ภาค 6 นะฮะ อิอิ . .. ... .... เหนื่อยมาทั้งวันกับชิวิต อยากกลับบ้านนอน นายบอยมีความสุขไปแล้ว เหลือแต่ผม ผมที่ต้องเผชิญปัญหาต่อไป ผู้ชายไม่มีความอดทนคนนึง กับผู้หญิงใจดำที่ไม่เคยจะโทรไปหา มันจะไปรอดขนาดไหนกัน คิดถึงไปก็เท่านั้นล่ะมัง ขับรถไปกลางแสงสีของกรุงเทพ ไฟสองข้างทางของทางด่วนสาดส่องดูสวยงาม บางทีทางที่ยาว......คดเคี้ยวก็ดูสวยราวกับเปลวแสงของเทียนนับพันๆเล่ม ทุกคนเร่งรีบ.......... สามทุ่มกว่าแล้วรถก็ยังวิ่งสวนไปมามากมาย ราวกับกรุงเทพจะไม่เคยหลับ ดีผมออกจากมหาลัยสาย.... ไม่งั้นคงรถติดกว่านี้แน่ๆ เสียงเพลงจากเครื่องเสียงในรถดังกระหึ่ม ดีใจกับบอย ผมว่าเรื่องของบอยก็จบลงได้ดีน่ะครับ... แต่เรื่องของผมดูว่าคงจะไม่มีทางจริงๆ เดือนกว่าแล้วที่ผมไม่เจอมิน ไม่ได้คุยแม้โทรศัพท์กันสักคำ .................................................... ถ้าเขาห่วงผมจริงก็ต้องโทรจริงไหม อย่างน้อยก็ต้องทำให้รู้ว่ารักบ้าง คนรักกันเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก.. จอดรถที่บ้านหวัดดีพ่อหวัดดีแม่เตะน้องสาวแทนการทักทาย เดินไปล้างหน้า.........หยิบน้ำเปล่าออกมาดื่ม “เจม...........เมื่อคนมีคนโทรมาหาลูกน่ะ” “ใครเหรอแม่” ผมถาม “แม่ก็ไม่แน่ใจ ได้ยินว่าทางไกลจากอเมริกาเลยน่ะลูก” ผมตกใจออกมาจากห้องน้ำ อะไรน่ะแม่ อเมริกา? ผู้หญิงใช่ไหมแม่ที่โทรมา? แหนะ แหนะ แหนะ น่าสงสัย ทำไมลูกกระตือรือร้นจัง ตอนไปอเมริกาออกนอกลู่นอกทางหรือเปล่า โถ่แม่ไม่ใช่ แม่จำมินได้ไหมแม่............. แม่ผมทำหน้านึก อ้อ...................แม่จำได้แล้ว ใช่คนที่เอาของขวัญมาให้ใช่ไหม อ้อชื่อมินนี่เอง แม่ก็เรียกไม่ถูก......... นั่นแหละแม่ เขาโทรมาบ่อยไหม ก็เจ็ดครั้งแล้วมั้ง............ช่วงเวลาห้าทุ่มบ่อยมาก แต่เจมก็ไม่เคยจะอยู่บ้านซักที บางทีเรียกก็ไม่อยากจะรับ ปลุกก็ไม่ตื่น แม่ผมบ่น 7ครั้ง ตายแล้ว.........ไม่รับโทรศัพท์มินครั้งเดี้ยวก็จะตายอยู่แล้ว นี่7ครั้ง หนูจะบอกกับมินยังไงดี แม่ถ้าครั้งหน้าเขาโทรมา ทำยังไงก็ได้น่ะแม่ให้ผมมารับ ไม่ต้องหรอก...... แม่ผมบอก คืนนี้หนูมิน เขาบอกจะโทรมาเวลาห้าทุ่มลูกรอรับด้วยล่ะกัน แล้วแม่ผมก็เดินจากไป วันนี้ห้าทุ่มผมจะได้คุยกับมินแล้ว.... มานั่งรอนอนรอโอ้เดี้ยวมินจะโทรมา แค่นี้ผมก็สุขจนดิ้นแล้ว จะคุยอะไรดี........จะทักยังไง ผมคลั่งขนาดเอาใบมาเขียนโพย มันจะต้องดีที่สุดแล้วก็สนุกที่สุด เสียงโทรศัพท์ดัง ผมใช้เวลาประมาร0.2วิในการหยิบมาแนบที่หู “สวัสดีมิน.........ที่รัก....” อีกฝ่ายถึงกับอึ้ง...... “คิดถึงมากรู้ไหม เป็นไงมั่ง........” ไม่มีเสียงตอบ อะไรเดี้ยวนี้พูดด้วยไม่คุยด้วยโกรธเหรอ “เอ่อ................. น้องผิงอยู่ไหมค่ะ...........” หน้าแตกร้าวยากจะติด กรรมจริงๆเพื่อนน้องสาวผมโทรมา.... “เดี้ยวโอนให้นะครับ ผมบอกจัดการโอนสายไปห้องน้องสาว” ดูนาฟิกา5ทุ่ม45นาทีแล้ว คืนนี้มินคงไม่โทรมาแล้วมั้ง เศร้าเล็กๆ........เก็บโพยไม่คงไม่คุยมันแล้ว คงโทษมินไม่ได้..........ผมผิดเองที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ตั้ง7ครั้ง กริ้ง กริ้ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรับโทรศัพท์อีกครั้ง ใจเต้นรัว หวังเหลือเกินหวังว่ามินจะโทรมา “ฮัลโหล..........” ผมพูด “ดีค่ะ นี่น้องฝ้ายน่ะ” คนที่โทรมาพูด “ฝ้ายไหนครับ.....” ผมงงสาบานได้เลยว่าชาตินี้ไม่เคยรู้จักคนชื่อฝ้าย “ก็ฝ้ายแฟนเจมไง......” ผมยิ่งงงหนัก ผมมีแฟนชื่อฝ้ายตั่งแต่เมื่อไหร่ .เอ่อเข้าใจผิดมั้งครับ ผมชื่อเจมจริง แต่ไม่รู้จักคนชื่อฝ้ายอะครับ” เหรอ..........งั้นอยากมีไหมค่ะ O_0อีกฝ่ายถามมา อะไรกันเนี่ย แฟนดีริเวอรี่เหรอผมคิดกับตัวเอง “ไม่อะครับผมมีแฟนแล้ว” ผมตอบ “เหรอค่ะ........ว้า” “ใครเหรอค่ะแฟนคุณ.......” “เอ่อไม่บอกได้ไหมครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร. ขอโทษน่ะครับ” คนที่โทรมานี่ประหลาดพิลึก เอ......หรือผมจะเจอโทรศัพท์โรคจิต-_-|||| “บอกหน่อยน่ะค่ะแล้วจะวางแล้ว.....” “........................” ผมพูดอะไรไม่ออก เอาเหอะยังไงก็ไม่เสียหาย “มินครับ......แฟนผมชื่อมิน” “.........................” อีกฝ่ายเงียบเสียเอง รักเขาอยู่เหรอค่ะ ได้ข่าวว่าไปอยู่อเมริกาแล้ว “อยู่ไหนก็ยังรักอ่ะครับ ผมบอกไปแล้วน่ะ จะวางได้หรือยัง” ผมเบื่อเต็มทีแล้วแทนที่จะได้คุยกับมิน “จะวางจริงเหรอค่ะจ่ะวางจริงๆเหรอ” เสียงของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ใช่ครับเสียงที่ผมคุ้นเคย มินน่ะเอง ..........................ผมอึ้ง “มินเหรอ” “อืมค่ะ อีกฝ่ายตอบ” “ไม่โกหกเราน่ะ” “อืมค่ะ......” มินแน่ๆน่ะ.... “อืม.......” “คิดถึงมากรู้ไหมคิดถึงมากที่สุด” ผมบอก “อืมค่ะ มินก็...................คิดถึงเจมน่ะ” “คิดถึงมากรู้ไหมคิดถึงมากที่สุด” ผมบอก “อืมค่ะ มินก็...................คิดถึงเจมน่ะ” แล้วตะกี้ใครอ่ะ ผมถาม แล้วเจมจะรู้ไปทำไมอ่า มินตอบ เหอ เหอ อยู่เมกาไม่กี่เดือนปากคอร้ายขึ้นเยอะเลยน่ะ โถ่เพิ่งรู้เหรอว่าเราร้าย ไม่ได้แค่ปากคอนะที่ร้ายขึ้น มินก็สวยขึ้นด้วยล่ะ อะจริงดิมินสวยขึ้นจริงดิ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ ผมถาม เดี้ยวหนุ่มๆก็จีบตรึมหรอก หุหุ อยู่แล้วทุกวันนี้เดทไม่ซ้ำวันเลย ยายมิน -_-+...........ผมเงียบ โอ้ๆล้อเล่น ล้อเล่น มินไม่มีใครเลยจริงๆน่ะ มีมาบ้างแต่มินก็บอกว่ามีแฟนแล้ว จริงเหรอ หยั่งงั้นจริงอ่ะ เชื่อได้ไหม..... อ้อไม่เชื่อใจใช่ม่ะ ได้เดี้ยวรู้กัน...... โอ๋ๆ ก็แค่แซวเล่นเอง เราคิดถึงมินน่ะ ผมย้ำอีกรอบ อืม...........มินมากว่าเจมอีก รู้ไหมว่าโทรไปหาตั้ง7ครั้งแหน่ะ อืมขอโทษ เราไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้เรื่อง............หรือไม่อยากรับน้า มินแซว เจม...... หืออะไรมิน เจมมีแฟนใหม่หรือยัง มินถามผมเสียงเศร้าๆ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ เราห่างกันมั้ง เราเลยเหงา ไม่เอาไม่พูดแล้วเปลี่ยนเรื่องเหอะ มินพยายามทำเสียงร่าเริง มิน.......เรารักมินน่ะ ผมตอบไป ทำเอามินอึ้ง.... เจม.... มิน......