำหรับเจมอาจจะเย็น
แต่สำหรับเรามันอบอุ่นนะ มันทำให้เราคิดถึงพ่อ คิดถึงน้องสาว คิดถึงประเทศบ้านเกิดของเรา”
ถึงโรงแรมแล้วครับ แทบจะล้มทั้งยืน วันนี้เป็นวันที่หนักจริงๆ
เข้าห้องอาบน้ำ หยิบจดหมายของมินออกมาดูเงียบๆ
มีแค่2ฉบับเท่านั้นเองครับ..........กับเวลาหนึ่งปีที่เราคบกัน
ผมเปิดออกอ่านทีละหน้าทีละหน้า มันทำให้ผมรู้สึกว่ามินยังอยู่ตรงนี้ ยังนั่งอยู่ข้างๆผม
ข้อความที่มินเขียนคำว่ารักมันกินใจผมเสมอเลย
ความจริงผมไม่ต้องเปิดจดหมายอ่านก็ได้ เพราะข้อความทุกตอนคำทุกคำมันอยู่ในความทรงจำของผมหมดแล้ว
แต่ผมก็ยังเปิดมันดูทุกๆครั้งที่คิดถึงมิน.............
แหวน..........ยังสวมที่นิ้วตั่งแต่วันแรกที่ได้มา 
จดหมาย......ก็ยังหยิบขึ้นมาอ่านเสมอ
รูปถ่าย......ในกระเป๋าก็ยังคงเป็นภาพเธอ
ใจ............ก็ยังมีมินเสมอไม่เคยลืมเลย
คืนนั้นนอนก็ยังฝันเลยครับฝันถึงมิน...............^^
........................................
.......................................
วันต่อมาผมเดินไปปลุกยูมิที่หน้าห้องครับ..........
วันแรกที่ยูมิตื่นสาย ทุกทีเธอนั่นแหละที่จะเป็นคนคอยปลุกผม
ผมสงสัยเหมือนกัน แต่ช่างเหอะอากาศเย็นอย่างนี้
ไม่แปลกเลยครับที่จะหลับเพลิน................
ยูมิขานรับผม เธฮบอกขออาบน้ำก่อนให้ผมไปรอที่ห้องอาหารก่อน
ผมว่าง่ายครับ................เดินไปสั่งกาแฟ ขนมปัง ชุดอาหารเช้าอีกที่ให้เธอ
หยิบหนังสือที่พกจากไทยขึ้นมาอ่าน
สายตามองไปที่กระจกด้านนอก
ถนน...............ทางเท้า ต้นไม้.........กำแพง
เป็นสีขาวไปเกือบหมดแล้ว..........ขนาดกระจกก็ยังเป็นฟ้าสีขาวอ่อนๆเลย
ขอโทษน่ะค่ะที่ตื่นสาย...............ยูมิพูดแล้วนั่งที่โต้ะ
หน้าของเธอแดงเรือๆดูน่ารักเชียวครับวันนี้
ต่างคนต่างกินข้าวครับคุยกันบ้างดูท่าทางเธอแปลกๆหน่อยๆ
สงสัยเธอคงคิดถึงบ้านมั้งครับเนี่ย.............
มหาลัยที่4ที่ไปถึงใหญ่กว่ามหาลัยที่ผ่านๆมามากเลยครับ...........
ผมกับยูมิเดินไปขอตรวจดูรายชื่อกันเหมือนเดิม
ก็ยังไม่เจออีกครับ มหาลัยแห่งที่4แล้ว.......
ผมชวนยูมิกลับ...........กว่าจะตรวจมหาลัยนี้เสร็จก็เกือบ4โมงเย็น
คงไปมหาลัยอื่นไม่ทันแล้ว.............เซ็งเลยครับอีกแค่2ที่เท่านั้นเอง
ยูมิเงียบผมก็ยังเดินข้างๆเธอเหมือเดิม
อุ้ย..............ยูมิเซจวนจะล้มครับผมเอามือคล้องแขนเธอทันพอดี
“เป็นอะไรไหม” ผมถาม
เธอก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับมาดูเธอหน้าแดงมากทีเดียว
ผมเอามือแตะหน้าผาก ตัวเธอร้อนมากทีเดียว.........
“ยูมิ...........ไม่สบายนี่ ตายแล้ว ทำไมไม่บอกเราล่ะ”
ผมพยายามลากเธอไปหาที่นั่ง...........
ไม่เป็นไรเจมไม่เป็นไร...........เธอบอกผม
ไม่เป็นไรได้ไงตัวร้อนขนาดนี้ โถ่เอ้ย เย็นแล้วครับหารถไม่ได้
จะนั่งพักข้างนอกก็คงหนาวเกินไปสำหรับยูมิ
ผมได้ทำไงได้ล่ะครับ
แบกสิครับ แบกเธอ 
“ว้ายเจมอย่า...........อายเขา”เธอทุบๆหลังผม
“วางเราลงสิเจม.................’ 
ผมฟังเมื่อไหร่ล่ะครับ ผมเดินกลับโรงแรมโดยมียูมินอนอยู่ที่หลัง..........
ยูมิดูท่าคงจะบังคับผมไม่ได้แล้ว เธอก็เลยได้แต่ซบหลังผมอยู่อย่างนั้น
ความอบอุ่นของเราส่งถึงกันครับ
เธอเกาะไหล่ผมแล้วซบหน้านอน เธอคงเหนื่อยมาก
จะว่าไปแล้วสองวันนี้ผมก็ลุยเกินไป เก้าหนึ่งของผมกับยูมิก็ต่างกันมากแล้วครับ
เธอตัวร้อนมากจริงๆ ผมแบกเธอจนไปถึงถนนใหญ่
ไม่ไกลมากหรอกครับ แต่เหงื่อแตกท่วมตัวไปหมด
มือก็กวักหาแท็กซี่ ผมเอาเธอนั่งที่เบาะครับแล้วผมก็นั่งตาม
บอกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ยูมิยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องครับ
รถก็ออกตัวไปเรื่อยๆ โชคไม่ค่อยดีเลยครับตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งรีบ คนจะกลับบ้านกัน รถเลยค่อนข้างจะติดมาก
“เจม........เจม.......”ยูมิเรียกชื่อผมเบาๆ
“หืมเป็นยังไง อดทนหน่อยนะเดี้ยวจะถึงโรงพยาบาลแล้ว” ผมกุมมือเธอให้กำลังใจครับ
มือของเธอเย็นเฉียบ
“หนาว..............หนาวน่ะเจมกอดเราหน่อยได้ไหม”
“กอด”
ยูมิโน้มตัวลงมานอนที่ตักผม ผมได้แต่เอามือไว้ที่เอวของเธอกระซับตัวเธอกับผมให้แน่นขึ้น
มิน.............เจมขอโทษนะมันจำเป็นจริงๆผมบอกกับตัวเองครับ
ผมพายูมิไปถึงโรงพยาบาลครับ
ดูบรุษพยาบาลอุ้มเธอขึ้นรถเข็น
ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
หวังครับ ได้แต่หวังว่ายูมิจะไม่เป็นอะไร
สักพักหมอก็เดินออกมา บอกแค่ว่าเหนื่อย ตากลมมากไป เลยเป็นไข้หวัดแค่นั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ขอบคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ หมอตบบ่าครับ บอกไม่เป็นไรแต่เดี้ยวจ่ายตังด้วย
หมดเลยครับ ความศรัททาตะกี้-_-
ยูมิเดินออกมาเธอยิ้มให้ดูเธอเพลียๆๆผมเดินไปพยุง ใจอยากให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืน
แต่เธอก็ยังยืนยันครับว่าอยากนอนที่โรงแรมมากกว่า
ลงจากแท็กซี่....................ถึงโรงแรมแล้ว ผมพยุงยูมิเข้าห้องเงียบๆ
เงียบจริงๆครับ แต่ก็มีคนเห็นเยอะแยะเลย
ไม่แน่นะครับ อาจจะมีใครคิดว่าผมมอมเหล้าเธอก็ได้
ผมได้แต่พายูมิไปนอนที่เตียง......................ห่มผ้าให้.......ผมโทรไปสั่งข้าวต้มให้เธอ
แล้วมานั่งข้างๆ ยูมิยังหลับไม่รู้เรื่องเลย ห้องเงียบ เงียบขนาดผมได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ
เจมหิวน้ำ................. เธอพูดออกมาเบาๆ ผมลุกไปตู้เย็นหยิบน้ำออกมารินใส่แก้วให้เธอ
ขอบคุณค่ะ..........เธอรับแก้วแล้วนั่งจิบเงียบๆคนเดียวบนเตียง
ยูมิเราขอโทษน่ะ................ขอโทษที่ทำเธอลำบากขนาดนี้ เราเอาแต่ใจมากไป
ไม่เคยนึกถึงเธอเลย....................ขอโทษจริงๆ ผมสำนึกผิดโดยมีเธอนั่งมองผมอยู่
เธอยังยิ้มอยู่อย่างนั้น หน้าเธอยังแดงอยู่เลย แต่เธอก็ยังยิ้มให้ผมหรือเธอกลัวผมจะจากไป
ไม่เป็นไรเจม.................ยูมิบอก
“ยูมิแค่อยากจะช่วยเจม ให้เต็มกำลังที่ยูมิทำได้ เวลาที่เจมพยายามเพื่อมินน่ะ
ยูมิว่ามันดูดีออก...................การที่เราพยายามทำอะไร ผลงานมันก็จะฟ้องคุณค่าของมันอยู่แล้ว”
ยูมิล้มตัวลงนอน เธอมองเพดานห้องเหมือนคิดอะไรอยู่
“เจม................ด้ายแดงของเราจะเหนียวไหม.....จะขาดหรือเปล่า......ความเป็นเพื่อนของเรา”
“ผมกุมมือยูมิ..................ไม่ขาดหรอกดูสิยังคล้องแน่นอยู่เลย ไม่ว่าจะที่นี่ ที่ไหน หรือเวลาไหนก็ตาม
เราจะมียูมิตรงนี้เสมอ.........และยูมิก็จะมีเราเสมอเหมือนกัน”
เธอนอนต่อในห้องเงียบๆโดยมีผมนอนอยู่ข้างๆอย่างนั้น
มือของเรายังกุมกันแน่น.............
“เช็ดตัวให้เราหน่อยได้ไหมเจม.....” ยูมิพูด
ผมตกใจมองหน้ายูมิ นี่เธอเป็นไข้จนเพ้อหรือเปล่า
เหนียวตัวน่ะ ลุกไปอาบน้ำไม่ไหว แล้วเธอก็หันหลังให้ผม
เธอปลดกระดุมเสื้อ..........ทีละเม็ดทีละเม็ดเผยให้เห็นหลังสีขาว............มีเพียงสายบราเล็กๆเท่านั้น
ใจผมเต้น...................เร็วและรัวเลยไม่เป็นจังหวะ
ยูมิหน้ายังแดง ไม่รู้เพราะพิษไข้หรือเธออายกันแน่
ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากห้องน้ำ
เปิดน้ำที่อ่างล้างมือ ออกจากห้องน้ำยูมิก็ยังหันหลังอยู่ เธอไม่หันมามองหน้าผม
ตอนนี้คำว่า สติ กับ อสูรในตัวตีกันอยู่เงียบๆ
ผมเดินไปที่เตียง แตะผ้าอุ่นๆลงบนหลังเธอ ยูมิหลับตา
ปล่อยให้ผมเช็ดไปเรื่อยๆ แผ่นหลังกับมือสัมผัสกันหลายครั้ง
ผมเช็ดคออันยาวเรียว หัวไหล่ จนทั่วหลัง
“เสร็จแล้วล่ะใส่เสื้อได้แล้ว”ผมบอกกับเธอ
“ยังหรอกเจม ข้างหน้ายังไม่เช็ดเลย”ยูมิพูดพร้อมกับหันหน้ามาให้ผม
เธอยังเอามือโอบตัวเองแน่นแต่ก็มากพอแล้วครับกับส่วนที่เห็น
ผมกับเธอยืนหันหน้าให้กัน............
เหมือนทุกครั้ง.........แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันแปลกไปมากทีเดียว
ในใจผมตอนนี้มีภาพมิน วาวา แต่ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นยูมิที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้
สติผมกำลังจะหลุดลอย อยากกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจริงๆ
ผมเอื้อมมือช้าๆพร้อมผ้าในมือกำลังจะเช็ดตัวเธอ
เวลาตอนนี้เนิ่นนานราวกับชั่วโมง
ก็อกๆ................เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผมตกใจ..............ถอยหลังมาจากยูมิทันที
อาหารที่สั่งได้แล้วครับ................บริกรเรียกอยู่หน้าประตู
ไม่รู้ดวงหรืออะไร ผมเกือบทำสิ่งที่อับอายไปเสียแล้ว
สิ่งที่ทำลายตัวผมเอง
ทำลายทั้งมิน คำสัญญา คำมั่นของเพื่อน และความรู้สึกของผมกับมิน
ขอโทษน่ะ ผมลุกออกจากเตียง
เดินไปรับข้าวต้มหน้าห้องกลับมานั่งข้างเตียง
ยูมิใส่เสื้อแล้ว................เธอยิ้มแล้วขอบคุณผม เธอทำราวกับเรื่องเมื่อนาทีที่แล้วมันไม่เคยเกิดขึ้น
ผมกลัวจริงๆครับ ผู้หญิง ไม่เข้าใจเลย
ผมเดินไปตากผ้าที่เปียก แล้วกลับมาป้อนข้าวต้มให้เธอเงียบๆ
พาเธอกินยา...................เรายังคุยกันอีกสักพัก
ยูมิหลับไปแล้วครับ คงเพราะฤทธิยา
ผมยังนั่งเฝ้าเธออยู่ หยิบหนังสือมาอ่านเงียบๆ
บอกตรงๆครับ
อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย
กลับห้องนอนดีกว่า..................ฝันดีครับ
วันต่อมาเป็นวันที่อึดอัดที่สุด
ผมกับยูมิคุยกันน้อยมาก.........