เราสัญญาเรามีแค่มิน เราไม่เปลี่ยนไปหรอก หรือมินไม่เชื่อเรา เชื่อสิเจม วันนั้นเราคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่นานไร้สาระด้วยซ้ำ แต่ก็ทำให้ใจของผมพองโต มินบอกจะพยายามโทรมาทุกวันเท่าที่เงินจะอำนวย ผมบอกไม่ต้องลำบาก แต่เธอก็บอกว่าเธอยอมลำบากเพื่อผม แค่นั้นก็พอแล้วมั้งสำหรับผู้ชายเอาแต่ใจ ผู้ชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ ตะกี้มินทดสอบผมด้วย เธอให้เพื่อนเธอที่นั่นโทรมาก่อน เธอจะดูว่าผมหม้อไหม ถ้าหม้อ ผมคงเจอตบกระเด็นไปแล้ว ผมก็เสียวนะนี่ ดีผมไม่มีอารมคุย ไม่งั้นอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ผมเกือบไปแล้วจริงๆน่ะ^^ มินกับผมคุยกันบ่อยขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นมากขึ้น.... ผมไม่แคร......แต่ผมสงสารมินมาก คืนนึงผมคุยกับมินตามปรกติ อากาศที่นู่นหายร้อนแล้ว แฟชั่น และเรื่องวุ่นๆที่มหาลัย เจม......มินอยากกลับไทย ทำไมล่ะ ผมถาม ก็ ก็ มินคิดถึงเจมไม่ได้เหรอ..... เวอร์จริงๆ นี่ก็จะครบปีแล้วน่ะที่ไปที่นู่น เราสบายดีไม่ต้องห่วง ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มินหมายความว่า.......... แล้วโทรศัพท์ก็ตัดไป เวงกรรม-_-||||เงินหมดแน่ๆ คืนนี้ฝันร้ายทั้งคืนแน่เลย หมายความว่าไงอ่ามิน น่าจะพูดให้จบๆดิโห คืนนั้นเป็นไปตามคาด นอนไม่หลับ ช่างเถอะยายมินก็อ้อนหยั่งงี้เป็นประจำอยู่แล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วยไม่มีเรียน ผมไปนอนล่ะน่ะครับ....... ตี2กว่าแล้ว พรุ่งนี้จะตื่นสัก10โมงให้ดู....ง่วงง่า-_- ตื่นมาวันเสารเบื่อโทรตามเพื่อนๆไปดูหนัง นัดเจอกันเดอะมอลด์บางกะปิ10โมง มันบอกเที่ยงๆได้ไหม -_- 10โมงมันยังขุดตัวเองจากเตียงไม่ได้ ยังไงก็ได้จะรอล่ะกันผมบอกพวกมัน เอาแล้วสิครับเริ่มว่างทำอะไรดี จะแกล้งน้องสาวเล่นเดี้ยวแม่ก็ดุอีก........ จะทำงานบ้านก็ไม่ใช่นิสัยผม จะไปขับรถหาสาวควงเล่น มินรู้เดี้ยวโดนฆ่าตาย-“- ผมเลยปลงชิวิต..... เดินเข้าห้องพระสวดมนต์ เอาจริงๆผมสวดมนต์ด้วย... ผมขอให้ท่านส่งมินคืนมาให้ผม.... ผมว่าผมเพ้อเจ้อเกินไป..... แต่ถ้าท่านให้จริงๆก็คงดี ดูนาฟิกา11โมงแล้ว โอผมอยู่ในห้องพระนานมากเลยน่ะนี่ ไม่รู้จริงๆครับว่าอะไรดลใจผม ทุกทีผมเข้าไปสัก5นาทีก็แย่แล้ว (แบบว่าผิวหนังพุพองเหมือนโดนไฟลวก) ตอนนี้จิตใจผมสบายขึ้น.... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสพระธรรมหรือจะไปเจอเพื่อนกันแน่ หวังครับหวัง หวังให้เป็นข้อแรก... ไปเจอเพื่อนที่เดอะมอล จำมันไม่ได้ สภาพมันเหมือนตัวอะไรสักอย่าง -_-เอ่อคุณโจหรืุเปล่าครับผมถาม ครับ ครับ ผมเอง-_-+มันตอบทำหน้าแบบโกรธๆ อะจริงดิ ไม่หลอกเราน่ะ ผมถามต่อ -_-เป็นไรอะไอ้เุม เดี้ยวนี้จำเพื่อนไม่ได้เหรอว่ะ มันเอ่ยชื่อผมถูกผมค่อยมั่นใจหน่อยว่ามันเป็นเพื่อนผม ผมไม่ได้ว่าอะไรน่ะ แค่อยากจะบอกว่าโจเปลี่ยนไปแค่นั้น ผมตบไหล่มัน เห้ยล้อเล่น ใครจะจำเพื่อนไม่ได้กัน(วะ) วันนี้ที่ผมจำมันไม่ได้.......เพราะ ทุกทีมันจะใส่เยล......เนี้ยบดูดี ฉีดน้ำหอม.....เสื้อเรียบ...........ดูสะอาดมาก แต่ไอ้ที่ผมเห็นตอนนี้ ข้อ1เลย ผมว่าน้ำมันยังไม่อาบ แล้วผมก็ว่าฟันมันก็ยังไม่ได้แปรง ไม่ต้องพูดถึงว่าหอมหรือไม่หอม ผมถามกะตัวเอง นี่ผมเรียกเพื่อนมาทรมานหรือเปล่า มันจะนอนก็น่าให้มันนอนต่อไป.... ผมผิดไหม? ลากกันไปดูหนัง ไอ้โจยังมั่น มั่นมาก.............แจกยิ้มสาวๆไปทั่ว ถ้าเป็นแบบปรกติสาวๆคงจะยิ้มตอบมันมั่ง แต่สภาพของมันตอนนี้....... ถ้าพนักงานห้างวัย40ยิ้มตอบมันก็ปาฎิหารย์แล้ว เห้อ.....................มันถอนหายใจยาว เป็นไรว่ะ ผมถาม..... วันนี้หลีหญิงไม่ได้เลย.........แย่ว่ะหรือกรูโทรมไปว่ะ ผมบอกไม่นี่ยังดูดีน่ะ แต่กรูว่าโทรมไปจริงๆแหละ (โทรมไปมากกกกกกกกกกกกกกกก) แน่นะเว้ย มันถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เออ (ไม่แน่).....^_^ผมตอบ เห้ยโจดูนั่น ผมเปลี่ยนเรื่องชี้ให้โจดูสาวสวย เย็ดดดดดด ขาวเชี้ยๆ มันบอก เออดิสวยด้วยวะ น่าจะมาคนเดียวด้วยว่ะ.... จีบไหมไอ้โจหันมาถามผม.... ไม่ว่ะ ผมส่ายหน้า ผมอ้างว่าผมมีมินแล้ว ไอ้เวร โง่ หญิงใกล้ตัวย่อมดีกว่าหญิงไกลตัว..... ถุย พูดเหมือนจะไปจีบเขา แล้วกลัวป่าวล่ะ ไอ้โจตอบ มันย่างสามขุมไปแล้วครับ ขอให้สิ่งสักดิสิทธิคุ้มครองให้มันรอดชิวิต สาธุ สาธุ..... ไอ้โจเดินเข้าไป ผมอยากจะเตือน แต่มันก็สายไปแล้ว.... สวัสดีครับไอ้โจพูด ส่งสายตาแบบลึกซึ้งให้ ผมดูสีหน้าผู้หญิงตอนนี้แล้ว.... ผมว่ามันไม่ใช่สายตาถูกใจแน่ๆ ค่ะ ค่ะ.....ผู้หญิงตอบ.. มาคนเดียวเหรอครับย...ไอ้โจถาม ผมว่าน่ะ ผู้หญิงคงคิดแบบว่านี่มันอะไรกัน แต่ผมว่าเธอก็เป็นคนดี ทำไมไม่ทิ้งไอ้โจแล้วเดินไปเลยน่ะ ถ้าไม่ชอบก็น่าจะบอกไปเลย ผมซุ่มดูสถาณการณ์อยู่ห่างๆ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เอาลิงมาเดินกลางห้างยังดูเชื่อถือกว่า.... ไอ้โจจีบหญิงติด!!!!!! ใช่ครับติดจริงๆ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ผมเห็นแค่ไอ้โจเดินไปกับเธอสองคนแล้ว ............................... ผมแทบซ็อคตายกับภาพที่เห็น ไอ้โจนั่งในร้านฟูจิกับสาวที่พึ่งรู้จัก อะไรกัน อะไรกัน ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ไม่ต่างจากแฟนเลย หณิงยุคใหม่? ชอบผู้ชายเซอรๆเหรอ....ผมจะได้ไปทำมั่ง เริ่มอิจฉา.....เบอร์แฟนไอ้โจเบอร์อะไรน่ะ... ไม่เอาล่ะครับผมล้อเล่น(ถึงเกือบจะทำ) เพื่อนทั้งคนผมทำมันไม่ลงหรอก.. ผมได้แต่อิจฉามันเงียบๆ ใจคอมันจะไม่เรียกผมเข้าไปกินด้วยจริงๆเหรอ? ทนมองมันกินหนุงหนิงกะสาวอยู่นอกร้าน กรูจะฆ่ามาน.....ผมคิด และแล้วสาวเจ้าก็ออกมานอกร้าน ผมเห็นเธอเดินไปทางไหนสักทางจำได้ว่าลงบันไดเลื่อนไป ทิ้งไอ้โจนั่งกิ่วอยู่ในร้าน...... ยิ้ม........ผมว่ามันคงจะฝันดีแน่ๆ ด้วยความหมั่นใส้ผมคว้าโทรศัพท์โทรหามัน... เห้ย.....ผมว่าไงว่ะ คิดเองเว้ย.....เจอกันวันแรกได้จับมือ เสร็จกรูเว้ยเสร็จกรู ไอ้โจคุย ถุยเชื่อดีไหมว่ะ ผมด่าหมั่นใส้มันชิบ เชื่อไม่เชื่อตามใจมรึงเดียวกรูจะเอาไปควงโชว เอาเหอะว่ะกรูจะรอ แล้วเขาไปไหนแล้วว่ะ อ้อ ไปห้องน้ำว่ะ มันตอบ.... เห้ยเจมอยากกินเขาอะทำไงดี -_-เวงนี้ ถ้าแฟนมันได้ยินคงตายตาไม่หลับแน่ๆ มรึงเอามาเป็นชู้ทางใจให้ได้ก่อนเถอะ กรูกลับแล้วน่ะผมลามัน ฉุนเสียอารม ได้หญิงแล้วลืมเพื่อนนี้หว่า เอาเถอะครับผมจะโหสิให้มันสักครั้งนึง เดินลงมาหาหนังสืออ่านแวะซื้อโดนัท ดูเสื้อผ้าอีกนิดหน่อย โทรศัพท์ผมก็ดังอีกครั้งเบอรไอ้โจขึ้น อะไรอีก(วะ)เนี่ย-_-+ ได้หญิงไม่ต้องโชวก็ได้น่ะเว้ย ผมสวนไป ป่าวว่ะ เสียงมันดูสลดๆ เห้ย.....เป็นไรว่ะ? ผมถาม เออ.....ยังไม่มาเลย......... มันตอบอ้ำอึ้ง อะไรไม่มาวะ ผมงงกับคำพูดมันจริวๆ.... ก็หญิงคนนั้นอะ........... อะไรน่ะไอ้โจ คนที่มรึงพาไปกินข้าวเหรอ? เออดิ.............เขาจะมาหากรูไหมเจม.... ผมดูนาฟิกา1ชั่วโมงกว่าแล้วที่ผมแยกจากมัน ถ้าผู้หญิงคนไหนเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ก็คงตกส้วมตายไปแล้ว สรุปง่ายๆครับ ไอ้โจถูกหลอก เจ็บนี้เจ็บลึกแน่ครับ เจ็บนานด้วย ผมปลอบครับแต่ในใจ ฮาลั่น!!!!!!!!!!!!!!! ^_^ ผมไปรับไอ้โจที่ร้าน ค่าอาหารเรื่องเล็กครับ ถึงมันจะแต่งโทรมแต่กระเป๋าตังเต็มเสมอ ไอ้โจถอนหายใจเดินออกนอกร้าน เห้ยจะไปไหนว่ะ ผมถาม ไปหาดิ ไอ้โจหันมาบอกฉุนๆ หาไรว่ะ หาหญิงคนนั้นเหรอ เออจะฆ่ามัน...........0_o กรรมไอ้โจใจเย็นเว้ย ผมพยายามฉุดมันไว้ ผมไม่อยากให้เพื่อนผมเป็นฆาตกร มันก็ดื้อ บอกขอด่าสักทีก็ยังดี.... ผู้ชายแค่นี้เองใจเย็น.......ผมพยายามให้สติ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมา มาอยู่ตรงหน้าของโจกับผม เธอยิ้มหยิบเสื้อออกมาให้โจตัวนึง บอกไปเดินหามาให้ใส่จะได้ไม่โทรม ผมงงครับ แต่ไอ้โจคง งงมากกว่า เธอคิดอะไรกันแน่เนี่ย-_-||||| เห้ยไม่เอาหรอกไอ้โจบอก บ้าปล่าวเนี่ยไปซื้อมาทำไม ผู้หญิงยิ้มไม่พูดอะไรเลยยื่นเสื้อให้เฉยๆ... ก็อยากให้เธอใส่เลยซื้อมาให้ได้ไหมล่ะ..... โจได้แต่รับมางง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย..... ได้แต่ขอบคุณแบกเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ หรือนี้จะเป็นบุพเพ นี่หรือที่เรียกว่าความรัก ไอ้โจพลั่มให้ผมฟัง ประมาณว่าคนมันหล่อช่วยไม่ได้ โม้จนผมหมั่นใส้ อยากกระโดดถีบมัน ผมว่าผู้หญิงไม่หลอกมันก็แกล้งแหละ (ดูความคิดผม)-_-|||| ผมก็หวังครับ หวังแค่ให้ไอ้โจได้ดี เธอไม่เดินตามมาอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น เธอไม่ได้หนี ไม่ได้หรอกกินฟรี เอ้ะ หรือเธอจะมองเห็นเสนห์อันลึกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ของไอ้โจก็ไม่อาจทราบได้ ไอ้โจเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้ออารมดี.... ฮัมเพลงอีกด้วย “เห้ยระวังโดนหรอกนะเว้ย “ ผมตะโกนบอกมันที่อยู่อีกฟากของห้องน้ำ เขาหรือจะหลอกกรู เหอะ เหอะ กรูสิจะหลอกเขา มันเดินออกมาดูแปลกๆในชุดรัดรูปสีดำ เห้ย!!!!!!ชุดไรว่ะ ผมถาม ไม่รู้ว่ะเขาซื้อมาให้กรูก็ใส่..... ไอ้โจเดินไปสำรวจความหล่อตัวเองที่กระจก “ใช้ได้” มันพูด คำพูดกะท่ายักคิ้วมันเกือบทำผมอ้วกแตกคาห้องน้ำ ผมหวังดีกะเพื่อนน่ะ.......แต่ขอหวังร้ายนิดหน่อยได้ไหม^^+ ผมเดินออกมากะมันอายสายตาผู้คน ใส่เสื้อรัดรูปโชวก้างชัดๆ ผมไม่เข้าใจรสนิยมของเธอคนนั้นจริงๆ.... ผมเดินไปส่งจนถึงร้านอาหารเดินแยกออกมา หลบมุมซุ่มต่อ...... เธอจ่ายค่าอาหารให้ไอ้โจแล้ว โอรักแท้แถมลงทุน เธอรวยมาจากไหนน่ะ แล้วทำไมมาทำดีกะไอ้โจ.... หรือเธอลักลอบส่งลิงออกนอก แย่แล้วแย่แล้ว ผมคงต้องรีบบอกให้ไอ้โจรู้ตัว พวกเขาเดินออกมานอกร้านด้วยกัน ผมหลบ ทำไมผมต้องหลบด้วยน่ะ ทำยังกับมาแอบดูแฟนตัวเอง ช่างเถอะคงไม่มีใครเห็นผม ผมแอบเดินตามซุ่มดู หาข้อมูลไปเผามันที่มหาลัย.... เย็ดโด้........ ไอ้โจกะผู้หญิงคนนั้นจับมือกันแล้ว อะไร(วะ) วันแรกเจอกันซื้อเสื้อให้แถมจับมือ ผู้หญิงก็สวยด้วย.............. ไอ้โจใช้น้ำมันพรายยี่ห้อไหนทำไมมันเฮงอย่างนี้ ผมทนไม่ไหว อยากจะกลับ......แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะซุ่มดูต่อ เอาก็เอาผมอยากดูให้ถึงที่สุด..... ไอ้โจโทรเข้าเครื่อง........... มันบอกให้ผมกลับบ้านไปได้แล้ว ชิ่ว ชิ่ว... ดูมัน รักเพื่อนมากรักเพื่อนเหลือเกิน... ผมบอกเออกลับก็กลับเจอกัน มันบอกอืมๆแล้วไปหลีหญิงต่อ มันวางสายไปแล้ว กลับก็โง่สิครับ...... เรื่องนี้ไม่ดูให้จบคงไม่ได้แล้ว.... โจเดินไปเคียงคู่ ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ มันไปนั่งร้านไอติมคุยถูกคอหนุงหนิง ไหงมันง่ายเงี้ยผมคิด... จีบมั่งดีไหมหว่า-_-|||| ดูสิครับดูมีป้อนไอติมให้กันด้วย ภาพที่เห็นแทบขาดใจ................ อยากออกไปทำลายความสุขของมันจังเยย จะบอกว่าอะไรดีน่ะ..... ไม่เอาครับไม่เอาเดี้ยวเพื่อนผมเคือง... กินเสร็จมีเช็ดปากให้อีก ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม น่ารักเหลือเกิน... เธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าไอ้โจนิดหน่อยน่าจะทำงานแล้ว ผมอยากจะถามจริงๆ พระเจ้าครับเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ....................... โฉมงามกะเจ้าชายปลาพะยูน.... โลกนี้ถึงคราวดับสูญแล้วหรือ ถึงเกิดเรื่องเหลือเชื่อได้ขนาดนี้. .................... ผมยังตามไปเรื่อยๆครับ ดูหนังผมยังตามเข้าไปดูเลย มีหอมแก้มในโรงด้วย... คิดหรือว่าผมไม่เห็น..... นี่ผมบ้าหรือเปล่า ตามมาดูมันทำไม... ไอ้โจมัวแต่หน้ามืดตามัว มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมแอบตามมา.. ผมจะคลั่งตาย มินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน กลับมาเถอะ เจมอยากกอดมินจะตายแล้วอ่าT_T ภาพที่มันหนุงหนิงตอนนี้ทำให้ผมแทบบ้า.... จากเช้ายันเย็นมันสวีทตลอด .......................... อิจฉาโว้ย.....เอ้ย เป็นห่วง.... ไอ้โจพาน้องเขาไปนั่งบารเบียร์ อุแม่เจ้า ผู้หญิงซบ..... ซบไหล่ไอ้โจหลับตาพลิ้ม ไอ้โจยิ้มมุมปากแบบเสร็จชัว.... เธอเมาจริงๆหรือแกล้งเมากันแน่ผมดูไม่ออก เธอไม่น่าเป็นไก่อ่อนขนาดให้ไอ้โจมอมได้แบบนี้ มันหิ้วปีกเดินพาไปขึ้นรถ.... ไอ้โจแบ่งกรูด้วย....^_^” เอ้ย.......