แต่ก็ยังนั่งข้างๆกันอยู่
เธอพึ่งหายไข้แต่ผมก็ยังทำใจไม่ได้เลย..........เรื่องเมื่อวานยังอยู่ในหัวของผม
ผมใจร้ายไหมครับถ้าผมไม่จับมือเธออีกเลย
มหาลัยที่5แล้วที่ผมไปค้นกัน...............ใช่ครับเหลวอีกตามเคย
เดินคอตกเซ็ง ชิวิต บ่น บ่น บ่น ทำไมมันซวยงี้(ว่ะ)ผมคิด
เธอเดินมาเกาะไหล่ผม เธอให้กำลังใจว่าพรุ่งนี้ก็จะเจอมินแล้ว.........
ผมสะบัดยูมิทิ้ง เดินห่าง ผมไม่อยากจะให้เรื่องของผมมันเกินเลยไปกว่านี้
ยูมิกับผมได้แต่เดินเงียบๆไปตามถนน วันนี้ไม่มีคำพูดเหมือนเคย
ผมเดินไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่สังเกตว่า
ยูมิไม่ได้เดินตามผมมา...............
ผมวิ่งกับไปตามเก่าที่เดินมา.............
“ยูมิ.........ยูมิ อยู่ไหน”ผมตะโกนหา
นึกเพียงแค่ว่าเธอคงจะอยู่ไม่ไกล..........
ตามถนนมืดเสียแล้ว เธอยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ
ผมเป็นห่วงเธอมากเลยตอนนี้ ผมมันโง่ผมมันไม่ดี
ผมมันแต่กลัว กลัวจนลืมคำสัญญาที่ให้กัน
หน้าตอนที่ยูมิมองผม เธอมองผมด้วยความรักเสมอ
ไม่รู้ว่าเป็นแบบเพื่อนหรืออะไร แต่มันก็มีความหมายสำหรับผม
หิมะยังตกลงมาหนักขึ้นหนักขึ้น.........
ทุกมิลที่หิมะหนาขึ้น.........ก็คือทุกวินาทีที่ผมห่วงเธอ
และความรู้สึกผิดที่เกาะกินทั้งใจ
ผมเดินตามทางไปเรื่อยๆ คอยสอดส่ายสองข้างทางหวังว่าจะเจอเธอ
ผมเดินมาถึงสะพานแขวนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแสงสว่างจากนีออนสีส้ม ทำให้ดูสว่างและสวยงาม
มีหิมะตกประปราย และรอยหิมะตามทาง
ตรงที่นั้น มุมสะพานมุมหนึ่ง
ยูมิ ยืนอยู่สายตาเธอเหม่อมองไปบนฟ้า
เธอคงกำลังมองภาพของหิมะที่โปรยปรายลงมาเหมือนผม
หรือ.........................
เธอกำลังคิดอะไร คิดถึงใครกันแน่
ผมเดินเงียบๆไปที่สะพาน แต่เสียงเท้าเหยียบหิมะก็ดังพอที่จะทำให้เธอหันมา
ผมสบตาเธอ................
เธอสบตาผม...............
มากกว่านาทีที่เราไม่พูดอะไรกัน ผมทำได้เพียงแต่ส่งรอยยิ้ม
รอยยิ้มขอโทษที่แทนความรู้สึกว่าผมเสียใจแค่ไหน
แต่ก่อนที่ผมจะทำอะไรไปมากกว่านั้น
เธอได้แต่หันหลังแล้วเดินจากไป
ผมเดินตามไปหาเธอ..........แต่ยิ่งผมพยายามเดินให้ใกล้เธอเท่าไรห่
ก็ดูเหมือนเธอพยายามเดินหนีผม เร็วขึ้น เร็วขึ้นทุกที
ยูมิเราขอโทษ…………. ผมพูด แต่เธอก็ยังไม่ลดความเร็วลงเลย
เหมือนไม่อยากเจอผม หรือเธอจะเกลียดผมเสียแล้ว
ฟังเราก่อนได้ไหมยูมิ เราเสียใจนะเสียใจมาก
แต่ดูเหมือนเสียงของผมจะส่งไปไม่ถึง..............
ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ผมกำลังทำเพื่อนคนสำคัญเสียใจ
ทำลายคนที่รักผม ให้กำลังใจผมอยู่เสมอ
ผมวิ่ง..................วิ่งไปให้ทันเธอ
ผมกอดเธอจากข้างหลังไว้แน่น...........ผมเกาะแน่นราวกับจะไม่ปล่อยเธอจากอ้อมแขนนี้อีกแล้ว
เธอได้แต่จับแขนผมเบาๆ
“ขอโทษน่ะ ขอโทษจริงๆ เราอาจเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจ สร้างแต่ความลำบากให้
เราเสียใจและไม่เคยเห็นคุณค่ามาก่อน แต่ยูมิยังจำได้ไหม ด้ายแดง.......กะเกี่ยวก้อยของเรา
เรามีเธอ แล้วเธอก็มีเราไงล่ะลืมแล้วเหรอ” ผมคลายมือออกกลัวเธอจะอึดอัด
เธอหันมามองผม น้ำตาไหลออกมาเต็มแก้ม เธอยังอยู่ในอ้อมแขนผมเมื่อวินาทีที่แล้วอยู่เลย
เผี้ยะ...........ยูมิตบหน้าผม
ผมได้แต่ยืนนิ่ง...................ถ้านี่เป็นโทษที่ผมทำผิดมันยังเบาไปด้วยซ้ำ
เผี้ยะ....................เธอตบหน้าผมอีกครั้งที่แก้มอีกข้างนึง
ความเจ็บตอนที่ถูกตบหน้าตอนอากาศหนาวๆมันซึมลึกถึงหัวใจ
ผมอาจเป็นคนโง่คนนึงที่ปล่อยให้เธอตบหน้าอยู่หลายครั้ง
เธอตบผมครั้งแล้ว ครั้งเล่า
และครั้งสุดท้ายที่เธอเงื้อมือขึ้น
แต่คราวนี้............เป็นเพียงนิ้วก้อยที่ยื่นออกมาให้ผม
“อย่าทำอีกล่ะ” ยูมิพูด
ผมได้แต่ยิ้มกับเธอ เกี่ยวก้อยตอบ...................
“อืม ครับ”
คืนนั้น มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินจูงนิ้วก้อย............เดินไปตามถนนทีมีเพียงแสงอ่อนๆ
สายลมพัดหนาว..........
แต่ในใจของทั้งคู่นั้นกับอบอุ่น........... 

มหาลัยแห่งสุดท้ายแล้วที่ผมจะไปตรวจแต่วันนี้คงจะงดไว้ก่อน
เพราะผมคงต้องเอาใจยูมิอีกซักพัก แล้วที่สำคัญครับพรุ่งนี้ก็จะคริตสมาสแล้ว
ผมไม่สนใจรอบตัวเลย หลายวันนี้เอาแต่ตามหามินจนลืมสิ่งสำคัญไปเกือบหมด
ไม่สังเกตกระทั่ง...................วันเวลาที่ผ่านไปเลย
คนเริ่มเอาผ้าเอาป้ายมาติดตามที่ต่างๆ เด็กๆส่งเสียงเจี้ยวจ้าว
เค้กขนม อาหารสำหรับคืนวันคริสมาสเริ่มวางจำหน่าย
เสียงร้องขับขานบทเพลงคริตสมาสออกมาจากโบสถ
คู่รักเดินเป็นคู่มากมาย
และข้างๆผมตอนนี้ก็มียูมิอยู่..................
จะแก้ตัวหรือด่ายังไงก็คงไม่ขึ้นแล้วล่ะครับก็เธอเล่นเกาะแน่นขนาดนี้......
ก็ใช่สิผมมันxxx
ไม่ได้ไปตามหามินเพราะความจำเป็นหรอกครับ คริตสมาสมหาลัยปิดนะสิครับ
เลยต้องพักการหามินไว้ก่อนหาไปก็เท่านั้น..........หรือมันเป็นเพียงข้ออ้างที่ผมบอกกับตัวเอง
ผมกับยูมิเดินออกมาข้างนอกเดินดูของ
เมื่อคืนโทรไปหาพ่อแม่ สุขสันตกันก่อนล่วงหน้า
แม่เสียงเหงาๆบอกปีนี้คงจัดงานโดยไม่มีผม............
ผมก็เหงาครับที่ปีนี้ ผมจะไม่ได้กอดขอบคุณแม่อีกครั้ง
เสียงน้องสาวตะโกนมาตามสาย “พี่ไม่รีบกลับมาหนูยึดห้องพี่จริงๆด้วย-_-||||”เวงกรรม
ผมยังไม่ได้รักยูมิน่ะครับ ถึงผู้อ่านหลายคนจะคิดหยั่งงั้น
เพื่อนครับ จริงๆแค่เพื่อน..............ใจผมก็ยังมีมินเสมอ
ผมก็พยายามตีตัวออกห่างแล้ว แต่จะให้ทำยังไงครับ...........
ยากนะครับกับการจะทำร้ายจิตใจใครสักคน
จะให้ผม...................ไล่เธอไปเหรอครับ ถ้าคุณเป็นผมจะทำได้หรือเปล่า
แต่ตอนนี้ผมเองก็คงได้แต่รับผิดล่ะครับ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเพราะเธอยังเกาะแขนผมข้างนี้อยู่เลย
แต่ผมก็ยังพยายามเพื่อมินนะครับ.............ที่ผมออกมาเดินข้างนอก
ก็เพื่อตามหามินนี่ล่ะ เผื่อเธอจะเดินออกมาดูของบ้าง
“เจมดูตุ้กตาตัวนั้นสิน่ารักจัง”ยูมิชื้อไปยังตู้กระจกที่โชว์ กระจกใสๆทำให้มองเห็นไปได้ทั่วร้าน
มีตุ้กตากองอยู่มากมาย..................เธอชี้ไปที่ตุ้กตาแซนต้าคริสตัวหนึ่งมีถุงใบใหญ่แบกอยู่
เธอกระโดดโลดเต้น ผมก็ได้แต่ยิ้มๆครับ ถึงในใจจะกลุ้มใจกับความสัมพันธของผมกับเธอก็ตาม
“อืมเข้าไปดูสิ....................”ผมบอก
แล้วเราก็เดินเข้าไปดูตุ้กตากัน มันทำจากผ้าอย่างดีครับ นุ่มแต่ไม่มีฝุ่นจับเลย ถูกเย็บมาอย่างปรานีต
มีกะทั่งรอยขาดของถุงของขวัญ พลิกดูราคาเกือบ 50 เหรียญ
ยูมิหน้าม่อยๆ เธอยิ้มให้กับเจ้าของร้านเอ่ยขอบคุณ
แล้วเธอก็จะเดินออกไป..............ผมบอกให้เธอไปรอด้านนอกก่อนผมจะเข้าห้องน้ำที่ร้าน
ยูมิพยักหน้าไปรอด้านนอกคนเดียว...............
สักพักผมก็เดินออกมา ยูมิยืนมองเข้ามาคล้องแขนผมเหมือนเดิม
แต่คราวนี้เธอชะงัก..............เพราะมีอะไรบางอย่างซุกอยู่ในเสื้อโค้ตของผม
ผมรูปซิบออก โชวให้เห็นตุ้กตาแซนต้าตัวตะกี้อยู่ด้านใน
ผมดึงออกมายื่นให้เธอรับไปกอดแน่น
“ตั้งแต่เรารู้จักกัน ยังไม่เคยซื้ออะไรให้ยูมิเลย เมอรี่คริสมาสนะครับ”
ยูมิไม่พูดอะไรได้แต่กอดผมเงียบๆแทนคำขอบคุณละมั้ง
ดูมันจะเวอรไปหน่อยมั้ง..............
กะแค่ตุ้กตาตัวเดียว..................
ก่อนที่จะมีฉากซึ้งอะไรมากไปกว่านี้ผมดึงตัวยูมิออก
ภาพที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็คือ
มิน...............มินที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่
เรื่องบ้าอะไรกันนี่ผมตามหาเธอมา6วันไม่เคยจะเจอเลยทำไมต้องมาเจอฉากนี้ด้วย
ภาพมันคงฟ้องหมดแล้ว แต่ดูเธอจะไม่โกรธเลย
เธอได้แต่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น
เธอพูดคำบางคำออกมาแต่ไม่มีเสียง
แล้วเธอก็เดินเหมือนจะจากไป
คำพูดตะกี้มันก้องอยู่ในหัว
“คนโกหก.....................”
มินมองมาที่ผม
แต่ปากของผมไม่กล้าจะพูดว่ามันไม่ใช่.............เถียงไม่ออกซะแล้ว
มินยังยืนอยู่ตรงนั้น...............เธอถอดถุงมือออกเผยให้เห็นแหวนเงินที่นิ้วนาง
แหวนของเรา..............
เธอถอดมันออกชูแหวนให้ผมเห็นชัดๆ
“มินเชื่อนะเจม เชื่อมาตลอด”เธอร้องให้ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลย
คนมองทั้งสองข้างทาง..........
และมินก็ทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำเลย
แหวน ถูกขว้างต่อหน้าต่อตาผม มินขว้างไปไกลราวกับไม่ต้องการมันอีก
มันคงเจ็บน้อยกว่านี้ท่ามินจะด่า หรือตบผมสักทีสองที
แล้วมินก็วิ่งๆหนีผมไป........................
ผมพยายามวิ่งตามทิ้งยูมิไว้ข้างหลัง ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมต้องตามมินให้มัน...........
ไม่สนไม่แครอะไรอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนผมย่อมวิ่งได้เร็วกว่าเธอ ผมคงไล่เธอได้ทันแน่ๆท่าไม่มีไอ้บ้าบางคนมาขวางไว้ก่อน
ฝรั่งคนนึง ตัวใหญ่สูงสูงกว่าผมเกือบ6เซนได้มาจับตัวผมไว้
สงสัยมันคงไม่เข้าใจเรื่องที่ผมคุยกับมินเลยพยายามจะห้ามผม
สุภาพบรุษซิบหายเลย.........