ไม่ใช่โจมันไม่ดีนะเว้ยคนเขามีพ่อมีแม่.... แต่สายไปแล้วครับมันปิดประตูสตราด์เครื่อง แล้วเดินออกไปเสียแล้ว.... ผมได้แต่มองตามรถที่ขับออกไป...... ............................... กลับขึ้นรถตัวเองอกจะแตกตาย.... มันพาไปไหนว้า มันจะทำอะไรมั่งว้าผมคิด.... ช่างครับอ้อยเข้าปากช้างแล้ว ถึงผมออกไปก็คงหยุดไม่อยู่... กลับถึงบ้านสองทุ่มกว่า..... เหนื่อย เพลีย เซ็งชิวิต เดินขึ้นห้องโยนมือถือลงบนเตียง มือคว้ารีโมท เปิดแอร์กับเพลงสำราญใจ.... เปิดตู้เย็นขนาดเล็กในห้องหยิบโค้กมาเปิดดื่มเอื้อก..... กระโดดลงเตียง.... เฮ้อ....สุขจะเท่านี้ ถ้ามีหญิงอีกคนนี่เพอรเฟ็ค... คิดไปคิดมาภาพมินลอยมาหลอกหลอน ยกมือไหว้อัตโนมัติ กลัวแล้วคร้าบกลัวแล้ว.... ผมทำตลกกับตัวเอง....ก็รู้อยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ามินลอยมาจริงๆก็ขอเผ่นก่อนล่ะครับ^^ วันนี้มินจะโทรมาไหมน่ะ....... อยากให้โทรมาหาจังเลย.. โทรศัพท์มือถือผมดัง เบอรไอ้โจโชวหลา.... อะไรว่ะ จะโทรมาอวดเหรอไงกัน... -_-ไม่อยากรับเลุ แต่ก็อดรับไม่ได้ “ฮัลโหล....” ผมพูดออกไปหมั่นใส้เล็กน้อยถึงมาก... “ช่วยด้วยไอ้เจม ช่วยกรูด้วย........” ไอ้โจตะโกนสวนมาทันที “เห้ยเกิดไรขึ้น...........”งงครับ... “กระ.......เว้ย.....กระ....”ไอ้โจบอกเสียงมันร้อนรนมาก “กระอะไร ?” ผมงงครับฟังมันพูดไม่รู้เรื่อง “กระเทยเว้ย กระเทย......เจ็ดโด้......มาเพียบเลย” “เห้ยใจเย็นค่อยๆเล่าเกิดไรขึ้นวะ.....” “กระเทยควายด้วยหกคนได้ ไอ้เจมช่วยกรูด้วย”มันตะโกนขอความช่วยเหลือ กรรม.....แล้วเจอกระเทยได้ไง..... น่ามาช่วยกรูก่อน......ที่โรงแรงรีเจนท์ตรงรามนะเว้ย.... เห้ยห้องไหนล่ะ ผมชักตะงิดตะงิด มันอำผมหรือเปล่าเนี่ย.... เห้ยมันมาแล้ว...... ไม่ไม่........................อย่าเข้ามา.....ไม่.... โอ้ก.............. แล้วโทรศัพท์ก็ตัดไปO_O ตื้ด.......ตื้ด.........เสียงสัญญานขาดหาย.... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมยืนฟังโทรศัพท์เล่นเอางงไปเลย เพื่อนกรูโดนกระเทยรุม..... หัวสมองผมบอกว่าอย่างนั้น..... คว้ากุญแจรถ เพิ่งเข้าบ้านมาต้องออกไปอีกแล้วเหรอ(วะ)นี่T_T เพื่อเพื่อนครับน้อยกว่านี้ได้ไง ความจริงแล้วอยากไปดูสภาพมันมีฮาครับ มีฮา ^_^ ขับรถไปกว่า30นาที ไปด้านล่างของโรงแรมถามประชาสัมพันธ์ ไอ้โจไม่ได้จองห้องไว้.... งั้นมันใช้ห้องของใครกัน....... ทำอะไรไม่ได้เลยถามพี่ประชาสัมพัณธ์ไปตรงๆ พี่ครับ........เอ่อพี่เห็นเด็กอายุประมาณผม สูงประมาณนี้ ผิวขาว ตี๋หน่อยๆ อุ้มสาวเดินเข้ามาไหมครับ .......................................... ผมถามยังไม่ทันจบเล้ย..... พี่เขาตอบสวนมาทันที อีกรายแล้วเหรอ??????? “กรรม......อีกรายอะไรพี่.......”ผมถาม ก็กลุ่มตุ้ดควายด้านบนไง มันชอบให้คนสวยที่สุดในกลุ่มไปล่อเด็กหนุ่มๆมาจากตามห้าง ใครโง่ตามมาก็โดนชุดใหญ่ พี่เห็นเดินกุมตูดร้องไห้ไปหลายคนแล้ว.... พี่เขาถอนหายใจเป็นเชิงปลง ห้องไหนพี่ห้องไหน..... ผมถาม น้องจะไปจริงอะ..... พี่เขามองสำรวจผม.... อย่างน้องนี่พี่ก็ว่ารอดยากนะ -_-|||||| เล่นเอาผมชะงัก......ไอ้โจจะรอดอยู่ไหมนี่..... ผมจะไปกู้ภัยหรือประสบภัยกันหว่า ป่ะพี่ไปเป็นเพื่อน..... ผมมองพี่เขา......ผอมบาง..... จะช่วยอะไรผมได้เนี่ย....เอาว่ะดีกว่าไปคนเดียว เดินเข้าลิพฟ์ไปกับพี่เขา.....ในมือพี่เขามีกระบอกไฟฉายอันเบอเร่อ เอาไปทำไมอะพี่ ผมถาม..... พี่เขาไม่ตอบเพียงแต่ควงไฟฉายในมือให้ผมดู เป็นอันรู้กัน เสียวครับเสียว เสียวตูดจริงๆน่ะT_T ลิพฟ์เปิดออก....ผมเกาะตามพี่เขาไป พี่ๆพวกมันมีกี่คนอ่ะ ผมถาม ไม่แน่น้อง ที่นี่แหล่งกระเทย....ชุมนัก..... บางทีก็5-6 บางวันเยอะหน่อย12คนได้..... โหพี่ ไปเรียกกำลังเสริมกันไหม.... .ผมกลัวจะไปเป็นเหยื่อมันนะสิพี่..... เจ้าอย่าห่วง วันนี้เราจะตีหงสา.... กรรม......บ้าเปล่าว่ะนี่T_T ผมอยากร้องไห้เสียแล้ว อย่ากลัวน้องพี่มีของดี.......พี่เขาบอกพลางตบกระเป๋าเสื้อ อะไรว่ะ ผมคิด.... อุ่นใจขึ้นเยอะ ผมเชื่อครับว่าต้องดีจริงพี่เขาถึงกล้าบุกรังกระเทยอย่างนี้ ผมเลยไม่ได้ถามอะไร ผมเพิ่งรู้นะครับว่ามันน่ากลัวจริงๆ อย่างนี้มีหมอปราบกระเทยมาแข่งกะหมอผีก็คงไม่แปลก โอ้ย......ไม่พอแล้ว...............อย่า....... เสียงคุ้นหูลอยออกมาจากห้องห้องหนึ่ง เสียงไอ้โจนั่นเองครับ.... พี่เขาหันมามองผมเหงื่อตกเป็นเม็ดโต ตอนนี้กลับยังไม่สาย.....พี่เขาพูดเรียบๆ ง่ะ.........ไหนบอกไม่กลัวไง.... กลับไหม...... พี่เขาถาม ผมปากบอกว่าไม่ แต่หน้านี่สิครับพยักรับยิกๆเลย ไปตั้งหลักก่อนเหอะพี่ ผมบอก ขอโทษว่ะโจ กรูยังไม่อยากตาย ผมคิดในใจ กำลังจะถอยทัพอยู่แล้วครับ.... ทันใดนั้นเอง..... มีคนคนนึงยืนดักทางลงไว้ เขามองมาที่พวกผม ผมมองไปที่เขา.... ยืนยันแน่นอนว่าไอ้นี่กระเทยชัวร.... ไม่รู้จะใช้อะไรเรียกพวกเขาดีผมขอใช้คำว่าเธอล่ะกัน.... เธอมองมา...........จ้องกันราวกับดูเชิง พี่เขาเดินไปประชิดตัวชูกระบอกไฟฉายทำท่าจะตีหัว... อย่าร้องนะเว้ย ร้องมรึงตายประมาณนั้น... พี่เขาทำท่าบอกให้เงียบ....เธอพยักหน้า พี่เขาเลยเอามือลง “พวกเรา.......มีมาอีกสองฮ้า”เธอตะโกนลั่น ผมตกใจ.......พี่เขาตกใจกว่า.... พี่เขาถีบเธอคนนั้นเป็นการสั่งสอน........ ผมวิ่งเข้าไปซ้ำ...... -_-+มรึงจาร้องทำไม ประตูเปิดออก มีชายกล้ามใหญ่สองคนเดินออกมา มีอ้วนอีกหนึ่งใส่บาร์ของผู้หญิง.... “พี่เอาไง”ผมถาม เงียบ......ไม่มีเสียงตอบ...... กรรมพี่เขาหนีไปแล้ว เอาตัวรอดงี้ได้ไง(วะ) ผมตั้งสติ.....จ้ำพรวดลงบันได..... วิ่งเพื่อชิวิต วิ่งเพื่อตูด....... กระเทยควายวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว ราวกับผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี.... ให้ตายสิผมว่าตุ้ดพวกนี้ต้องเคยเป็นทหาร หรือผ่านชายแดนมาแล้ว ผมวิ่ง วิ่ง วิ่ง เสียงฝีเท้ากระชั้นชิดเข้ามาทุกที สิ่งศักดิ์สิทธิช่วยผมด้วย ผมยังไม่อยากเสร็จกระเทย ผมว่าผมเร็วแล้วน่ะพวกนี้มันเร็วกว่า ผมวิ่งลงกระไดทีล่ะสองขั้น...มันโดดตามทีล่ะสาม กระเทยอ้วนยอมแพ้ไปแล้ว แต่มีกระเทยควายหุ่นคล้ายๆไมค์ไทสันอีกสอง แขนมันใหญ่ขนาดนี้ ส่วนอื่นมันจะขนาดไหน ผมไม่อยากจะคิดเลย.... “จับมันมาให้ได้.......คนที่จับมามันไม่พอแล้วซนหยั่งงี้เดี้ยวเจอทีเด็ด” กระเทยอ้วนตะโกนสั่งทำผมเสียว พี่ประชาสัมพันธ์ก็เหลือเกินทิ้งผมได้ลงคอ เจอพ่อจะก้านคอให้... ผมวิ่งลงมาจนเกือบจะชั้นล่างวิ่งชนประตู หลุดออกมาที่กลางล้อปบี้โรงแรม รอดแล้วผมคิด...... แต่....ผมคิดผิด.... กระเทยตายยากกว่าแมงสาบมันกระโดดตามออกมาถึงตัวผม ผมโยกหลบแบบฉิวเฉียดพุ่งตัวออกไปที่ถนน แต่ผมเพิ่งรู้ว่าผมตัดสินใจผิด ผู้คนไม่มีเสียแล้ว........ผมถูกตะครุบตัว ลากกลับเข้าไปในโรงแรม ไม่ ไม่ ปล่อยกรูผมด่าลั่น... หันไปเจอพี่ประชาสัมพันธยืนอยู่ พี่ช่วยผมด้วย ผมพยายามดิ้นรนมองไปทางพี่เขา..... พี่เขาเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบ “ของดี”ออกมาโยนให้ผม ผมดิ้นเอื้อมมือไปคว้าของดีที่พี่เขาโยนมา.... อะไรเนี่ย ผมตกใจกับของที่อยู่ในมือ.... วาสลีนครับวาสลีนT_T เจ็ดโด้เอามาทำไมเนี่ย.... พี่เขายืนไว้อาลัยให้ผมราวกับส่งศพ ผมแทบหมดแรงดิ้น......แรงพวกมันเยอะมาก.... ใครจะช่วยผมได้....ผมแทบสิ้นสติ...... กลัวครับกลัว โดนตีหัวยังดีซะกว่า ขณะที่ผมกะลังจะโดนลากขึ้นห้องนั่นเอง มีนายตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามา..... ผมตะโกนขอความช่วยเหลือ..... นายตำรวจคนนั้นหันมาที่ผม.... ยิ้มให้แล้วก็เดินออกไป เห้ย.....ไรวะโลกนี้โดนกระเทยยึดครองแล้วเหรอ ไหนบอกไม่กลัวผู้มีอิทธิพลไง นี่กระเทยชัดๆนะเว้ย.... ผมแทบปลงในทันที T_Tผมจะผ่านคืนนี้ได้ไหมครับ.....พระเจ้า ผมทั้งศอกทั้งถีบกระเทยมันก็ไม่รู้สึก มันทำหน้าแบบแค่นี้เองเหรอแล้วจับผมทั้งตัว ค่อยๆพาผมไปที่ลิพท์ ผมดิ้นครับใครจะยอมเสร็จกระเทยแต่ไม่เป็นผล คนกะควายแรงต่างกันครับ.... มันลากผมมาถึงห้องถีบผมเข้าไป ไอ้โจนอนกองหมดสติไปแล้ว ในสภาพเปิดตูดครึ่งท่อน โอ้ไม่...........ผมเรียกพละกำลังได้มหาศาล ตูยอมตายดีกว่าโดนกระเทยรุม... ย้าก......ตุบ ผมร่วงลงไปกองที่พื้น ไม่ไหวT_Tน้ำตาอาบหน้า....พวกมันเยอะจริง ฝูงกระเทยควายบุกเข้ามายื้อแย่งจะถอดกางเกงผม ผมพยายามฉุดรั้งไว้แต่มันก็จับมือผมแยกออก ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงตอนจะโดนข่มขืนแล้วล่ะ (แต่ผมไม่อยากรู้ง่า)..... ปังเสียงถีบประตู.......มีคนวิ่งเข้ามา4-5คน หยุดนี่เจ้าหน้าที่ยกมือขึ้น... ตำรวจนายตะกี้บุกเข้ามาช่วยผมแล้ว พวกเขาบุกเข้าประชิดกระเทยใส่กุญแจมือ ได้ยินเสียงวิ้ดว้าย กระเทยบางตัวพยายามวิ่งหนี.... ตำรวจบางคนถูกกระเทยถีบกระเด็น.... หลังจากชุลมุนอยู่ไม่นานตำรวจก็เป็นฝ่ายชนะ เหล่ากระเทยถูกจับกุมไว้ได้หมด ขนาดถูกใส่กุญแจมือมันยังแยกเขี้ยวขู่ แง่งๆๆๆ..... ดุกว่าหมาซะอีก-“- พี่ตำรวจที่บุกเข้ามาคนนึงเดินมาหาผม ผมจำหน้าพี่เขาได้ดี.....ตำรวจที่เจอด้านล่างนั่นเอง เกือบไปแล้วนะน้อง...พี่เขาบอก โหพี่มาช้าจังล่ะครับ....ตะกี้ทำไมไม่ช่วยล่ะ ผมขอว่าซะหน่อยเหอะ ถ้าตะกี้พี่ช่วย.....เราอาจเสร็จกระเทยกันหมด พี่เขาตบไหล่ผม ของหยั่งงี้ต้องตามพวกเข้าว่า... มันรู้ตัวก็ซวยใช่ไหม? มาช้าดีกว่าไม่มาน่ะน้อง... ครับพี่ครับT_Tขอให้ผมหลุดจากฝูงกระเทยได้อะไรก็เอาครับ... หลังจากลงมาชั้นล่าง...เรียบร้อย ผมเดินไปมองหน้าขู่อาฆาตและขอบคุณพี่ประชาสัมพันธ์ เดี้ยวมรึ้ง.....-_-++++ ผมให้คำสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มาเหยียบโรงแรมนี้อีกแล้ว... ตำรวจหิ้วปีกนายโจลงมา อนาถขนาดไม่มีเตียง... ผมพยายามเข้าไปทัก แต่นายโจดูเหมือนจะไม่ยอมรับรู้อะไร ไม่......ไม่อย่า.....ไม่....กลัวแล้ว มันพูดซ้ำไปซ้ำมา..... เวรกรรม....ตามมันเหม่อลอย ไร้สติเหมือนคนบ้า มันคงเจออะไรที่xxxร้ายมามาก... ผมก็หวังว่าเพื่อนผมจะกลับมาโลกแห่งความจริงสักวัน ผมมองตามรถพยาบาลที่มารับไอ้โจ ในหัวกำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมมันดีไหม.... ผมกลัวเจอพ่อแม่มัน ไม่ใช่ไม่กล้าพบหน้า แต่ไม่กล้าบอกว่าลูกของท่าน โดนกระเทยลงแขรก พี่ตำรวจคนเดิมเดินเข้ามาแตะไหล่.... ไปช่วยพี่ให้ปากคำหน่อยนะ พี่เขาพูดสั้น.... ง่า...............ไม่ไปได้ไหมพี่ ผมไม่รู้จะให้ปากคำยังไง ก็บอกไปตรงๆเท่าที่เจอมา พี่เขาบอกผม แต่ผมยังไม่เจอไรนะพี่ ผมแค่โดนลากขึ้นห้อง อ่าวน้องช่วยๆกันหน่อยดิ ยัดข้อหามันมันจะได้อยู่ในคุกนานๆ กรรม กรรม กรรม ไม่ไหวอะพี่.....เอาไว้ถามเพื่อนผมได้ไหม รายนั้นอาการหนักว่ะ พี่เขาพูด เป็นอะไรพี่ เจออะไรหนัก ผมรีบถามทันที พี่เขาไม่พูดอะไรเดินไปหยิบกล่องกล่องหนึ่งที่ยึดมาได้ โชวให้เห็นสากกะเบืออันเบอเร่อ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา..... ผมนิ่ง อึ้งไปแป็บ มีอีกน่ะพี่เขาทำท่าจะล้วงเอาอย่างอื่นมาโชวเพิ่ม ผมรีบบอกให้พอ ไม่อยากนึกภาพแล้ว เอาว่ะให้ก็ให้ .................โจกรูจะแก้แค้นให้เอง................... ผมยัด ยัด ยัด สารพัดข้อหาให้พวกนั้น..... ตำรวจพยายามขุดคุ้ยแล้วบันทึกคำให้การ ดูนาฟิกาเที่ยงคืนแล้วเหรอนี่ เสียงมือถือดัง......เวรครับเวร พ่อผมโทรมา ผมขอโทษพี่ตำรวจที่ให้การรับโทรศัพท์พ่อ ผมตอแหลครับ บอกรุ่นน้องมีปัญหาจะฆ่าตัวตายเลยมาอยู่เป็นเพื่อน เนี่ย...........เดี้ยวจะกลับแล้ว เจอพ่อด่า แล้วท่านก็วางโทรศัพท์ไป ก็ยังดีว่ะผมคิด จะให้บอกพ่อไปตรงๆเหรอครับว่าลูกชายพ่อเกือบ.... โดนกระเทยข่มขืน.. ผมกลับมาบ้านเหนื่อย ท้อ หมดแรง พ่อก็ว่า แม่ก็ด่า....... ทิ้งตัวลงเตียงเอาผ้าคลุมหัว ซักแห้ง น้ำเนิ้มไม่อาบมันแล้วจะนอน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง “โว้ย..........”ผมตะโกน ใครมันโทรมาเวลานี้วะคนเหนื่อย หยิบโทรศัพท์มาแนบหู กำลังจะด่าแล้วครับถ้าไม่ใช่เสียงที่โทรมาเป็นที่รักของผม มินนั่นเอง...... “ว่าไงมิน”ผมทัก “คิดถึงน่ะเจม” เป็นคำแรกที่มินบอกกับผม “อืมเราเหนื่อยจังเลยวันนี้...”.ผมเปรยๆ “เรื่องอะไรเล่าให้เราฟังได้ไหม” มินถาม “คงไม่ได้อะมินเปลือง เดี้ยวมินจะจ่ายเยอะนะ” “เอาไว้มินมาไทยเมื่อไหร่เราจะเล่าให้ฟังล่ะกันตกลงไหม” “ไม่อาวจะฟังอ่า..............เรื่องผู้หญิงหรือเปล่า” ผมนึก.......”อืมก็ไม่เชิงอ่ะ” “เอ้ะชักยังไง......ปิดบังอะไรมินหรือเปล่า” “ไม่มีมินไม่มี เดี้ยวเราเจอกันเราจะเล่าให้ฟังเอง มินไม่ต้องห่วงน่ะ” “อืมไม่ห่วง......แต่มินหวงน่ะ” “มิน.......” ผมเรียกเบาๆ “ว่าไงค่ะ...” “เราอยากกอดมินจังเลยจริงๆน่ะ” “อืมๆกอดสิ อิอิ....” “กอดไม่ได้อ่ามินอยู่ไกลไป.....