มิน...............มิน........ผมตะโกนไล่หลังมินที่กำลังวิ่งหนีๆไป
แต่เธอก็ไม่หันมาเลย 
ยิ่งมินวิ่งไกลออกไปเท่าไหร่.............ผมก็ยังยิ่งดิ้นดิ้นเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนมันไปหามิน
มิน......................มิน.........ผมตะโกนสุดเสียงผมตะโกนจนเธอวิ่งหายไปกลางฝูงชน
ผมหยุดดิ้นแล้วครับท้อซะแล้ว..........
พอมันเห็นผมตามไม่ทันแน่ๆมันก็ปล่อยผมลง
ยิ้มให้ผมแล้วก็พูด “ผู้หญิงต้องดูแลเขาดีๆสุภาพกับเขาหน่อยสิ ..........”
ผั้วะ.............มันยังพูดไม่จบประโยคปากมันก็แตกเสียแล้ว
เชี้ยเอ้ย.......... ผมด่ามันเป็นภาษาไทย มรึงจะเสือกไรวะเนี่ย...........มินวิ่งหายไปแล้ว
ผมต่อยปากมันซ้ำอีกที..........ผมโคตรเสียใจเลยเสียใจมากทำไมมันยุ่งอย่างงี้
เอามินคืนมานะเว้ย..........ผมกระชากคอเสื้อฝรั่งเวร
ผั้วะ................ผมถูกมันชกกลับ หมัดฝรั่งหนักซิบหาย
ผมกลิ้งไปตามทางเท้าทันที 
มันจากไปแล้ว.........ฝรั่งคนหนึ่งที่ยุ่งกับชิวิตผมจนต้องเสียมินไป
ผมนอนอยู่ที่ถนน เลือดไหลออกจากจมูก
หมัดของมันไม่ได้หนักเท่าไหร่ แต่ภาพที่มินจากผมไปแล้วมันเจ็บยิ่งกว่าซะอีก
มาเมกาทำไมวะ.....รู้งี้ไม่มาดีกว่า
คนเดินผ่านสองข้างทางไม่มีใครเลยที่คิดจะยื่นมือช่วยผม
ทีงี้ไม่มีพลเมืองดีผมคิด.....น้ำตากับเลือดแข่งกันไหล
เสียใจ เสียน้ำตา เสียเวลา..........ผมเสียทุกอย่างไปแล้ว
ความผิดผมเอง ความผิดของผมทั้งหมด.................เออผมมันไม่ดีมีมินยังจะไปยุ่งกับยูมิอีก
ทำไม..................
..........................
..........................
มินไม่ฟังแม้แต่คำอธิบายของผม...........
มีมือยื่นมาช่วยฉุดผมขึ้น มิน.................
ผมยื่นมือให้
แต่ผมคิดไปเองครับ.................ตรงนี้มีเพียงยูมิที่คอยประคองผมขึ้น
เธอหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่จมูกให้ผม
ทำไมเธอยังแสนดีทั้งๆที่ผมทำชั่วๆกะเธอไว้ เธอไม่พูดอะไรแต่แค่สายตาที่มองผมก็รู้ว่าเธอห่วงขนาดไหนแล้ว
ผมสะบัดตัวออก พยุงตัวเดินกลับไปที่ถนนเส้นเดิม เส้นที่ผมเจอมิน
ผมเริ่มหาหาแหวนที่มินขว้างทิ้งไป
ยูมิยืนมองผม เธอทำราวกับสงสัยว่าผมยังพยายามไปทำไมและเพื่ออะไรอีก
ผมนั่งหาเดินหา........ทั่งมองทุกจุดที่คิดว่าแหวนมันจะตกไปได้
1ชั่วโมง 
2ชั่วโมง
ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่ผมยังคุ้ยหิมะหาแหวนมินอยู่
เจ็บทั้งเล็บปวดทั้งมือความเย็นทั้งกัดและบีบมือของผม
ร่างกายบอกให้หยุดหา มือชาและสั่น............
แต่สมองก็ยังบอกให้ขุด ขุดต่อไป
เลือดค่อยๆซึมออกจากเล็บมากขึ้นมากขึ้นทุกที ไม่นานหิมะก็เต็มไปด้วยสีแดง
ดี.............. ผมจะได้รู้ว่าตรงไหนที่ผมหาไปแล้ว มืดแล้วผมหามากี่ชั่วโมงแล้วนี่
ผมไม่สนแล้วก็ไม่คิดจะนับมันหรอก..............
มีคนมานั่งดูผมขุดด้วย เขาคงคิดว่าไอ้นี่มันบ้าไปแล้ว ดูไม่นานก็ไปแต่ที่แน่ๆผมยังหาอยู่
“พอได้แล้วเจม............”
  “พอได้แล้วเจม............”
ยูมิบอก เธอมองผมอยู่นานแล้ว
เธอร้องให้ในมือกำของสิ่งนึงแน่น
นี่ใช่ไหมสิ่งที่เจมกำลังหา
เธอแบมือออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือ
แหวนครับแหวนที่ผมหา
อยู่ในมือของเธอ สะท้อนกับแสงยิ่งสวยกว่าเดิม
ผมงงครับเอื้อมมือที่ชุ่มเลือดไปหยิบแหวน
“ยูมิเก็บมันไว้เหรอ”ผมถาม
เธอไม่พูดได้แต่นั่งร้องไห้............
“เจมเราขอโทษ..........เธอพูดช้าๆ เราไม่คิดว่าเจมจะรักผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้
เราเป็นต้นเหตุเองเจม”เธอลุกขึ้น
“เรา..............ไม่น่าเจอกันเลยนะ”
ยูมิกำลังจะเดินจากไป
“จะทิ้งเราไปอีกคนเหรอ...............”
ผมยังนั่งอยู่ที่พื้นอยู่เลย ผมยื่นมือให้
“ฉุดหน่อยสิลุกไม่ไหว”
เธอดึงผมขึ้นอีกครั้งแล้วที่เราได้อยู่ใกล้ๆกัน
“ทำไมถึงไม่บอกเราว่าเก็บแหวนไว้ละ...............”
เธอเงียบ...........................เราสองคนเดินไปช้าๆตามถนน 
ผมเงียบรอคำตอบที่จะออกมาจากปากเธอ
“เราไม่อยากเสียเจมไป.................ทำไมล่ะเจม.............ทำไมต้องบ้าทำอะไรเพื่อผู้หญิงคนเดียวด้วย
เจมดูสิเธอไม่ได้แครเจม เหมือนที่เจมแครเลยนะ งี่เง่าเอาแต่ใจด้วยซ้ำ”
ผมตกใจกับอาการของยูมิตอนนี้เธอดูไม่เหมือนเคยเลย
“เจม.....................
เรา..............เรา............”
ผมจับใหล่ให้เธอหยุดพูด
..................................................................................
ที่เรายอมให้มิน ก็เพราะว่าเราให้ได้เราก็อยากจะให้
ที่เราไม่โกรธที่มินทำกับเราอย่างนี้ เพราะเราก็คงโกรธถ้าเห็นมินทำแบบเรา
ที่เราดีใจตอนที่มินหึง ก็เพราะมันทำให้เรารู้ว่ามินแครเราขนาดไหน
ที่มินงี่เง่า เราก็ว่านั่นแหละเป็นความน่ารักของเขา
ที่เรามาที่นี่ ก็เพื่อมาหามิน..................
และที่ตรงนี้ ตรงใจดวงนี้..........
ก็จะมีแต่มินเท่านั้น...........ขอโทษนะยูมิ
หากเราทำเธอเสียใจ เราเชื่อนะว่าต้องมีคนที่ดีกว่าเรา คนที่ดูแลยูมิได้
.....................................................................................
ยูมิก้มหน้า ไม่รู้สิ่งที่ผมอธิบายเธอจะเข้าใจหรือเปล่า
เธอเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มให้ผม
ทุบอกผมเบาๆ 
เธอกอดผมอีกครั้งแน่นๆเต็มอ้อมแขน
เธอร้องให้น้ำตาไหลเต็มเสื้อผม ผมลูบหัวหลังเบาๆได้แต่รอให้เธอหยุดร้องไห้
“เข้าใจแล้วค่ะ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะกอดเจม…………...”
ผมกอดยูมิแหงนหน้ามองดาว..................
ยังกอดกันแน่นอยู่อย่างนั้น
คริสมาตปีนี้ผมจะได้ฉลองพร้อมมินหรือเปล่าน่ะ......................
คืนนั้นนอนไม่หลับ..............
ภาพตอนที่มินยิ้มถอดแหวนแล้วขว้าง
ย้อนไปย้อนมาอยู่ในหัวเหมือนหนัง
มันโหดร้ายเกินไปไหม ใช่ผมเป็นคนทำร้ายเธอแต่เธอก็ไม่น่าจะทำอย่างงี้
ผมมีหลายสิ่งต้องตัดสินใจ................ทำไมความรักของผมมันไม่มีความสุขสักที
มินไม่สงสัยเหรอว่าผมมาที่นี่ทำไมถ้าไม่ตามหาเธอ
ทำไมมินไม่ถาม ทำไมมินเอาแต่ใจขนาดนี้
มินเปลี่ยนไป.....................
หรือผมเปลี่ยนไปกันแน่ นอนไม่หลับอีกแล้วคืนนี้ พรุ่งนี้จะทำไงดีน่ะ
หลังจากนอนคิดทั้งคืนในเช้าของวันใหม่
ผมตัดสินใจแล้วล่ะครับ ว่าจะกลับไทย
ผมคงไม่ได้เจอมินอีกถึงเจอผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
แต่ช่วงคริสมาตไม่มีตั๋วคงต้องรอไปก่อน ช่วงนี้ผมจึงมีโอกาศท่องเที่ยวในหลายๆที่
ที่ผมไม่สนใจตอนแรก.............มุมมองใหม่ชิวิตก็ใหม่ๆ
ผมไม่เหงาหรอกครับผมบอกตัวเอง อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีบางคนอยู่ข้างๆ
สาวญี่ปุ่นเอาใจเก่ง ไม่งอแง พูดน้อยแบบที่คนไทยชอบเสียด้วย
ผมเที่ยวสนุกหลายที่ช้อปปิ้งดูหนัง
และตอนนี้ผมก็มาอยู่ที่สวนสนุก
บรรยากาศคริสมาต เหมาะมากกับคู่รัก.............
อากาศหนาวๆช่วยให้คนอยากใกล้อยากเดินเบียดกัน
ผมกับยูมิเป็นแค่เพื่อนเราเคลียรกันแล้ว 
เธอก็ยังบอกเลยว่าเข้าใจ แต่ดูท่าทางแล้วผมสงสัยว่าเธอจะเข้าใจที่ผมพูดจริงๆหรือเปล่า
ที่นิ้วนางของผมมีแหวนสองวงอยู่ด้วยกันตอนนี้
ยังใส่อยู่เสมอ อย่างน้อยมันก็คอยเตือนตัวเอง
บรรยากาศดูจะไปได้ดีครับ
ดีมาก......................ถ้าผมไม่เห็นมินเดินกับผู้ชายคนหนึ่งซะก่อน
หนุ่มตี๋ดูญี่ปุ่นคนนึงกำลังเดินออกมาจากบ้านผีสิง
ข้างๆมีมิน มินของผมยืนด้วยอยู่
ผมดูไม่ผิดหรอกครับ.....................
มินแน่ๆให้สาบานก็ได้..............
ผมอยากไปหามินตอนนี้เลย แต่เครื่องเล่นที่ผมเล่นอยู่มันก็หยุดไม่ได้ซะด้วย
มันทีที่เครื่องเล่นหยุด ผมจูงมือยูมิพาเธอไปหามินทันที
ผมเดินหาหน้าบ้านผีสิง ไม่มีครับ ไม่มีมินเลยแม้แต่เงา.................
มินอยู่ไหนแล้วไอ้บ้านั่นเป็นใคร ช่างเถอะผมคงไม่เจอกันมินแล้วล่ะ
ผมยิ้มให้ยูมิซึ่งทำหน้างงเธอคงสงสัยว่าผมลากเธอมาทำกัน
“กินอะไรไหมหิวหรือเปล่า ตรงนู้นมีฮอทดอค เดี้ยวเราไปซื้อให้น่ะ”
“กินสิเจมเอาน้ำผลไม่ด้วยนะ^^|||||”ยูมิบอก
อืมรอนี้แป้บนะ....................ผมรับคำ
เดินไปที่ซุ้มขายอาหาร ปลงตกแล้วครับเรื่องมินคงไม่เจอแล้ว
ผมเดินไปที่ซุ้มสั่งใส้กรอกมีคนยืนรอคิวก่อนผมสองคน
ผมไม่เชื่อสายตาเลย มินกับไอ้หนุ่มคนนั้น.......................
ผมมองมินมินมองผม
คราวนี้เธอไม่โวยวายอีกเธอก้มหน้าแล้วชวนคนข้างๆเธอออกไป
เธอเดินผ่านผม......................ราวกับผมไม่อยู่ตรงนั้น
“มิน........................
จำได้ไหม.................
สัญญา...................ของเรากับเธอ”
ผมพูดมินเงียบ เธอหยุดเดินแล้วคอยฟังอยู่
“แล้วเจมจำได้ไหมล่ะสัญญาของเราน่ะ”มินพูด
“จำได้สิ จำได้แม่นมากด้วย ไม่สงสัยเหรอไงว่าเรามาเมกาทำไมถ้าไม่มาหาเธอ”
มินหันมาหาผมแล้วเราสองคนสบตากัน
“จะสนใจอะไรมินล่ะ.....................เจมมีคนใหม่แล้วนี่น่ารักนี่สาวญี่ปุ่นเสียด้วย”
“แล้วทีมินล่ะหนุ่มญี่ปึ่นเหมือนกันแหละ ที่ยืนข้างๆนะใช่หรือเปล่า”
ผมโวยมั่ง ไอ้หนุ่มที่มากับมินทำหน้า งง คนไทยทักทายกันดุเดือดขนาดนี้เชียว
“อืม มีไรไหม เขาหล่อกว่าเจมเยอะอะ ที่สำคัญไม่เจ้าชู้ด้วย”
มินเอามือเท้าเอวรู้สึกเธอจะฉุนจัดพอๆกับผม
“สรุปมินไม่รักเราแล้วใช่ไหม เรามาเมกามาหามินนะ
มินยังรักเราหรือเปล่า”ผมถาม
สถานการณ์xxxร้ายกว่าเดิมเมื่อยูมิเดินเข้ามา
“ตอบมาสิยังรักเราอยู่หรือเปล่า...................”
………………………………………..
………………………………………..
………………………………………..
“เคยรักแต่ไม่รักแล้ว.................ไปอยู่กะเขาไปเขาคนโน้นไป”มินโวยลั่นมือกุมหัวเธอชี้ไปที่ยูมิ
“ได้............”
ผมยกมือขึ้น มือข้างที่ยังม่วงซ้ำ ค่อยๆถอดแหวนออกจากนิ้ว
แบมือให้เห็นแหวนทั้งสองวงในมือ
“ต่อไปนี้เราจะไม่ใส่มันอีก .................ในเมื่อมินไม่เชื่อเราไม่รักเราแล้วเราก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
แต่อยากบอกนะ เราๆไม่เคยลืมมินสักนาที เรายังรักมิน รักมากที่สุด
เราไม่เคยเสียใจมากขนาดนี้มาก่อน ทำไม ทำไม ไม่เข้าใจเรา”
“ต่อไปนี้เราสองคน...............................จบกัน”ผมย้ำคำพูดตัวเอง
ผมคว่ำมือช้าๆปล่อยให้แหวนทั้งสองวงตกลงพื้น
ผมกำมือแน่น..................เสียใจ โกรธ ปวดที่อกเหมือนใครมาบีบหัวใจ
ผมมองมินมินมองผม....................นี่อาจเป็นการมองครั้งสุดท้ายของเรา
ผมมาที่นี่ทำไมเนี่ยเหมือนคนโง่ที่โง่มาตามคนที่เขาไม่รักเราแล้ว
ผมเกลียดตัวเองจริงๆที่มีน้ำใจให้มิน ให้มินได้ทุกเวลา
แต่ผมกับต้องมีน้ำตาแบบนี้......................
ผมหันไปหาไอ้หนุ่มข้างๆมิน
“ดูแลมินด้วยล่ะ”พูดได้แค่นี้ละครับ เสียใจมาก เสียใจโคตรๆ
ใช่ครับคิดกันถูกแล้วล่ะผมกับมิน
จบแล้ว...........................
ผมเดินสวนออกมา.................มินยืนเงียบไม่พูดอะไรก้มหน้าอยู่
ผมมองเธอเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็เคยคิดว่าผมกับมินต้องเลิกกันซักวันนึงแต่ไม่เคยคิดเลยว่า
เราต้องมาจบกันแบบนี้ ผมถือน้ำออกมาขวดหนึ่ง ขวดที่ซื้อตอนจะซื้อฮอทดอคนั่นแหละครับ
ผมบิดจุกขวด แล้วราดมันไปที่หัวของผม
ให้มันช่วยล้างภาพของมินออกไปให้หมด
ผมเงยหน้าขึ้น...................น้ำไหลไปตามเส้นผมที่เปียกชุ่ม
มินยืนอยู่ตรงนั้น 
ได้แต่วิ่งมากอดผม.........................
“ไม่เอา ไม่เลิก ไม่เลิก ไม่เลิก ไม่ฟัง ไม่ยอมนะเจม”
……………………………………
“เจมจะเลิกกับมินจริงๆเหรอ”มินถามผม
“ก็มินไม่รักเราแล้วไม่ใช่เหรอ”ผมตอบยังยืนนิ่งไม่กอดมินตอบ...................
“ใครว่าไม่รักมินแค่โกรธงี่เง่า.............มินไม่ดีเองเจมยกโทษให้มินได้หรือเปล่า”
.........................................................
“ไม่ได้....................” ผมตอบมองหน้ามิน มินทำหน้าแบบซ็อคมาก
“ไม่ได้ได้ยังไงละก็เรารักมินขนาดนี้”ผมกอดมินตอบ
นานมากครับนานที่เดียว.........................
ผมรักอเมริกาครับ^^
“มือๆโดนอะไรมาน่ะเจม.................”
มินถามผมที่ม้านั่ง ข้างๆมียูมิกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นนั่งคุยกันอยู่......
“ปล้าว ไม่มีอะไรหร้อก ก็แค่ทำอะไรโง่ๆเพื่อผู้หญิงเอาแต่ใจบางคนเท่านั้นแหละ”
ผมแซวมินกลับ
“ใครเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจกัน”มินฉุนครับ
“ดูยูมิกันแฟนมินสิเข้ากันได้ดีจังนะ...........คุยกันสนุกเชียว” ผมบอกให้มินดู
“บ้า ใครแฟนฉัน เพื่อนบ้านนะอยู่บ้านข้างๆแค่เพื่อนกันเมื่อวานมินร้องให้เขาเลยพามาปลอบเฉยๆ”
มินทำหน้างอนๆ
“อย่างน้อยมินก็ไม่กอดผู้หญิงแบบใครบางคนหร้อก” เอาแล้วครับเริ่มเปิดหัวข้อสงครามครั้งที่สอง-_-||||
“โถ่มินก็อธิบายเป็นร้อยรอบแล้วอะว่าแค่เพื่อนเหตุการณ์มันพาไป”
“เชอะไม่เชื่อหร้อก.....................กอดกันกลมขนาดนั้น”มินสะบัดหน้าหนี
“แฟนเจมก็มีแค่คนเดียวนี้แหละจริงๆ”ผมกุมมือมิน
“จริงๆนะ” มินถาม
“อืม จริงสิ”
“ก็ว่างั้นแหละ อย่างเจมคงไม่มีใครหน้ามืดแบบมินเอาอีกหร้อก อิอิ”อ่าวดูถูกนี่หว่า-_-||||
“อยู่เมกาไม่กี่วันรู้สึกปากคอร้ายขึ้นเยอะนะ”อยากบอกว่ากวน.....มากกว่าแต่เกรงใจ
“อ่าว...............ไม่ดีเหรอจะได้ไม่มีหนุ่มมาจีบไง” มินมาซบผม
“สรุปสาวญี่ปุ่นคนนั้นเป็นใคร” มินหยิกขาผม
อ่าวสรุปยังไม่เชื่อเต็ม100นี่หว่า T_T
“เพื่อนนะ เจอเขาเดือดร้อน...........”แล้วผมก็เล่าเรื่องยูมิให้ฟังแบบไม่ปิดบังครับ
แค่ตัดตอนกอด ไล่ตามที่สะพาน แล้วก็ตอนเช็ดตัวออกเท่านั้นเอง^^(ไม่ปิดบังเล้ย)
ตอนแรกผมนึกว่ายูมิจะเสียใจมากกว่านี้แต่ดูเธอจะไม่เสียใจเท่าไรห่
ไอ้หนุ่มข้างบ้านมินขอตัวกลับบ้านไปแล้ว ดูเขาก็เป็นคนดีเหมือนกัน
แต่กลับไปก็ดีแล้วครับ^^เกะกะลูกตา เอ้ยม่ายช่าย ม่ายช่าย
พอไปหนุ่มนั่นไปยูมิก็เลยมานั่งที่ข้างๆผมคนละฝั่งกับมิน..........
ยูมิยิ้มให้มิน มินก็ยิ้มตอบ แต่ผมอยู่ตรงกลางบรรยากาศมันอึมครึมไงไม่รู้
ช่างเถอะครับผมก็เครียลกับยูมิแล้วเธอน่าจะเข้าใจ
วันนั้นผมอยู่กับมินทั้งวัน สนุกครับสนุกจริงๆ
มีความสุขแบบที่สุดในโลกเลยครับ ผมกับมินเดินคล้องแขนกันแบบไม่อายใคร
ก็นี่อเมริกาไงครับประเทศเสรี...................คืนนั้นผมพามินไปส่งบ้าน 
“แล้วเจอกันวันคริสมาตนะมิน............ผมบอก”
“อืมพรุ่งนี้แล้วสิเนอะ หลับฝันดีนะค่ะเจม”
แล้วมินก็หอมแก้มผมเบาๆดีใจครับคุ้มค่าจริงๆที่มา
ผมมองตามมินจนเธอกลับเข้าบ้านไป
ผมเดินกลับโรงแรมพร้อมยูมิ เราเดินไปสองคนเงียบๆ
เหมือนทุกที ผมพูดๆเรื่องมินให้เธอฟังตลอด
ยูมิก็ได้แต่ยิ้มแล้วฟังทุกๆเรื่องที่ผมเล่า
แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า
ผมรู้สึกว่าคราวนี้ยูมิดูเงียบกว่า.............ทุกๆวัน
วันต่อมาผมนัดมินไว้แต่เช้าเดินผ่านห้องยูมิ........
ตะโกนบอกเธอว่าวันนี้ผมคงไปกับเธอไม่ได้ ผมทิ้งเงินไว้ให้จะไปช็อปปิ้งที่ไหนก็ได้นะ 
ผมทิ้งเงินไว้ให้ไปเอาที่ห้องเอง......................เงียบครับไม่มีเสียงตอบ 
เธอคงยังนอนหลับอยู่ผมก็ไม่ค่อยอยากกวนเธอหรอกครับ
ไปดีกว่าครับวันนี้ร่าเริงไปหามิน
นัดที่สวนสาธาราณะกลางเมือง
อะโหนัด9.30
มินเล่นมาซะ11.30 -_-+
“ยายมินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสายซะ2ชั่วโมงเชียวไม่มาตอนหมดหน้าหนาวเลยล่ะ”
มินยิ้มแหะๆ “โทษค่ะ โถ่ก็แต่งสวยมาเนี่ยเพื่อเจมเลยนาเลือกชุดนานไปหน่อยเหะ เหะ”
“เหรอ” ผมยิ้มให้ 
เลือกชุดนานหรือตื่นสายกันแน่ ผมคิด
ช่างเถอะครับผู้ชายไม่คิดเล็กคิดน้อย คิดลึกๆอย่างเดียวก็พอแล้วครับ
หุ....หุน้ำลายไหล ^^
แวะร้านซีดีที่ ฮอลลี่วูด(ชื่อร้าน)โถ่เพ่มินทำยังกะไม่เคยเข้าร้านเทปกระดี้กระด้าเหลือเกิน
“เจมๆ มาดูนี่ดิมีเพลงไทยด้วย”มินชี้ให้ดูที่เขาวางโชว
“ไม่แพงกว่าไทยเท่าไหร่ซื้อกันเหอะ” มินดันทุรังจะเอา ผมดูราคา อะเหอ20เหรียญ –“-
400กว่าบาท ทามมายไม่ไปซื้อที่ไทย(วะ)ผมคิด 
ช่างเถอะครับเพื่อมินได้เสมอ
ยืนจ่ายตังครับ ภายนอกยิ้มครับ แต่ภายในทุกขระทมT_T
400บาทหนูกินข้าวได้หลายจานเน้อT0T/
ต่อจากร้านซีดี..............มินชี้ไปต่อที่ร้านกระเป๋า
T_Tยายมินเอาแล้ว..........
“เจมไปดูกันกระเป๋าน่ารักเต็มเลย”มินคล้องแขนพาเข้าร้านกระเป๋าต่อ
“จ๋ะ จ๋ะไปไหนก็ไป” วันนี้มินกะถล่มผมเต็มที่แหงๆ
ผมได้เดินตามมินเข้าร้านนู้นร้านนี้
ไม่เป็นไรครับมีบัตรพ่ออยู่รูดสบายครับ เหอ เหอ
กลับบ้านตูโดนพ่อฆ่าแน่ๆผมคิดT_T
“จะเที่ยงแล้ว เจมอยากกินอะไรค่ะ”มินถาม ผมถือของเต็มสองมือ
เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผ้าพันคอ cd แล้วก็ของจุกจิกอีกหลายอย่าง
ทามมายอยู่เมืองไทยไม่ซื้อ(วะ)T_T
ขอร้องไห้หน่อยเถอะครับ
เงินจ๋าอยากจากหนูปายยยยยยยยยย
“กินไรก็กินตามใจมินเถอะครับ”ผมตอบ(อย่าแพงน้ามินเจมหมดตัวแล้ว)
“กินไอติมละกัน........น่ะ”มินบอก
“โหมิน................หนาวขนาดนี้จะกินไอติม”ผมโวย
“อ้อ............งั้นกินอาหารญี่ปุ่นก็ได้นะ อิอิ มินกินเยอะด้วยแหละ”
“เอ่อ..................ไอติมก็ได้มิน............เราเพิ่งนึกได้ว่าอยากกินไอติมม้ากมาก”เปลี่ยนทันทีเลยผม
--_--||||คิดเอาเองคุับขนาดที่ไทยยังแพงขนาดนี้ที่ญี่ปุ่นจะขนาดไหน
กระเป๋าแฟบเลยครับ ผมจำได้นะว่าตอนมามันหนักนี่หว่า
กำลังจะหยิบตังให้มิน มินเดินไปซื้อแล้ว
“เจมไม่ต้องเลี้ยงหรอก เดี้ยวมินจ่ายเอง”มินหันมายิ้ม
ผมยิ้มตอบ^^
“โห..........รู้จักคำว่าเกรงใจด้วย”ผมกระซิบกับตัวเองเบาๆ
มินหันมาทันทีเลยครับ
“อะไรน่ะ ตะกี้พูดว่าอะไร” อุแม่เจ้าทำไมหูดีปานนั้น
“ปล่าวๆ เจมบอกว่าเอารสวานิลาจ้า มินได้ยินเป็นอะไรเหรอ”แก้ตัวครับ จะเชื่อป่าวเนี่ย
“แล้วไป มินเดิน”ไปซื้อไอติมต่อ
หูดีกว่าหมาอีก ชมนะเนี่ยไม่ได้ประชด^^ผมคิดในใจได้ยินอีกให้รู้ไป
ตั่งแต่มินมาเมกาเปลี่ยนไปเยอะเลย
เอ้ะหรือนี่เป็นนิสัยที่แท้จริง พระเจ้าเอามินที่น่ารักของผมคืนมา
มินเดินกลับมาพร้อมไอติมในมือแต่ให้ตายเหอะ
ในมือมีไอติมโคนเดียว
แล้วหนูจะกินอะไรอ่า-_-|||||
“กินด้วยกันได้ไหมละเจม มินกินไม่หมดหรอก”
ผมยิ้ม “ อืมๆได้สิไม่รังเกียจมินอยู่แล้ว”เหะ เหะ จูบทางอ้อม
“ดีมาก อิอิ”แล้วมินก็กินไปคำนึง เธอเอามือกุมหัว
“โอ้ย เย็น...............ไม่เอาแล้ว เจมกินคนเดียวให้หมดเลยน่ะ”มินพูดยื่นไอติมให้
“อะโห..........มินทำยังกับผมเป็นมนุษย์เหล็กไม่มีความรู้สึกหยั่งงั้นหละ”
ผมก็เย็นเป็นนะ(โว้ย)
ไม่เป็นไรครับเพื่อมินยอมได้ทุกอย่างเคยบอกแล้ว
ผมเอื้อมมือไปรับไอติมครับเอามากินปวดหัวจี้ดเลย
ไอติมวันนี้เค็มมากเลยครับ 
เค็มน้ำตาT_T.....................