เห้อแย่จัง” “ไม่เป็นไรเจม เดี้ยวมินไปให้กอด” “เหอะ เหอะเอาให้จริงเหอะ” “ถ้ามาจริงน่ะ จะพาไปช็อปปิ้งเลย ให้ถลุงเต็มที่เลย” “เอาจริงน่ะ พูดแล้วห้ามคืนคำ....” มินย้ำ “อืม มาสิ”(มาไม่ได้หรอก เหอ เหอ) กริ้ง............................เสี่ยงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น “มาแล้วมาเปิดรับสิ.....”มินบอกผม “เห้ย ตลก อยู่เมกาไม่ใช่เหรอ” ผมถาม “เอ..............มินบอกสักคำหรือยังว่าอยู่เมกา” “เห้ย มินจริงอะรอเดี้ยวน่ะไปเปิดประตูให้” ผมรีบวิ่งลงจากห้อง กรรมตีสี่แล้วยายมินจะมาหาผมจริงอ่ะ เธออยู่เมกาไม่ใช่เหรอ หรือเธออำ คนส่งของหรือเปล่า แต่คนส่งของเขาไม่มาตอนตีสี่นี่ ผมวิ่งไปที่ประตูรั้ว ฟ้ายังไม่สว่างดีเลย ผมเห็นผู้หญิงคนนึงถือของพะรุงพะรังโบกมือให้ผมแต่ไกล ไม่ใช่มินก็ผีล่ะวะ ผมคิด เดินไปเปิดประตูให้ พอประตูเปิดออกเธอคนนั้นก็กระโดดกอดผม เจม...................คิดถึงจังมินกลับมาแล้ว ผมกอดมินแน่น ความรู้สึกที่ยังจำได้ดี มินของผม มินที่รัก เรากอดเอาแก้มแนบกันได้ยินเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่าย ผมกับมินกอดกันอยู่อย่างนั้น นาน.........................ให้มันแทนเวลาที่เราห่างกันเหลือเกิน^_^ ผมพามินเข้าบ้าน ถือกระเป๋าเดินทางสองใบโต มินเดินตามผมมาเงียบๆ เราควงแขนกันไม่ได้แต่เธอก็เกาะเสื้อผม ทำให้ผมถือของลำบากขึ้น แต่ผมก็ไม่ว่าไม่ว่าอะไรเลยสักคำ เจมหนักไหม มินถาม ไม่หนักหรอกแค่นี่เอง...... มินช่วยถือน่ะ ไม่เป็นไรมินเราไหว ผมเอาของมินเข้าบ้านหาน้ำมาให้มินกิน มินสวยขึ้น ผอมลงไม่รู้จงใจไดเอ็ทหรือลำบากกันแน่ มินนั่งตรงโซฟาตัวยาว ส่วนผมนั่งตรงตัวสั้นข้างๆ ผมมองมินนานมากแบบไม่รู้ตัว นี่คือมินจริงๆ มินคนเดิม มินของผม เจมจ้องอะไร....... มินถามผมยิ้มๆ ปล่าวๆผมพูดดื่มน้ำแก้เขิน รู้นะ คิก คิก เธอหัวเราะน่ารักเหลือเกิน เจม ไม่มานั่งกะมินเหรอ เธฮตบเบาะข้างๆ ไม่เอา..............อย่างงี้ก็ดีแล้ว ผมมองหน้ามินแล้วยิ้มให้.... ไม่มาใช่ไหมได้ ได้ มินพูดแล้วกระโดดขึ้นมานั่งตักผม เธอโอบคอเอาหน้าผากมาแตะหน้าผม จะไม่ถามมินหน่อยเหรอว่ากลับมาทำไม ทำไมเหรอมิน ผมตื่นเต้นจังหรือไม่ได้กอดเธอนานน่ะ ผมเอามือโอบเอวมินตอบ มาหาเจมไง คิดถึงเจมน่ะ แล้วเธอกับผมก็กอดกัน เธอยิ้มเล็กๆแล้วก็จูบผม ความรู้สึกถ่ายทอดให้กัน รัก หวง และอบอุ่น ไหล่มินสั่นเล็กๆ ผมกระชับตัวเธอให้แน่นขึ้น แน่นขึ้น ราวกับจะเป็นคนเดียวกัน แล้ว....................... ผมก็ถอนปากออกยิ้มให้กัน ตอนนี้เรานั่งโซฟาตัวเดียวกันแล้วมือยังกุมอยู่เลย ที่ริมฝีปากยังอุ่นความรู้สึกของการจูบยังติดปาก มินพิงไหล่ผม เธอเล่าเรื่องต่างๆที่เธอเจอมาให้ผมฟังมากมาย บางเรื่องก็ตลกบางเรื่องก็ดูเศร้าเหลือเกิน แต่ผมก็ยังนั่งตรงนั้น หัวเราะ ร้องไห้ ไปพร้อมๆกับมิน .................................... เจม มินจะกลับไทยแล้วน่ะ อ่าวเพิ่งไปปีเดียวเองน่ะ ผมบอก ก็................ก็...มินเรียนไม่รู้เรื่องนี่นาคิดถึงเจม กรรม อย่าพูดงี้ดิเหมือนเราตัดอนาคตมินเลย ป่าว.....................มินตัดสินใจแล้วนี่บอกพ่อแล้วด้วย แล้วพ่อว่ายังไง พ่อบอกก็ตามใจ.......ตัวมินเองอนาคตของตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำไงค่ะ เหรอ ผมเอามือลูบหัวมินเบาๆ ไม่เสียดายจริงๆเหรอ อืม....ไม่เสียดายหรอก แน่ใจน่ะ อืมแน่ใจ....มินยืนยัน แล้วมินกับผมก็กอดกันอีกครั้ง ผมเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวหรือเปล่าเนี่ย ที่ผมดีใจว่ามินจะไม่กลับไปอเมริกาแล้ว เรากอดกันอยู่อย่างนั้น........ คิดถึงน่ะมิน คิดถึงเหลือเกินอยากจากเราไปไหนอีกน่ะ ค่ะ คำเพียงสั้นๆเท่านั้นที่ทำให้ผมยิ้มได้ มีความสุขเหลือเกินตอนนี้ ผมลืมตาขึ้นช้าๆตะลึงกับภาพที่เห็น น้องสาวตัวแสบนั่งมองอยู่ที่หัวบันได มันมาตอนไหน(วะ) ผมกับมินยังกอดกันอยู่เลย น้องสาวตัวแสบของผมยิ้มมุมปาก หึ หึ....... ได้เวลาแก้แค้นแล้ว-_-“ (ไปทำมันไว้เยอะ) น้องผมตะโกนลั่น “แม่ขาเฮียพาผู้หญิงมากอดในบ้านค่า” เจ็ดเชี่ย........กำลังจะลุกไปเตะมันครับ พ่อผมเดินลงมาจากบันไดพอดี ซิบ-หาย-แล้ว-โว้ย ผมบอกกับตัวเอง น้องผมวิ่งไปหลบหลังพ่อ.... มือยังกอดมินอยู่เลย โดนจับพร้อมของกลางงี้คงได้แต่เงียบละครับ มินยกมือไหว้พ่อผม สวัสดีค่ะ ยังดีน่ะนี่ที่พ่อผมรับไหว้ ซวยซ้ำซ้อนของแท้ แม่เดินตามลงมาอีก มายังไงล่ะลูก แม่ผมถาม เอ่อเพิ่งลงจากสนามบินมาค่ะเลยนั่งแท็กซี่มาหาเจม กะว่าเดี้ยวจะให้เขาไปส่งบ้านค่ะ ประหยัดกว่า มินตอบอย่างฉานฉลาด แต่สายตาที่พ่อมองผมทำให้ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก ไม่ฉลาดเลยที่พามินมากอดบนโซฟา รู้งี้พาไปห้องยังดีซะกว่า พ่อผมยิ้มให้มินบอกให้อยู่กินข้าวเช้ากันก่อน พ่อยังแอบมองผมอยู่เลยครับ เมื่อคืนกลับดึกตอนเช้าพาสาวมากอด คิดยังไงอนาคตก็ไม่ยาวแน่... น้ำตาไหลพราก(ในใจ) โอ้ชิวิตผมช่างแสนเศร้า ยิ้มตอบพ่อหลบตา.....จ้ำขึ้นห้อง(ไม่อยู่แล้ว) แม่พามินไปเดินดูสวนตอนเช้า ผมหนีขึ้นไปอาบน้ำนึกภาวนาในใจ อย่าให้พ่อผมโกรธเลย..............สาธุ กินข้าวยามเช้าสดใส พ่อยิ้มอารมดี ดีครับดีที่พ่อไม่ถือความ(หรือเปล่า) วันนี้ผมมองน้องสาวผมบ่อยเป็นพิเศษ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เอ้ย!รัก แต่ดูพ่อจะรู้ความคิดผม....เรียกน้องไปนั่งข้างๆ อยู่นอกระยะปลายเท้าผม... มินกับผมนั่งแยกกัน พ่อผมค่อนข้างเคร่งเลยนั่งห่างกันดีกว่า แต่มินก็วางตัวถูกนะครับเทคแครแม่กะพ่อผมดีมาก ผมเงียบครับ กินกินกิน...แล้วก็กิน ราวกับเป็นอาหารมื้อสุดท้าย(ก่อนโดนประหาร)T_T .................................. กินเสร็จพ่อเรียกไปคุย มินไปช่วยแม่ผมล้างจาน ............................... อยู่ที่โต้ะรับแขกกับพ่อสองคนสถานการณ์ตึงเครียด พ่อผมนั่งกุมมือบนโต้ะเหมือนคิดอะไรอยู่ เจม......พ่อผมพูดเบาๆ แต่สำหรับผมมันชัดเจนมาก ครับ......ผมตอบไปเบาๆเช่นกัน เห้อ...............พ่อผมถอนหายใจ ลูกก็โตแล้ว ทำไรคิดเองล่ะกัน แล้วพ่อผมก็ลุกเดินออกไป เห้ย......ฟลุคครับฟลุค.....