โอ้เจ้มินไม่ได้หยุดอยุ่แค่นั้นครับ
ผมยังนึกเลยวันนี้คึกอาราย-_-|||||
เดินไปซื้อน้ำตู้ กดผิดได้กาแฟเย็น “ยื่นให้ผม เอ้าเจมกินสิ เย็นอะมินไม่ชอบ”
โหมิน น่าร้ากกกกกกกกกกกกก น่ารักมาก(น่าลักไปฆ่า-_-+)
ไม่ใช่ถังขยะนะเว้ย...............ผมตะโกน(ในใจ)
เอาจริงๆก็ยังยิ้ม ให้มินเสมอ ถ่าไม่ใช่ที่รักตายไปแล้วเหอ เหอ
มินเดินมาควงแขนผม
เอ้ออย่างนี้ค่อยน่าให้อภัยหน่อย..................^^สู้ตายฮับวันนี้
บ่ายสองแล้วหมดแรง มินไม่ซื้อของแล้วละครับ
แต่ชวนผมออกมาเดินเล่นรอบสวนสาธารณะ..............
รอบที่หนึ่ง ยิ้มคร้าบยิ้มมีความสุข...........ฝรั่งมองอิจฉาละซี่.......อิอิ
รอบที่สอง คุยครับคุยหนุกหนานตัวมินก็อุ่น
รอบที่สาม อะเหอเริ่มธรรมดาแต่ก็ยังเดินๆแล้วก็เดินครับ
รอบที่สี่ ทำไมหนทางมันรู้สึกยาวๆกว่าสามรอบแรกหว่า
รอบที่ห้า ไม่ไหวแล้วมินอยากเดิน เดินไปคนเดียวเหอะ>_<เชิญเลย
ผมขอมินนั่งที่ม้านั่งไม่ไหวแล้วครับ หอบแฮกๆ
มินเท้าซะเอว
ผู้ชายอะไรทำไมไม่แข็งแรงเลย มินบ่นๆแล้วก็บ่น
ลองมาถือของแบบผมบ้างดูไหม-_-+หนักนะเว้ย
นึกน่ะครับนึกในใจ ความสัมพันธยังสั่นคลอนอยู่ไม่กล้าเสี่ยง
“ขอโทษเหนื่อยนะพักแป้บได้ป่าวล่ะ” ผมบอก
“อืมก็ได้.............”มินพูดแล้วนั่งข้างๆผม เราจับมือกัน
T_Tทำไมสวรรคกับนรกมันใกล้กันงี้ว้า...........
เจม.......................เรามีบางอย่างอยากจะถามนะได้ไหม?
“อะไรเหรอมิน ตอบได้ก็จะตอบอะน่ะ”ผมแซว
“วันนี้เราเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า”โหเจ้รู้ตัวด้วย
“ไม่เลยมิน..................เราก็ยอมให้มินเสมอแหละไม่ว่ามินจะทำอะไร”
“เหรอคิกๆ รู้เปล่าว่าวันนี้เจมซื่อมากเลยอะ มินแกล้งเจมทั้งวันสนุกจัง
แกล้งยังไงก็ไม่โกรธ”
เหอ เหอ โกรธเว้ยแต่ไม่แสดงออก สรุปแกล้งกันช่ายมะ-“-
“ยังไงก็สารภาพแล้วล่ะ ขอโทษได้หรือเปล่าล่ะ”มินอ้อน
ผมแกล้งหันไปอีกข้างเชอะเรื่องไรจะยอมให้ง่ายๆเดี้ยวได้ใจ^^
“น่ะค่ะน่ะค่ะเจมคนดี.........................”มินจับขาผม
ผมว่าว่างๆจะส่งมินไปประกวดดาราหน้าใหม่เจ้แกแสดงเก่งแบบสุดๆ
เมินครับเมินไม่หันไปหรอกเห็นหน้ามินแล้วใจอ่อน
เจมจะโกรธมินจริงอ่ะ มินชะเง้อมาดูหน้าผม
ตากลมโตๆ หน้าใสๆ ตัดกับหิมะขาวๆ แก้มชมพูอ่อนๆ
น่าร้ากกกกกกกกสาดอ่า 
“ดีกัน ไม่โกรธ น่ะ น่ะ น่ะ”
“ไม่โกรธจ้า ต่อให้เอาปืนมายิงหนูก็ไม่โกรธ ทำไมมินน่ารักงี้ว้า”
“อ่าว..................ก็เงี้ยแหละคนมันเกิดมาสวย เจมไม่จับดีๆมีชู้เจงๆด้วย อิอิ”
“อุ้ยเจม ทำไมบนหัวมีเขา”มินชี้ไปบนหัว............
“เห้ยไหน..............”ผมจับหัว
“อ่าวไม่เห็นเหรอโง้งเลยอ่ะ มินสวมให้เองอะสวยม่ะ คิก คิก”
เอ้า.............เห้ยมินเล่นงี้เลยน่ะ –“-
วันนี้ดูมินคึกเป็นพิเศษเป็นไรหรือเปล่าเนี่ย
กินยาผิดมาแหงๆ............
เอ้า..................มินยื่นแหวนของเรามาให้ผม
“ถือว่าหายกันน่ะ อย่าทิ้งอีกล่ะไม่งั้นจะเจมหนักกว่านี้ ใส่ซะหรือว่าจะให้ใส่ให้”
ผมรู้สาเหตุแล้วครับ-“-
มิน่าวันนี้แสบจัง..................(แก้แค้นนี่หว่า)
“ไม่ใส่......................หนาวไม่อยากเอามืออกจากกระเป๋าใส่ให้หน่อยสิ”ผมยื่นมือให้
เอาคืนครับ แสบนัก-_-+
มินจับมือผมค่อยๆใส่แหวนให้ผม ปากก็พึมพัมไรไม่รู้
“-_-+ท่องคาถาเหรอมิน” ผมถาม
“ปล้าวๆแค่สาบแช่งถ้าคิดนอกใจอีก ขอให้ลงไปนอนชักดิ้นแค่นั้นเอง”เอาแล้วนังมินหันหาคุณไสย-“-
“เอาเจงดิ..............แช่งเจมลงเหรอ”ผมอ้อนบ้าง
“เมื่อก่อนก็ไม่ลงหร้อก แต่พอเห็นใครบางคนควงสาวญี่ปุ่นเดินไปมาแล้วหมั่นใส้อ่ะ”
มินพูดยิ้มๆครับแต่ทำไมน้ำเสียงจริงจังหว่า
“โอ๋ๆๆๆขอ โทษยกโทษให้ได้ป่าวอะก็บอกแล้วว่ารักมินที่สุด”
“จริงๆเหรอ จริงๆน่ะ”มินย้ำ
“อืมจริงสิมินเจมจะโกหกไปทำไมกัน”
“งั้นซื้อแหวน..................เพชรวงใหม่ให้มินเลย”มินบอก
-“-อะเหอเกินไปป่าวเจมกรอบแล้ว
“อิอิ...........ทำหน้ากลุ้มเลย ล้อเล่น มินขอแค่นี้ก็พอ”มินกอดแขนผมยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วปิดตา
^_^/มินจะเอากี่กะรัตจ๋า(อันนี้นึกในใจเดี้ยวซวย)
แล้วผมกับมินก็จูบกัน..............อีกครั้ง
มินถอนหน้าออกยืนยิ้มๆ
เดี้ยวนี้จูบเก่งน่ะไปฝึกที่ไหนมาหรือเปล่า(แหน่ะ-__-แขวะอีก)
“ปล่าวคิดถึงมินมากน่ะ สงสัยความรู้สึกมันสื่อมั้ง”
มินยิ้ม................. “มินรักเจมน่ะ”
“เจมก็รักมินครับ..............”
ป่ะกลับกันเถอะ จะมืดแล้วเราไปส่ง...........
“ไปยังไงอะเจม”มินถาม
“ก็รถไฟสิถามได้”มินถามแปลกๆ
“เหรอแต่มินอยากนั่งรถสปอรต์อะไปหามาเลย ตรงนู้นมีโชวรูมไปซื้อมาก็ได้”มินกอดอก
ไม่งั้นไม่ไปจริงๆด้วย...........
“น้าน ยังแกล้งผมไม่เลิก”-__-
รถสปรอตไม่ไหว แล้วผมก็เดินไปอุ้มมิน “เอาเราแทนรถไปก่อนแล้วกัน”
“เจมอย่าอายคน คนมอง”
“แต่เราไม่อาย^^”
“แต่หนักอ่ะไม่ไหว กินเก่งขึ้นใช่ไหมเนี่ย” ผมวางมินลง
“บ้าๆ...........มาว่าเค้า”มินไล่ทุบผม
“จ้าๆโทษๆโหหมัดหนักวุ้ย”ผมได้แต่ป้องกันตัวเองปล่อยมินทุบ
พอเหนื่อยเราสองคนก็เดินคล้องแขนกัน
ตรงไปสถานีรถไฟ ผมว่ามินแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบผมหันไปลูบผมมิน
ผมพามินไปส่งที่บ้านแล้วเดินกลับโรงแรม
วันนี้ผมมีเรื่องเล่าให้ยูมิฟังเยอะเลยครับ^^ 

เดินผ่านประตูห้องยูมิ...........ผมเคาะประตู ไม่มีคนตอบ
สงสัยยูมิไปช็อปปิ้งจนเหนื่อยละมั้ง...............หรือเธอยังไม่กลับ
ผมกลับห้องอาบน้ำ(อีกแล้ว)วันนี้เจออะไรมาหลายอย่าง
เฮ้อ................จะเปิดเทอมแล้ว
ต้องกลับไทยแล้วสิ ยังไม่อยากกลับเลย...............อยากอยู่อ้อนมิน
เอ้ะ ไม่ได้โทรหาแม่หลายวันแล้วสิเขาจะเป็นห่วงกันหรือเปล่าน่ะ
เดี้ยวต้องโทรหาหน่อยแหละ ต้องหาข้ออ้างพ่อเรื่องรูดบัตรด้วย-_-
พรุ่งนี้วันคริสมาตแล้ว............จะพามินไปเที่ยวไหนดี
ที่ไหนสนุกๆแล้วถูกๆมีไหมน้า..................
ออกจากห้องน้ำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมีคนมาเคาะห้อง
ใครหว่ายูมิหรือเปล่า ผมโยนรีโมททีวีลงบนเตียง
เดินเอาผ้าคลุมไหล่เช็ดหัวไป เดินไปเปิดประตูไป
มีฝรั่งหน้าแปลกๆอยู่หน้าห้อง
เห้ยใครว่ะ..............ผมคิด ยิ้มสู้ไว้ก่อน
“มาหาใครครับ” ผมถาม
“มาหาคน”มันตอบ-_-||||
“ครับคนพูดครับ”ผมตอบมันไปเสยผมให้มันดูชัดๆว่าผมไม่ใช่ลิงแน่ๆ
“ผมหมายถึงผมมาหาคนไทย”(แล้วไม่ไม่พูดทีเดียววะ-_-+)
“ครับมีธุระอะไรหรือเปล่า ผมพอช่วยอะไรได้ไหม”ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียรมาดื่ม
“ผมเป็นพนักงานประชาสัมพันธ มีคนฟากนี้ใว้ให้คุณ”
เขาพูดยื่นกระดาษโน้ตสีขาวมาให้
“ใครฟากใว้ให้ล่ะครับ” ผมไม่ค่อยสนใจยกเบียรขึ้นดื่มต่อ
“ผู้หญิงญี่ปุ่นผิวขาวๆผมไม่ทราบชื่อเหมือนกันคุณเอาไปเถอะผมจะกลับบ้านแล้ว”
ยูมิเหรอ? ผมเดินไปหยิบกระดาษโน้ตจากเขาให้โน้ตไป5เหรียญ
เขาไม่รับบอกเขาไม่ใช่พนักงานยกกระเป๋าแล้วก็เดินจากไป
เออดีไม่เสียตัง....................ชอบอยู่แล้วของฟรี
จะเปิดกระดาษ เขียนว่าไรว้า
โทรศัพทดังขึ้นเฉยเลย
อะไรอีก..............วุ่นวายจริงๆ
เดินไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหลใครครับ”
“พ่อเอง...........”
“พ่อไหนครับ เอ้ย เอ้ย หวัดดีครับพ่อโทรมาได้ไงครับเนี่ย”เกือบซวยทุกที-_-||||
“ก็ไอ้ลูกบางตัวมันไม่สนใจจะโทรมา มันติดแต่หญิง”
“โถ่พ่อก็เดี้ยวจะโทรไปอยู่แล้วล่ะครับ ใจเราตรงกันจังน่ะพ่อน่ะ” (ได้ทีอ้อนซะหน่อย)
“อืมๆ เมื่อไหร่จะกลับไทยล่ะแม่เอ็งเป็นห่วงนะเพื่อนๆก็บ่นถึง
ยิ่งเพื่อนลูกคนนึงที่เป็นผู้หญิงน่ะ มาบ้านเราทุกวันจนสนิทกับแม่ลูกจะแย่แล้ว”
พ่อผมบ่น แปลกพ่อผมไม่ค่อยชอบบ่นนี่นา
“คนไหนพ่อ ผมไม่แน่ใจมีหลายคน อิอิ”
“พ่อไม่แน่ใจน่ะ รู้สึกจะชื่อ...............วอแวอะไรนี่แหละวันๆไม่ไปไหนอยู่กับแม่ลูกทั้งวันพ่อกลับจากทำงานก็สวัสดีเช้าพอตอนเย็นกลับมาก็สวัสดีอีก เข้ากับแม่เอ็งเป็นปี่เป็นขลุ่ย”ฟังจากเสียงพ่อผมคงรำคาญแน่เลย-_-
“วาวาหรือเปล่าพ่อ.............”พ่อผมแปลงเสียเลย วาวาเป็นวอแว
“เอ้อ เออคนนั้นแหละคุยเก่งจริงๆวันนี้อยู่กินข้าวเย็นบ้านเรา”
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อรายนี้ก็หยั่งงี้แหละเพื่อนผมเอง ไม่ต้องกลัวนะพ่อไว้ใจได้”
แล้ววาวาจะไปบ้านผมทำไมเนี่ย.............ก่อจราจรเหรอ
“ไอ้เรื่องนั้นพ่อไม่ห่วงหรอกน่าตาก็บอกแล้วว่าเป็นลูกผู้ดี แต่ที่พ่อกลุ้มนี่สิเฮ้อ”
“เป็นไรพ่อกลุ้มเรื่องไรเนี่ย ถอนหายใจเชียว”ผมเริ่มใจไม่ดีแล้วสิ
“วาวานี่แฟนลูกเหรอ?”พ่อผมถาม
“เว้ย................ไม่ใช่พ่อแค่เพื่อน ทำไมพ่อคิดงั้นล่ะนี่ผมก็มาตามหาแฟนผมถึงนี่พ่อก็รู้”
“งั้นก็ดีไป แต่พ่อไม่เข้าใจที่เขาทำเลย”
“ทำไรครับพ่อ วาวาทำอะไรอีกล่ะ........”
“เห้อช่างเถอะ ไม่พูดแล้วลูกเดี้ยวพ่อจะวางแล้ว”
“เดี้ยวพ่อ เดี้ยวๆ ทำงี้ผมนอนไม่หลับแน่ บอกมาสิพ่อโถ่...........” ผมโวย
“จะฟังแน่นะลูก รับได้หรือเปล่า...”
“อืมรับได้สิพ่อ มีอะไรก็บอกมาเลยจะได้รู้เรื่อง” 
“วาวาอะไรของลูกเนี่ย ชอบเรียกพ่อว่าพ่อตา ส่วนแม่ลูกก็เรียกแม่ยาย
พ่อฟังแล้วแบบไม่ชอบเลยไม่เป็นกุลสตรี แต่แม่เอ็งนี่สิ ปล่อยให้เรียกเฉยเลย
นี่ยังไม่รวมน้องสาวแกเลยนะตัวดีเลยล่ะ.................
เรียกวาวาว่า พี่เขย พี่เขย ฟังแล้วพ่อขนลุกไปหมด”พ่อผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่คงสู้ผมที่ช็อคอยู่ปลายสายไม่ได้
เล่นงี้เลยเหรอนังวาวา-_-||||
“พ่ออย่าใส่ใจเลยครับ............เดี้ยวผมกลับไปเครียลเอง
ผมจะกลับหลังวันปีใหม่นี้แหละ 
พ่อจองตั๋วให้หน่อยนะครับ ที่นี่จองยาก”โยนภาระค่าตั๋วไปที่พ่อ อิอิ
“รีบกลับมานะลูก พ่อทนเสียงจุกจิกในบ้านไม่ไหว
คุยกันตลอดแบบไม่เกรงใจพ่อกันเลยยังกับนกแตกรัง มีอะไรจะฟากบอกแม่กับน้องหรือเปล่า”
“ไม่มีครับพ่อ เอ้อฟากดูแลแม่กับน้องอย่าให้ถูกล้างสมองไปก่อนนะพ่อ”ผมแซวเล่นๆ
“พ่อว่าช้าไปแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”
ผมกับพ่อหัวเราะกันแล้วก็วางโทรศัพทไป
นอนกลิ้งบนเตียงอีกรอบ
ไหนบอกตัดใจแล้วไงวาวา งี้มินรู้เข้าจะทำไงเนี่ย
ช่างเถอะ เดี้ยวค่อยว่ากันทีเดียว
ลุกขึ้นแต่งตัว หิวอีกแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า(ยังไม่กินข้าวเย็น)
เดินไปที่โต้ะอาหาร มีพนักงานออกมาต้อนรับ
ผมเลือกนั่งโต้ะเดิม โต้ะที่ผมเจอยูมิเป้นครั้งแรก
ยูมิ 
!!!!!!!!!
เห้ยตายแล้ว
ลืมยูมิซะสนิทยังไม่ได้ดูโน้ตเลย
ผมบอกบริกรว่าลืมของผมจ่ายค่าอาหารก่อนเดี้ยวจะกลับมากิน
เขารับคำ ผมออกจากห้องอาหารแล้วกลับห้อง
อยู่ไหนวะ ตะกี้วางไว้บนโต้ะนี่หว่า
หลังจากก้มไปก้มมาก็เจอกระดาษอยู่ใต้โต้ะจนได้
เล่นเอาเหนื่อยเลย หยิบออกมาเปิดดู

เจม...........ขอบคุณน่ะ ดีใจที่เจอเจม ได้เจมเป็นเพื่อน
พอดีมีธุระด่วน.................เลยต้องไปก่อน 

อักษรที่เหลืออ่านไม่ออกครับ เบียรที่วางไว้ใกล้ๆโน้ตหกมาเปื้อนจนอ่านไม่ออก
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว..............
ยูมิ........................หายไปอีกแล้ว
คืนนี้เหนื่อยอีกแน่เลยครับ คว้าเสื้อโค้ตมาพาดไหล่แล้วเดินออกจากห้องไป
จะไปไหนเหรอครับ ตามหายูมินะสิ
เธอไปไหนผมยังไม่รู้เลย.............
เทศการคริสมาตมีแต่แสงสี
ของประดับเยอะ รถเยอะ และที่สำคัญ คนเยอะด้วยครับ
นี่ผมต้องหายูมิจากกลุ่มคนพวกนี้เหรอเนี่ย....................
ผมเดินไปตามสองข้างทาง
ตาคอยมองซ้ายมองขวาหายูมิ
เธอเป็นผู้หญิง แถมตอนนี้เป็นช่วงเทศการ เงินเธอก็มีไม่มากคงไปไม่ได้ไกลเท่าไรห่
“เคยเห็นคนนี้ไหมครับ”
ผมโชวรูปยูมิที่ถ่ายคู่กับผมตอนไปสวนสนุกให้ดู
มีแต่คนส่ายหน้า บางคนไม่สนใจที่จะตอบด้วยซ้ำ
พรุ่งนี้นัดมินไว้เช้า คืนนี้จะได้นอนกี่ทุ่มกันเนี่ย -_-+
ดูนาฟิกา สองทุ่มแล้ว...................ไม่ดึกเท่าไหร่
ไปตามร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง
บางทีก็เจอด่า...........แต่ไม่ท้อหรอกครับ
ตอนนี้ผมยังเฉยๆ ร้อนใจนะครับร้อนใจแต่ก็ยังเชื่อครับว่ายูมิคงดูแลตัวเองได้
เชื่อไหมครับผมทักผิดไปหลายรอบแล้ว
เห็นผู้หญิงญี่ปุ่นตัวเล็กๆไม่ได้เป็นต้องเดินไปทักทุกที
ผิดหวัง ผิดหวัง แล้วก็ผิดหวัง
คืนนี้ผมเจอคำนี้มาแล้วไม่รู้กี่รอบ...........
ไม่เจอเลยเธอหายไปไหนกัน
เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะออกจากเมืองไปแล้ว
หรือถ้าxxxร้ายที่สุด..........
ไม่ๆผมบอกตัวเอง ไม่อยากคิด ยูมิคงไม่คิดทำอะไรบ้าๆหรอก
พยายามหัวเราะกับตัวเอง แต่ความรู้สึกตอนนี้ทำได้เพียงหัวเราะ
แหะ แหะ เท่านั้น
ดูนาฟิกา 4 ทุ่มแล้วเหรอนี่ ผมหามากว่า2ชั่วโมงไม่เจอเลย
ยูมิ.............................................
ผมตะโกนดังลั่นถนน
มีคนหันมามองเต็มเลยครับ แต่ก็ยังหาเธอไม่เจอเลย
ไม่กล้าตะโกนอีกครับ ตำรวจมองแล้ว
ตอนนี้สมองกำลังทำงานอย่างหนัก ที่ไหนที่เธอน่าจะไป........
คิดไม่ออกครับมันมากมายเหลือเกิน...............
ผมลองไปหาที่สวนสาธารณะ สถานีรถไฟใต้ดิน หรือแม้แต่หน้ามหาลัยยามค่ำคืน
ไม่เจอเลยครับ ราวกับเธอหายไปแล้วหยั่งงั้นแหละ
หิมะเริ่มตกอีกแล้ว ทำไมผมออกมาด้านนอกมันถึงตกทุกทีหยั่งกะจงใจจะกลั่นแกล้ง
อยู่เมืองไทยฝนตก อยู่ที่เมกาหิมะตก
เจริญชิวิตจริงๆ 
เหนื่อยครับเหนื่อยมาก รบกับมินมาทั้งวันตังแต่เช้า ตอนนี้ห้าทุ่มยังไม่ได้นอนเลย
ปวดขาไปหมด ตามแขนก็เมื่อยล้า
ร่างกายบอกว่าอยากนอนเต็มที..................
คนสองข้างทางเริ่มน้อยลงทุกที เหลือแต่คู่รักเป็นคู่ๆ
ดีครับ ผมจะได้หายูมิง่ายขึ้น สายตายังมีความหวังครับว่าจะเจอเธอ
ลางสังหรณ์ผมก็เชื่อแบบนั้น
แต่ความจริง...............
ก็คือผมที่เดินไปตามถนนเงียบๆคนเดียว...........
ยูมิไปไหนน่ะ................ผมผิดหรือเปล่าที่มาตามหาเธอ
แต่ผมก็เชื่อว่ามินไม่ใช่ผู้หญิงใจแคบขนาดนั้น............
นี่คือชิวิตคนคนนึง นี่คือเพื่อนของผม........
ตีหนึ่งแล้วอากาศหนาวแบบสุดๆเสื้อโค้ตที่เอามาดูจะทนความหนาวไม่ไหวแล้ว
จมูกแดงหน้าแดง หน้าตึงและแตกไปหมด
ไม่ไหวแล้วกลับโรงแรมดีกว่า......
เดินหนาวตลอดทาง คงไม่มีโอกาศเจอกันแล้วล่ะ
ถึงโรงแรมมีแค่ประชาสัมพันธ์ที่ยังอยู่ เฮ้อ..........
เซ็งครับกลับห้องดีกว่า.............
เดินผ่านห้องยูมิ ยืนอยู่หน้าประตู
ตรงนี้เคยมียูมิอยู่ ไออุ่นๆเพราะเครื่องทำความร้อนจะกระทบหน้าทุกทีที่เปิดไป
แต่ตอนนี้ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว
ผมลองเคาะประตูห้อง อาจจะบ้าก็ได้รู้ทั้งรู้แล้วว่าไม่มีคนอยู่ในนั้น
แล้วประตูก็เปิดออก
มียูมิที่หัวกระเซิงชะเง้อหน้าออกมา
“อะไรเจม ไปไหนมาเนี่ย กี่โมงแล้วมาเคาะ”ยูมิถามผมเป็นชุดเลยครับ
ผมไม่ตอบได้แต่คว้าตัวยูมิมากอด
ขอโทษเจมผิดไปแล้ว
ผมว่ายูมิคง งง แน่ๆผมก็มีคำถามไม่น้อยกว่าเธอหรอก
“ไปไหนมาเรานึกว่ายูมิจะจากเราไปแล้ว”
ผมนั่งคุยกับเธอที่เก้าอี้ในห้อง
“อ่าวก็ยูมิฝากโน้ตไว้แล้วน่ะ”
ก็ยูมิเขียนว่าขอบคุณลาก่อน เราก็นึกว่ายูมิจะจากไปแล้วซะอีก
“อ่าวๆ โถ่เจมเราก็เขียนไว้ชัดเจนนะว่ามีธุระเจอเพื่อนเก่า
จะกลับดึกยังเป็นห่วงอีก...............”
“ก็โน้ตมันเปียกน้ำอ่านไม่จบเราก็นึกว่า แหะ แหะ.........” หัวเราะให้กับความโง่ของตัวเอง
“เป็นห่วงเราเหรอถึงออกไปหา”
“อืม เป็นห่วงสิก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา”ผมตอบ
“แค่นั้นจริงๆเหรอ”ยูมิเขยิบเข้ามาใกล้
“เราดีใจน่ะ”ยูมิมองหน้าผม
ตอนนี้เราห่างกันไม่ถึงฟ่ามือ
ผมลุกออกจากเตียง 
“เอ่อไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ เรากลับห้องล่ะน่ะ”
รีบหนีก่อนสิครับเดี้ยวสติแตกอีก
“เจมเดี้ยว............”ยูมิเรียก
ว่าไง...........กำลังจะปิดประตูห้อง
“ฝันดีนะค่ะ”
“ครับ ยูมิก็ฝันดีน่ะขอโทษที่มากวนดึกๆ”
ค่ะ............