พ่อไม่ด่าแถมไม่ว่าไรเลย0_o ออกมาอารมดีครับร่าเริง(ในใจ) ไม่กล้าแสดงออกเดี้ยวพ่อหาว่าไม่สำนึก เดินไปช่วยแม่ล้างจาน(จริงๆแล้วไปหามิน) ราวกับแม่รู้ใจผม ลากน้องสาวไปช่วยกวาดสวนหน้าบ้าน ตอนนี้ที่ล้างจานจึงเหลือเพียงผมกะมิน สองคน........... ผมเดินไปช่วยมินล้างจาน อาจจะแปลกสักหน่อยตรงที่ผมโอบมินจากข้างหลัง หน้าผมไปแนบชิดกับแก้มมิน คิก คิก มินหัวเราะ เจมหนวดทิ่มคอมินจักจี้จัง มินบอก ผมไม่ได้สนใจปิดตาพริ้มรับรู้ถึงชิวิตรู้ถึงความอบอุ่นจากผู้หญิงคนนึง จานไม่ได้ล้างเสียแล้วครับ มินปล่อยจานที่ล้างปิดก็อกน้ำ....แล้วหันมา ผมกับมินหันมายืนกอดกันอยู่ เธอเอาหน้าแนบอกผม เธอร้องไห้ออกมาเบาๆ มินเป็นอะไรผมถาม สงสัยกับน้ำตาที่ไหลง่ายเหลือเกิน มินดีใจเจม ดีใจที่มีเจมได้ใกล้ๆเจมอย่างนี้ มินนึกว่าเวลาจะทำให้เราเปลี่ยนไปซะอีก ผมไม่ได้พูดอะไรตอบเธอ ได้แต่เอามือเช็ดน้ำตาให้ ดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง เราสองคนกอดกันนาน นานจนร้อนแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย นานจนไม่รู้สึกถึงรอบข้างแล้ว เจมคิดถึงมินนะ ผมบอก มินคิดถึงเจมเหมือนกัน เจมรักมินนะ มินก็รักเจม............รักมาก รักที่สุด แล้วผมก็พามินไปส่งบ้านครับ^_^ พอขนของเข้าบ้านยายมินเจอพ่อด่ายกใหญ่ ก็พ่อมินอุตสาหไปรับที่สนามบินแต่ไม่เจอ ลูกสาวนะครับไม่ใช่สิ่งของจะได้ไม่หวง เป็นผมผมก็ด่าครับ^^” วันต่อมาที่มหาลัย ผมควงสาวสวยสุดๆ น่ารัก ขาวเด่นเตะตา จะใครซะอีกล่ะครับมินนั่นเอง ยืดครับยืดยังกะมีแฟนใหม่ รูปแบบใหม่สวย ใส ไร้สติกว่าเดิม มินกล้าขึ้นครับควงแขนผมต่อหน้าผู้คนเลย มินอย่าจิ......(อย่าปล่อย^O^/) มินไม่มีเรียนหรอกครับ แต่อยากมาเยี่ยมเพื่อน มาระลึกความหลัง มาหาแฟนใหม่ -_-อันหลังสุดนีเคืองมาก....... ผมโทรตามเพื่อนๆทุกคนที่แม็คโดนัลมหาลัย คนมาได้น้อยกว่าที่คิด ติดธุระบ้างเรียนบ้าง แต่ที่ซี้มากๆก็มากันหมด ไอ้บอยสะแหลนมาคนแรก มีไรว่ะมันด่า เดินบ่นอุบอิบเข้ามาเกาก้นด้วย พอมันเห็นมิน.....ท่าเปลี่ยนครับ ที่รักจ้า กลับมาหาพี่แล้ว ไอ้บอยทำท่าพุ่งเข้ากอด แต่มันไม่กล้ากอดครับได้แต่จับมือ ไม่รู้มันเกรงใจผม หรือเกรงใจเท้าผมกันแน่ หยวนครับหยวน ถือว่าไม่เจอกันนาน ไอ้โอ้ตไอ้แนทตามมาติดๆ พอมาปุบ ชิดวงในปั้บ ไม่สนใจผมเลย มินจ๋า มินจ๋ากันใหญ่ (เพื่อนเวร....) มินมามหาลัยไม่ถึงสองนาทีหนุ่มๆติดเกลียวถึง3คน มีคนเอาอกเอาใจ ตรงหน้ามีแม็คชุดใหญ่ถึงสามชุด ดีครับดี มินไม่กินผมกินเอง เพื่อนๆทยอยกันมา ไอ้พวกปากไม่ตรงกะใจ ปากไม่ว่างแต่ขอมาเฮเพียบ ก็สนุกดีครับ.............. ทุกคนชมมิน ว่าสวยขึ้น น่ารักขึ้น มินยิ้มผมก็พลอยยิ้มตาม แฟนผมน่ารักภูมิใจออก พวกมันกวนตีนเป็นทีมครับ ถามมินว่าอยากมีแฟนใหม่ไหมสิบรอบได้ ผมไม่หึงหรอกครับ แค่ไปนั่งกุมมือมินแค่นั้นเอง-_-+ แต่................ พายุ ดูเหมือนเพิ่งจะเริ่มครับ วาวา...............เดินเข้ามาในร้านแล้ว .............ตอนนหน้าจะย้ายกระทู้แล้วน่ะครับยังไงช่วยกันโพสส่งท้ายทีเน้อ^^...........เดี้ยวมาโพสหน้าให้ครับรู้สึกโหลดนานแล้ว พูดได้คำเดียวครับ วงแตก ดูเหมือนวาวาจะเห็นมินแล้วด้วย โอ้เอาแล้วครับ ศึกชิงเจ้ายุทธภพภาค3 วันนี้ดูถ้าจะไม่จบโดยไม่มีใครตายเสียแล้ว(สำนวนเสี่ยวไปไหมหว่า) มินมองหน้าวาวา วาวามองหน้ามิน ตะลึงทั้งคู่ มินลุกขึ้นเดินไปหาวาวา(เอาแล้ว) วาวาใช่ย่อยวางหนังสือลงบนโต้ะ ผมปิดตาไม่กล้าดูครับ ทุกคนที่นั้นลุ้น แล้วมินกะวาวาก็กอดกัน มินหัวเราะ วาวาคิดถึงจัง วาวาก็หัวเราะเหมือนกัน ไปนานเลยนะนึกว่าจะลืมเพื่อนคนนี้ไปเสียแล้ว ผมดีใจครับที่เรื่องนี้จบลงด้วยดีผมไม่อยากจะไปแก้ปัญหาอะไรอีก ทุกวันนี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้วครับ วาวากับมินหนีไปนั่งด้วยกัน ทิ้งผมไว้ท่ามกลางเพื่อนๆผู้ชาย รู้สึกเคว้งเลยครับ ช่างเถอะครับไม่ทะเลาะกันก็ดีที่สุดแล้ว ทางฝั่งมินคุยอะไรกันก็ไม่รู้หัวเราะกันคิกคัก บางทีไม่หัวเราะปล่าวมีชี้มาทางผมด้วย กรรม -_-||||นินทาอะไรอ่า หลังจากคุยกันอยู่นาน............... โดดชั่วโมงเช้าไปวิชานึง พวกผมก็ต้องทำใจไปเรียนวิชาอาจารย์สุดโหด สาเหตุที่ต้องขึ้นเหรอครับ มีสอบสิครับ (ยังไม่อ่านสักตัวT_T~) สอบเสร็จก็นั่งรอเพื่อนๆที่ออกตามกันมาติดๆ ผมรีบชวนเลยครับ ไปหามินที่แม็คอย่างด่วน ผมเห็นมินนั่งอยู่กะใครไม่รู้ ดูดี-_-หล่อด้วย แถมไม่ใส่ชุดนักศึกษา สราดนายบ้าที่ไหนกล้ากระตุกหนวดเสือ ผมเดินเข้าไปพร้อมหมู่เพื่อนๆทักมิน มองหน้านายบ้าคนนั้น ไม่อยากคุยครับหน้าซีดเลย อิอิ เห้ยอายุก็มากแล้วนะนี้ผมคิด น่าจะซัก24-25 มาหม้อเด็กแถวนี้เดี้ยวก็เจ็บกลับไปหรอก นายคนนั้นรีบลี้........... ไม่รู้เพราะติดธุระหรือหวั่นกับสภาพแวดล้อมเป็นพิษกันแน่ ผมนั่งลงข้างๆมิน ฉุนสิครับฉุน ถึงไม่มากแต่ก็มีหงุดหงิดแฟนโดนจีบเป็นคุณฉุนกันไหม ผมไม่ได้พูดอะไรครับ ได้แต่เงียบรอฟังมินอธิบาย ปรากฎว่ามินเงียบตามทำให้ผมกระวนกระวายอย่างยิ่ง ใจคอจะไม่เล่าอะไรให้ผมฟังเลยเหรอเนี่ย นั่งอดทนอยู่นาน ทนไม่ไหวครับต้องถาม มิน........ตะกี้ใครอะ ผมพูดโดยยังไม่มองหน้ามิน อ้อ...........สนใจด้วยเหรอค่ะ คิก คิก มินหัวเราะ นึกว่าจะไม่ถามเสียแล้ว -_-โหยายมินได้ทุเอาใหญ่เลยครับ อยากเล่าก็เล่าไม่อยากก็ไม่เป็นไร ผมบอกไม่อยากเสียฟอรม คิดว่ายังไงมินก็ต้องเล่าให้ผมฟังแน่ๆ งั้นไม่เล่าเพราะไม่อยาก มินยกน้ำขึ้นมาดื่ม ผมนั่งอย่างนั้นได้อีกประมาณ3วิเท่านั้น ต้องข้อร้องให้(แม่)มินเล่าให้ฟัง -/0\-ทำไมผมไม่อดทนเลยวะเนี่ย ทนไม่ไหวครับเสียฟอรมก็ยอม จำไว้T_T วาวาเดินเข้าร้านมาร่าเริง นั่งข้างมินกะผม เธอไม่รู้ร้อนรู้หนาวสำคัญ.......................เธอไม่รู้อะไรเลย เกิดไรขึ้นอ่าบอกได้ยังผมเซ้าซี้ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็คอยฟังครับ...(พวกอยากรู้แต่ไม่ขอออกเสียง) อะไรอะมิน วาวาถามสวนขึ้นมาด้วย อยากรู้อยากเห็นกันจริง-_-“ อ้อตะกี้........ ตะกี้ทำไม.............นายโจนายบอยนายโอ้ตเสนอหน้ากันถาม ตะกี้เป็นโปรดิวเซอรอะค่ะ มินบอก อ่าว ไม่ใช่มาจีบเหรอเดี้ยวๆโปรดิวเซอรอะไรอ่ะมิน ผมยิ่งงสัย โปรดิวเซอรค่ายเพลงของg….