ดูเรียบๆนะครับ แต่รอยยิ้มพร้อมเสียงหวานๆทำผมแทบดิ้นตายทั้งคืน
แกล้งกันหรือเปล่าเนี่ย
โว้ยนอนล่ะครับพรุ่งนี้ต้องเจอยายมินอีกตายแน่T_T
อวยพรให้ผมรอดชิวิตด้วยนะครับ
นอนหลับสบาย.......แสงบ้าอะไรไม่รู้มาส่องใส่หน้า
เอาผ้าห้มคลุมตัวแล้วสลบไปอีกที
ไม่รู้นานเท่าไหร่ แล้วก็รู้ตัวตื่นขึ้นลุกมาบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที
เหอ เหอ วันปีใหม่ วันเกิดพระเจ้า ช่างสุขขีจริงๆ
แสงแดดสดใส หิมะตกแดดออกเป็นภาพที่สวยจริงๆ
แดดออก! นี่กี่โมงแล้วหว่านอนเพลินไปหน่อย
นัดมินไว้ตอน10โมงยังไงก็คงไปทัน
ดูนาฟิกา 11.30 
ฮ่าๆแค่11.30เท่านั้นเองยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ
เห้ย!!!!!!...............................11.30ผมขยี้ตา
ตายห่าแล้ว เจอฆ่าแน่ ผมคว้าเสื้อจากราวมา
น้ำเนิ้มไม่อ่าบแล้ววันนี้ซักแห้งมันไปเลย
คว้าน้ำหอมได้ก็บรรจงฉีดๆๆๆมันเข้าไป
ระลึกถึงคุณพระคุณเจ้าขอให้อวยพรให้มินอารมดี
อย่างน้อยก็อย่าหงุดหงิดอยู่เลย ผมยังไม่อยากตายT_T
ไปถึงโอ้ มินยังรออยู่
แต่ทำไมเธอไม่ยิ้มหว่า^”^
หายใจลึกๆครับตั้งสติแล้วรุกเข้าไป
เอ่อมินเราขอ.....
ยังพูดไม่จบเลยครับ นั้นมินลุกเดินหนีไปแล้ว
ทำไมต้องเดินตามง้อแต่เช้าว้า-_-
ผู้หญิงเข้าใจยากจริงๆ ทีมินมาสายก็แค่ยิ้มๆอ้อนหน่อยก็พอแล้ว
ทีผมมาสายนะทำยังกับ ทำผิดอะไรร้ายแรงหยั่งงั้นอ่ะ
เอาแล้วครับหนังภาระตะภาค16พระเอกวิ่งตามนางเอก
ดีหน่อยที่ไม่มีภูเขา ขึ้นไม่ไหวครับวันนี้ตายแน่>_<
มินแกล้งผมครับ ตามไม่ทันเพลียยาวตั่งแต่เมื่อคืน
“มินหยุด..............”
ผมบอกแล้วคุกเข่า มินหันมา
“หากไม่ยอมยกโทษให้จะนั่งอยู่นี้แหละจนตายเลย”
“เชิญเลย..............”
มินพูดสั้นชัดได้ใจความ
แต่กินใจมากเลยครับ มินช้าลงแป็บแล้วเดินหนีไป
“เห้ยมินเอาจริงดิ เจมอายคนนะ”ผมพูดแล้วลุกเดินตามต่อ
มินหันมาหยุด 
“โถ่.............นึกว่าจะแน่จริงกว่านี้”มินเดินมาปัดหิมะให้ผม
“ก็เราหน้าไม่ด้านพอล่ะมิน คนมองเต็มเลยเย็นก็เย็นไม่ไหวหรอก”
ผมทำหน้าน่าสงสารเต็มที่ สงสารหน่อยสิมิน
“ไหนๆ”มินจับหน้าผม 
“โหเจมนี่เหรอไม่ด้านหนาขนาดนี้”มินพูดยิ้มๆ
“ยายมิน..............มันจะกวนเกินไปแล้วนะระยะนี้”ผมยกมือขึ้นแง่งใส่
“มาให้ลงโทษซะดีๆ” ผมวิ่งไล่
“ว้ายเจมอย่า..........มินวิ่งหนี”โหวันนี้ตามไม่ทันครับ
หน้ามืดแล้วนอนไม่พอ.............ตากหิมะมาด้วย
มินเห็นผมไม่กระตือรือร้นมั้งครับ
เลยกระตุ้นผมด้วยลูกบอลหิมะก้อนใหญ่
แม่นมากเลยครับเข้าหน้าเต็มๆ
T_Tโอ้ยเจ็บ ยายมิน.............
สงครามโลกครั้งที่สามเกิดแล้วครับ
ผมฉุนก้มลงไปหยิบหิมะมาปั้นบ้าง
ยังไม่ทันเป็นก้อนเลยครับ ก้อนหิมะอีกก้อนก็กระแทกหน้าผม
ผั้วะ.................หงายเลยครับ
มินกระโดดดีใจทำท่าแบบสู้ตายค่ะด้วย
สะใจใช่ไหมมิน ได้ๆเจมจัดให้-_-+
จากก้อนเล็กๆที่หมายแค่สั่งสอน...........ผมก็หยิบเพิ่มไปอีก2หยิบมือ(เอง)
เล็งกะมอบก้อนหิมะแห่งความรักให้แบบเต็มๆ
ปาหวือมินหลบได้ฉิวเฉียด แถมปาสวนมาอีกก้อนเข้าหน้าอีกแล้ว
-_-+ทำไมแม่นจัง(วะ)
ผั้วะ ผั้วะ ผั้วะ..................เจออีก3ก้อนติดยายมินไวสุดๆหลบได้ทุกดอก
โอ้ก................คือเสียงสุดท้ายก่อนที่ผมจะทรุดลงพื้นแล้วขอยอมแพ้
ไม่ไหวสู้มินไม่ได้จริงๆ
หรืออนาคตผมจะกลัวเมียหว่าT_T
ไม่หรอกครับผมคงนอนไม่พออะเลยไม่แม่น
ยายมินค่อยๆย่องเดินมาเอาไม้จากไหนไม่รู้มาเขี่ย-_-||||
“ตายยังเจมตายยังแค่นี้หมอบไม่แมนเลย”มินพูดพยายามขุด(ซาก)ผม
ลองมาโดนหิมะซัดเต็มหน้าดูม่ะ-_-+
ผมยิ้มดึงมินลงมากลิ้งด้วย
มินหัวเราะแล้วนอนข้างๆผม ตัดกับหิมะที่ที่ขาวสะอาด
“เจมสนุกจังเลย มินมีความสุขนะเวลาที่มีเจมอ่ะ”
ผมหันไปมอง ภาพมินตัดกับหิมะสีขาวจะให้บรรยายไหมครับ^^อิอิ......
“อืม”ผมตอบสั้นๆ
“มินเรามีอะไรจะบอกล่ะ”
“ว่ามา ว่ามาจะฟังให้ก็ได้”-_-||||(ยังกวนไม่เลิก)
“เราจะกลับไทยแล้วนะ”.........
  มินเงียบไปแป็บนึง.............
“ทำไมล่ะ จะกลับทำไม ไม่ให้กลับ”มินเอากระเป๋าถือฟาดผมใหญ่เลย
ผมลุกขึ้น เดินไปเงียบๆมีมินเดินข้างๆตามมา
บรรยากาศเหมือนตอนที่เราเดินด้วยกันที่มหาลัย
“มินก็รู่ว่าเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ตลอดไปหรอก”ผมบอก
“แต่ก็ไม่น่าจะไวขนาดนี้นี่ เราเจอกันได้3วันเองนะ ถ้ารวมเวลาอยู่ด้วยกันจริงๆ2วันไม่ถึงด้วย”
“ยังไงเราก็ต้องกลับนะมินมหาลัยจะเปิดแล้ว......”
มินเกาะแขนเสื้อผม
“เจมจะกลับแล้วจริงๆเหรอ............เจมทิ้งมินลงเหรอ”
“ใครบอกทิ้ง พอเรากลับไทยนะจะเขียนจดหมายมาหามินคนแรกเลย”
“มินไม่อยากได้จดหมายนี่ มินอยากให้เจมอยู่กับมินที่นี่นิ”
“เอางี้สิ เจมโทรไปบอกพ่อเรียนกับมินที่นี่เลย น่ะ น่ะ น่ะ”
มินอ้อนดูเธอจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก
“คงไม่ได้หรอกมิน..............แค่นี้แม่เราก็จะคลั่งแล้วเรามาที่นี่เกือบ10วันเอง”
“โถ่เจม................ก็............ก็”มินงองแงหนัก
“ไม่เอาน่า..............ไม่ใช่เด็กแล้วกลัวเจมจะเปลี่ยนไปเหรอไง”
มินเดินมาเกาะไหล่ผมทำหน้างอนๆ
“ไม่กลัวได้ไงเจ้าชู้ขนาดนี้”
“ถ้ารู้นะ.....”มินทำมือเป็นรูปกรรไกร
“ฉับ..........”มินทำเสียงแล้วมองตาผม
“ขาดแน่.........”สายตามินส่อจิตสังหารทำเอาผมเสียววูบ
“อะไรขาดมิน...............”-_- เล่นเอาผมหวั่น
“ไม่รู้..............อยากรู้ก็ลองเจ้าชู้ดูสิ” แล้วมินก็คล้องแขนผมเดินต่อไป
เหอ เหอ คบกับมินอนาคตผมคงไกลแน่ๆ(ไกลผู้ไกลคน)
“สรุปจะกลับเมื่อไหร่ล่ะเจม”
“พรุ่งนี้แล้วล่ะ พ่อเขาจองตั๋วกลับให้ได้น่ะถ้าไม่เอามันต้องรอยาวเลย
กลับไปเรียนไม่ทัน”
สังเกตมินทำหน้าแบบเศร้าหนักกว่าเดิมอีก
“พรุ่งนี้...............แล้วเหรอ”มินถาม
“อือ........แต่ยังไม่รู้กี่โมงเลย”
“งั้นวันนี้ ต้องให้เวลามินเต็มที่นะเจม...............”
“ได้ๆให้ทุกวินาทีเลย.................ไปไหนกันดีล่ะ”
“มิน...........หิว” กินอีกและ-_-|||||
“กินเก่งจริงๆมาที่นี่ ออกกำลังกายก็ไม่ค่อยออกเดี้ยวอ้วนหรอก”
มินหยิกผม
“ใช่สิใครจะไปสวยสู้สาวๆที่อยู่เมืองไทยได้ล่ะ หุ่นก็ดี
หรืออ้วนแล้วเจมจะไม่รักมิน”มินทำหน้าแบบงอนจัด
“โอ๋ๆ ต่อให้มินเหมือนฮิปโปยังไง เจมก็ยังรักน่ะ”
“แน่นะ.........................”มินถาม
“อืมแน่สิ”ในใจผมนึกครับ อย่าอ้วนขึ้นมาน่ะทิ้งแน่ๆ อิอิ
ผมเที่ยวกับมินทั้งวัน ไปโรงหนัง ฟังเพลง ช็อปปิ้ง(อีกแหล่ะ)
สวนน้ำพุ สโมกี้เมาเทนส เที่ยวจนดึกจริงๆ
จนที่สุดท้ายที่มาหยุดก็คือโบสถ์
โบสถ์เวลาที่หิมะตกขาวโพลนดูสวยมากเลยครับ
ผมกับมินเดินจูงมือเดินไปที่หน้าประตู
เพลงคริสมาตดัง ได้ยินไปทั่ว ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินไปมา
มีคู่รักมามากมายหลายคู่แล้วที่แน่ๆตอนนี้ข้างๆผมก็มีมินอยู่
“เจมดูนั่นสิ...................”
มินชี้ให้ผมดูคนคู่หนึ่งซึ่งเดินมาด้วยกันอยู่
ยูมิ............เดินมากับไอ้หนุ่มหน้าตี๋ข้างบ้านมิน
มิน่าระยะนี้ชอบไปไหนดึกๆแล้วไม่เกาะผมเหมือนเดิม
ก็อย่างว่าล่ะครับ คนภาษาเดียวกันเข้ากันง่ายกว่า
มินเดินจูงมือผมไปหา ดูท่าทั้งคู่คงจะตกใจไม่น้อยกว่าผมเลย
แต่ก็ไม่แปลกที่จะเจอกัน ที่นี่เป็นศุนย์รวมคนอยู่แล้ว
ผมมองตายูมิแสดงความยินดี
ยูมิก็มองตาผมยิ้มตอบมาเหมือนกัน
เราเข้าใจกันครับ และผมก็หวังให้เธอมีความสุข ไม่น้อยไปกว่าผม
เราทั้ง4คนยืนติดกันพร้อมกับคนทั้งโบสถ์สายตาจ้องไปทึ่นาฟิกาที่แขวนอยู่
อีก1นาที...............ก็จะปีใหม่แล้ว
เวลาค่อยๆเดินถอยหลังโดยมีทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอแต่ละวินาทีที่ลดลง
เราสี่คนจับมือกัน เวลานี้เป็นช่วงของความรัก มิตรภาพ เพื่อนและการเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ
พวกเราใกล้กัน ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่าย
นักร้องประสานเสียงเงียบ
ทุกคนในโบสถ์ก็เช่นกัน
10.........
9........
8...........7.........6.......5......4....3....2....1....
happy new year ดังขึ้นทั่วโบสถ์ 
เสียงอวยพรให้กันและกัน บางคนก็กอดกัน วัยรุ่นหลายคู่ก็จูบกันเงียบๆ
“ขอบคุณสำหรับตลอดปีที่ผ่านมาค่ะ/ครับ”
คู่ของยุมิโน้มตัวให้พวกผมแบบญี่ปุ่น
“ขอบคุณสำหรับตลอดปีที่ผ่านมาเช่นกันค่ะ/ครับ”
ผมกับมินก็ยกมือไหว้ตอบ
มิตรภาพของพวกผมไม่ได้อยู่ที่ภาษา เชื้อชาติ หรือวัฒนธรรมพวกผมรู้แค่ว่า
เราเป็นเพื่อนกัน มีแต่สิ่งดีๆให้กันเท่านั้นเอง
ขอให้มีความสุข ผมโบกมือลากับคู่ของยูมิเงียบๆ
เช่นกัน พวกเขาตะโกนตอบมา
พวกเขาคงจะไปต่อกันที่ไหนสักแห่ง......
ผมได้แต่ยืนมองส่งพวกเขาเงียบๆ
ตอนนี้เหลือผมกับมิน.........และบรรยากาศคริสมาตเท่านั้น
“เจมจะไปไหนต่อ............”มินถามผม
“ไม่รู้สิมินอยากไปไหนหรือเปล่า”มินส่ายหน้า
หนาวน่ะ แต่ไม่มีร้านไหนเปิดเลยคริสมาตแท้ๆมินบ่น
“เอางี้ไหมมิน.............ไปฉลองต่อที่ห้องเรา”ผมแซวเล่นๆ
ผมรู้มินไม่ไปหรอก มินหันมามองหน้า
เธอนิ่งไปเหมือนคิดอะไรอยู่........
“อืมไปสิเจม”
ตะลึง............0_O
นิ่งไป10วิ...............กว่าสมองจะประมวลผล
โอ้เย้...................ในที่สุดในที่สุด.............วันนี้ก็มาถึง
ผั้วะ.........เจอตบเรียกสติ 
มินเอามือเท้าสะเอว
“โหเจมไม่ค่อยบ่งบอกเลย คิดไรอยู่คิดไรอยู่ลามกจริงๆเลย”
“ปล้าวไม่ได้คิดไร แค่ดีใจที่มินจะไปห้องน่ะ มินนั่นแหละคิดอะไร”
ผมแซวตอบ แต่มินหน้าก็แดงขึ้นทันที
“บ้าๆ” มินทุบผม
นั่นแหน่ะแปลว่าคิดใช่ไหม
เจมมานี่เลย มินเรียก
ไปก็โง่สิครับ............วิ่งครับวิ่ง
ที่ห้องผม.....................มีมินนั่งข้างๆ
“เจมพรุ่งนี้จะกลับแล้วเหรอ” มินนั่งผิงผม
“อืม ตะกี้ประชาสัมพัญธ์ บอกว่าเครื่องออกพรุ่งนี้เที่ยง”ผมตอบ
“เจมไปแล้วมินล่ะจะอยู่ยังไง”
“โห.......เวอร์เลยมินก่อนเรามาก็เห็นอยู่ได้นี่”
“ก็งั้นเจมจะมาทำไมล่ะ มินก็อุตสาหตัดใจได้แล้ว.....
มาทำไมล่ะ.................”
“ก็เราอยากเจอมินน่ะผิดเหรอ เราคิดว่าไม่ผิดหรอกนะถ้าเราจะมาหาคนที่เรารัก”
“รัก ก็อย่าจากไปสิ............อยู่กับมินไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้..................แต่เราจะรอมินน่ะ”
“แก้ตัวจริงๆเลย”มินถอนหายใจออกมา
“เอ้าๆจะไปไหนก็ตามใจ คงห้ามไม่อยู่แล้ว”มินถอนหายใจ
“คืนนี้คงกลับบ้านไม่ทันแล้วล่ะ คืนนี้มินนอนที่นี่น่ะ”
ผมอึ้งไป2วิหันไปมองหน้ามิน
ถึงเราจะสนิทจนนั่งคุยนอนคุยบนเตียงเดียวกันก็เถอะ........
“อืมเรายังไงก็ได้....มินไว้ใจเราใช่ไหมล่ะ”
มินไม่พูดอะไรเลยได้แต่หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ
“ เดี้ยวมินจะอาบน้ำก่อน”
ผมนั่งอยู่บนเตียงใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย...........
หันไปดูนาฟิกา
ตี2แล้วเหรอเนี่ย ผมเพลียมากเลยครับได้แต่นอนปิดตาอยู่บนเตียง
เสียงน้ำฟักบัวดังลอดออกมาจากห้องน้ำทำให้ผมคิดไปได้ถึงไหนต่อไหน
ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยๆ............รอมินอาบน้ำเสร็จ
“ เจมมินอาบน้ำเสร็จแล้วนะจะอาบต่อไหม”มินเดินออกจากห้องน้ำ
มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันตัวเท่านั้น..............
เงียบไม่มีเสียงตอบ..............เจมนอนไม่รู้เรื่องบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
มินยิ้มกับตัวเอง
เฮ้อ...........คงมาทั้งวันล่ะซิเนี่ย
มินเดินมาหอมแก้มเจมที่หลับไปแล้ว
“ขอโทษน่ะค่ะที่เอาแต่ใจ........”
มินเดินไปเปลี่ยนเสื้อ .............
ลุ้นเหมือนกัน..........ถ้าเจมไม่หลับไปจะทำไงดีเนี่ย
มินได้แต่ขำกับตัวเอง.............นอนลงข้างๆเจม
ราตรีสวัสดิ์น่ะค่ะ “ที่รัก”
อึดอัด............ร้อน.............ขยับตัวไม่ได้..........หรือผมจะโดนผีอำ
พยายามสวดมนต์ก็ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย ไม่กล้าลืมตากลัวจะเจอภาพที่สยดสยอง
นี่หนีมาถึงเอมริกายังตามมาอำกันอีกเหรอ............
นึกถึงคุณพระคุณเจ้า............เอาก็เอาวะลืมตาขึ้น
ที่หน้าอกมีผู้หญิงผมยาวอยู่ เธอก้มหน้าดูหน้ากลัว ผมเธอสยายเต็มตัวผมเลย
เหงื่อออก..เป็นเม็ดใหญ่...........กลัวผมกลัวจริงๆ
ผมขยับตัวไม่ได้หายใจลำบาก.........ผมตั้งสติรวมรวมกำลังเต็มที่
ถีบพี่ร้ายกระเด็นจนตกเตียง............
เย้..........ผมชนะแล้ว
ผีตัวนั้นกลิ้งไปที่พื้น ค่อยๆลุกขึ้นช้าๆผมยาวสยายบังหน้าจนมองไม่เห็น
เธอยืนที่ปลายเตียง...............
ความเงียบเข้าปกคลุมผมได้ยินแค่เสียงมันพูดเบาๆว่า
“เจมอยากตายเหรอ............มาถีบมินทำไม”
เช้านี้มินงอนไม่พูดไม่จา...............โถ่ก็ผมลืมไปว่ามินมานอนด้วยนี่นา
แล้วก็พึ่งตื่น..........สติยังไม่เต็มร้อย
พอผมชวนมินคุยเธอก็จะหันหน้าหนี 
เชอะ เชอะ เชอะแล้วก็เชอะ วันนี้ผมไม่รู้ว่าได้ยินคำนี้มากี่รอบแล้ว
มินไม่พูดกับผมเลยได้แต่ช่วยผมเก็บของใส่กระเป๋า
โถ่............ทำไมพวกผมต้องมาทะเลาะกันตั่งแต่ต้นปีด้วยก็ไม่รู้
พระเจ้าT_T กลั่นแกล้งลูกแกะตัวน้อยๆ
ผมขนของมาที่ร็อบบี้โรงแรม
เดี้ยวจะมีรถไปส่งจะประหยัดกว่า...............
ยูมิเดินมานั่งด้วย.........เป็นการประกบของสองสาว
ขวามิน ซ้ายยูมิ..............
แต่ดูมินจะเฉยมากสงสัยเธอคงอารมไม่ดีแน่ๆ
“เจม.....................จะกลับแล้วเหรอ” ยูมิถาม
“อืมคงต้องกลับแล้วล่ะ...............เรามีเรียนมีงานต้องทำ”
ยังไงก็คงอยู่เมกาตลอดไปไม่ได้...... ผมพยายามสังเกตดูว่ามินจะพูดอะไรมั่งเธอเฉยครับ-_-||||
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม...................”ยูมิทำหน้าเศร้าๆ
“ต้องได้สิ โลกเราแคบนิดเดียวเองจำไว้นะยูมิ 
ถ้าใครเคยเป็นเพื่อนกะเราก็จะเป็นไปจนวันตายนั่นแหละ
เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อนอยู่แล้ว”
“แป้บนะ” ผมเดินไปขอกระดาษมาแผ่นนึงจดชื่อและที่อยู่เบอรโทรศัพทลงไป
เอ้า...........มาเมืองไทยเดือดร้อนหรือมีอะไนก็โทรหาเราได้น่ะ
“เจม.............ขอบคุณน่ะ”
“อืมไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง.............ยังมีอีกอย่างเอ้านี่”
ผมยื่นซองให้ยูมิ............เป็นคูปองแลกตั๋วเครื่องบิน สู่ญี่ปุ่น
“เราไม่รู้ยูมิจะกลับวันไหน..........เรารู้แค่ว่าเธออยากจะกลับประเทศ”
เราก็ช่วยได้แค่นี้แหละ มีเงินสดในซองอีกนิดหน่อย หวังว่ายูมิจะไม่ลำบากน่ะ”
“เจม.... ยูมิได้แต่ก้มหน้า”
ไม่เป็นไรหรอกเราก็แค่อยากช่วยให้ถึงที่สุด
รถมารับ เราทั้ง3คนขึ้นรถไปมีคนมาช่วยขนของ
จากโรงแรมใช้เวลาแค่30นาทีก็ถึงแล้ว.........
ผมมองดูวิวสองข้างทาง เหมือนภาพย้อนกลับไปในวันที่ผมมา
มินกุมมือผมเงียบๆ
เธอคงหายโกรธไปนานแล้วแต่ที่ทุกคนเงียบก็เพราะความรู้สึกที่ราวกับจะไม่ได้พบกันอีก
ผมคิดไปเรื่อยๆ
มินจะเหงาไหมถ้าไม่มีผม
ยูมิจะอยู่หยั่งไง
ทุกคนที่ไทยจะสบายดีหรือเปล่า
เวลาไม่พอเลยครับแค่30นาทีกับการรื้อความทรงจำเก่าๆ
รถจอดด้านข้างสนามบิน
มินพยายามช่วยผมถือกระเป๋า
แต่คงไม่ไหวกระเป๋าหนักกว่าตัวมินซะอีก
ผมเดินไปเงียบๆ............มินเกาะแขนผมเดินคู่ไปเรื่อยๆ
ผมไปเช็คอินแล้ว
ผมนั่งกุมมือมินคุยกันไปเรื่อยๆมียูมินั่งข้างๆ
เราคุยเรื่อยเปื่อยมินคอยถามย้ำแล้วย้ำอีก
อย่าลืมมินน่ะ
ห้ามเจ้าชู้
ต้องโทรมาหาน่ะ
อยู่เรื่อยๆผมได้ยินมาเป้นพันๆรอบได้แล้วมั้ง
The passanger tg114 from tentasse to bangkok please go to the gate 21
เสียงประกาศดังทั่วท่าอากาศยาน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ดังเป็นครับที่2แล้ว
ผมมองหน้ามินช้าๆปล่อยมือ ต้องไปแล้ว
มินตาแดง........
“เจม........ดูแลตัวเองน่ะ คิดถึงมินมากๆ”
“อืม ลาก่อนมิน ลาก่อนยูมิเราจะไม่ลืมเลย เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน”
“ต้องโทรมาน่ะ” มินย้ำ 
“อืมถึงโดนพ่อด่าก็จะโทร.........”
“สัญญาน่ะ” มินชูนิ้วก้อยขึ้นอีกครับ
“สัญญา.........”ผมดึงมินเข้ามากอด ให้นานและแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
เจ็บปวดทุกครั้ง ทุกครั้งจริงๆที่เราต้องแยกกัน
ยูมิกับผมจับมือกันกล่าวขอบคุณอีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง
“เจมคือเพื่อนที่ดีที่สุด เราจะไม่ลืมเจมเลย”
คือคำพูดที่ยูมิเอ่ยให้ผมฟังเป็นประโยคสุดท้าย
เราลากันหลายต่อหลายรอบ ผมเดินจากทั้งคู่ตรงวินาทีสุดท้าย
ผมเดินถือกระเป๋าไม่ยอมหันไปมอง
ได้ยินแต่เสียงคำลาที่ส่งมาให้ผม
ผมใจร้ายไหมที่ไม่หันไป
แต่ถ้าผมหัน ผมคงทำใจที่จะกลับเมืองไทยไม่ได้
ทำไมผมถึงมีชะตาต้องแยกจากจากมินเสมอๆ
แต่หากนี่เป็นชะตาชิวิตที่ผมล่ะก็
ผมจะฝืนมันให้ดูเอง
ขึ้นเครื่องทั้งน้ำตา..........
ถ้ามีใครถามผมคงไม่มีคำตอบให้ว่าผมร้องทำไม
ผมแค่เสียใจ........และไม่เคยคิดว่าตัวเองอ่อนแอเลยสักครั้ง
เครื่องเริ่มออกผมได้แต่แหงนหน้าดูผ่านกระจกเครื่องบิน
ครั้งหนึ่ง..............ผมเคยมองส่งมิน
ผมเข้าใจความรู้สึกมินที่ยืนส่งผมดีว่ามันเจ็บปวดและเหงาแค่ไหน
และผมก็เข้าใจมากขึ้น....
ว่าการต้องทำใจแข็งจากคนที่เรารัก
มันทรมานใจมากกว่า..............เสียอีก
คิดมากไปไม่ได้อะไร
ผมได้แต่ปิดตาลงช้าๆ
ผมอยากนอน
อย่างน้อยจะได้ลบความเป็นจริงว่าผมจากมินมาแล้ว และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกัน
ผมอยากนอน
อย่างน้อยผมจะได้ฝัน ฝันถึงมินที่จะอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา...........

จบภาค4มีต่อภาค5นะครับ

    Source: geocities.com/thegto_2001