อะค่ะ เขาบอกมินน่ารักดีอยากให้ไปแคสหน้ากล้องกะลองเสียงดู เนี่ยทิ้งนามบัตรไว้ด้วย มินวางนามบัตรลงบนโต้ะให้พวกผมเห็น เจมอยากให้ไปไหม มินถามมองอ้อนๆ ไปสิมินโอกาศอย่างนี้หาไม่ได้บ่อยๆน่ะ เอาจริงๆเหรอ มินถามย้ำ เอาจริงสิ เราไม่หวงหรอกเราอยากให้มินเจออะไรดีๆ มินยิ้ม งั้นเดี้ยวว่างไว้เราจะลองโทรไปดู มินเก็บนามบัตรใส่กระเป๋าถือ โหมิน เสียดายเขาไม่เห็นเราก่อนนะไม่งั้น วาวาพูดขึ้น ไม่งั้นอะไรวาวา นายโอ้ตถาม ไม่งั้นมินก็ไม่ได้เกิดนะสิ แล้ววาวาทำท่าหน้ารัก-_-(หรือเปล่า) เนี่ยเขาคงมาติดต่อฉันแทน หุหุ อ้วกกกกกกกกก เสียงดังมาจากด้านหลังวาวาโดยพร้อมเพรียง วาวาหันไปหน้าตาเอาเรื่อง คราย คราย บอกมา วาวาถาม เอาอีกแล้วครับ ทุกคนชี้มาทางผมโดยไม่ได้นัดหมาย กรรม---_---หนูมะได้ทำน้า..... วาวาคงเชื่อในตัวผม เลยไม่บ่นอะไรต่อ ก็ดีอะครับเรื่องจะได้สงบ ทุกอย่างดูดีเพื่อนๆซี้ปึ้ก ปัญหาที่คิดว่าจะเกิดระหว่างมินกะวาวาก็สงบจนน่าเหลือเชื่อ (หรือว่าคลื่นใต้น้ำ) แค่นี้ผมก็ว่าชิวิตผมก็ดีมากแล้ว พวกผมนั่งคุยนั่งเล่นอยู่นาน มากัน10คนสั่งอาหารชุดเดียวนั่งคุ้ม แล้วก็ถึงเวลาจากกัน พวกผมพากันแยกย้าย และแน่นอนผมมากะมินครับ วาวาเธอขับรถมาเอง ผมพามินไปที่รถลงทุนอ้อมไปเปิดประตูให้น้อนตัวโค้งให้ด้วย มินก็ยิ้มๆเดินขึ้นรถไป ผมปิดประตูอ้อมมาขึ้นรถ พารถออกจากมหาลัย มิน............หิวไหมอยากกินอะไรไหมครับ ผมถาม ไม่อะค่ะมินกินน้ำที่แม็คอิ่มแล้ว งั้นเราพาไปส่งบ้านเลยนะวันนี้คงไม่แวะแล้วมั้งเย็นมากแล้ว อืมมินก็ไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง เนี่ยพึ่งกับไทยมาก็เที่ยวเลย มินเอื่อมมือไปหยิบซองซีดีเพลง เลือกเพลงออกมายัดเข้าเครื่อง เพลงไม่ให้เธอไป ของโปเตโต้เล่นได้เพราะมากเลยครับ ดูเหมือนมินจะชอบด้วย เธอนั่งหลับตาพริ้มข้างผม เจม....... มินเรียกตายังปิดอยู่ เราจะดีกันอย่างนี้ จะมีกันอย่างนี้ ตลอดไปใช่ไหม เธอถาม เราไม่รับปากน่ะมิน ผมพูด มินลืมตาทันทีเลยครับ ทำไมล่ะเจม เจมไม่รักมินเหรอ มินซักใช้ใหญ่ ปล่าวเรารักมินนะสิ เราเลยไม่อยากจะให้ผูกมัดกะเรามากเกินไป ถ้าสักวันมินเจอคนที่ดีกว่าเรา แล้วมินรักเขามากกว่า เราก็ยินดีหลีกทางให้น่ะ เราก็แค่อยากให้มินมีความสุข อะไรที่มินทำแล้วสบายใจมินทำเถอะ มินกุมมือผมเอาไปแนบแก้ม มินอยู่กับเจมแล้วมินมีความสุขที่สุด มินไม่ไปไหนหรอก เจมก็ห้ามไปไหนน่ะ ห้ามไปรักใคร ตกลงไหม ........................ ...................... อืม ตกลงจ้ะ ผมตอบใช้มือเดียวขับรถกลัวรถชน แต่ไม่อยากทำลายบรรยากาศความสุขตอนนี้ ดีมากค่ะ แล้วมินก็มาหอมแก้มผม นี่รางวัลนะเราให้ -__-รางวัลจากมินทำเอาผมตกใจเกือบหักรถผิดจังหวะ แต่ผมคุมตัวเองได้ครับ เกือบไปแล้วเกือบไม่รอด ผมจอดรถหน้าบ้านมิน มินยังนั่งอยู่เธอนิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้น เจม........ปีนึงไม่สั้นน่ะ แต่ก็ไม่ยาว หลายสิ่งเปลี่ยนไปน่ะ แค่ปีเดียวที่มินไม่อยู่ไทย แต่มินดีใจน่ะค่ะที่เจมยังเหมือนเดิม มินลงรถหันมาโบกมือให้ผม ผมยิ้มให้ แล้วก็ขับรถออกมา ผมน่าจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่แปลกจริงๆนะครับผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงไม่รู้ ....................... ...................... แล้วเรื่องก็ดำเนินไปซ้ำๆทุกวัน เรียน กิน นอน เฮฮากะเพื่อน อ้อนมิน ก็ธรรมดาของคนคนนึง ชิวิตแบบนี้ผมก็ถือว่าโอเคมากแล้ว ไม่เบื่อครับ สนุกแบบเรียบๆง่ายๆ จนวันนึงครั บ วันที่มินเอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผมดู เจม เจม ดูนี่สิเธออ้อนผม ผมก็งง สงสัยอยากได้อะไรอีกแน่เลย ถึงเอาแคตตาล็อคมาอ้อนแบบนี้ แต่ไม่ใช่ครับ ผมคิดผิด ในหนังสือคือภาพของมิน ที่ถ่ายในชุดแฟชั่น เธอใส่ชุดสีขาว สวยเชียวครับ แต่งหน้าด้วย เธอดูเป็นผู้ใหญ่ไปเลย ยังกะคนละคน ผมพลิกปกหนังสือดู โหหนังสือวัยรุ่นชื่อดังซะด้วย ทำไงไปลงหนังสือเนี่ย ผมงงมากกว่าตกใจซะอีก ก็วันนั้นคนที่เขามาคุยแล้วไล่ตะเพิดไปไงจำได้ไหม ผมนั่งนึก อ้อ อ้อจำได้แล้ว ที่เป็นแมวมองใช่ม่ะ อ่าวแล้วเขาติดต่อมาเหรอมิน สมองผมกำลังเรียบเรียงเนื้อเรื่อง อืม เขาบอกให้ไปแคสเฉยๆ แต่เขาบอกออกมาสวย จะเอาไปเสนอหนังสือให้ไม่นึกว่าจะได้ลงจริงๆ มินมาเกาะแขนผม เป็นไงค่ะ มินเก่งไหม เก่งไหม เก่งจ้ะเก่ง ผมได้แต่ลูบหัวมิน แฟนผมได้ลงหนังสือเจ๋งไหมล่ะ พรุ่งนี้จะเอาไปอวดเพื่อนๆที่มหาลัย นี่ล่ะที่รักของผม วันต่อมามินบอกจะมาหาผมแต่ก็ไม่มา เพราะบอกว่าพี่โปรดิวเซอรคนนั้นเรียกไปรับค่าถ่ายรูป ผมเซ็งเล็กๆครับ แต่ก็มีเรื่องคุยอีกเยอะ หนีบหนังสือที่มินถ่ายไปมหาลัยด้วย เอาให้พวกเพื่อนๆดู ทุกคนตะลึงกันใหญ่ ผมยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม เป็นปลื้ม ต่อไปผมจะควงนางแบบเดินเท่แล้ว ทุกคนวิจารณ์ ยินดี กัดเล็กน้อย(พอทน) มีแต่นายโจที่นั่งเงียบ (มันกลับมาแล้วพร้อมความลับที่ไม่อาจเปิดเผย)^_^” เจม กรูก็ว่าดีน่ะที่มินได้เป็นนางแบบ มันตีสีหน้ากลุ้มใจ แต่กรูว่า มันจะดีถ้ามินเขาเป็นแค่นางแบบปกหนังสือเท่านั้น มันไม่พูดเปล่าถอนหายใจอีกด้วย ทำไมว่ะ ผมถาม ผมว่ามันไม่ได้ล้อเล่นอ่ะ ดูมันจริงจังเหลือเกิน เออไม่พูดดีกว่าว่ะ กรูอาจจะแค่คิดมากไปเองก็ได้ มันกวาดมือให้ผมไม่ต้องสนใจมัน ยิ่งทำหยั่งงี้ยิ่งอยากรู้สิครับ แม้จะต้องบีบคอมันผมก็ต้องฟังให้ได้ บอกมาสิเว้ย พูดแล้วหยุดงี้บาปนะเว้ย ผมชูหมัดให้มันดู เดี้ยวผลกรรมก็ตามสนองหรอก นายโจทำหน้าแบบ -_-|||| ไร้ทางเลือก ทุกคนพุ่งจุดสนใจไปที่มัน ก็ถ้ามินแค่ลงหนังสือก็ถือว่าปกติ แต่ถ้าเขาได้เป็นนักร้อง ดารา หรือแสดงหนังขึ้นมาจะทำไงว่ะ นายโจถาม ก็ไม่เห็นแปลก ยังไงก็เป็นมินคนเดิมนะสิ มินไม่เปลี่ยนไปหรอก ผมมองไปที่นายโจ ใช่ว่ะเจม มินอาจไม่เปลี่ยน แต่คิดเหรอว่าเขาจะมาเดินควงแกได้ ทำไมว่ะ เป็นแฟนแล้วทำไมจะควงไม่ได้ ผมเริ่งฉุน เสียงเริ่มดังตาม คิดเหรอว่าทางค่ายเขาจะยอม นายโจตีหน้านิ่ง ผมเริ่มคิดมาก หยุด หยุดเลย นายบ้าโจ ไปพูดให้เจมมันกลุ้มทำไม วาวามาขัดจังหวะพอดี แค่ลงหนังสือไม่เห็นแปลก ใครๆก็ลงได้ เจมไม่ต้องกลุ้มนะ ถ้าเป็นดารากันง่ายๆ ป่านนี้คงเดินกันทั่วแล้ว มินไม่เป็นหรอก ใช่ครับผมว่า วาวาพูดถูก ผมไม่น่ามานั่งกลุ้มกับสิ่งที่มันยังไม่เกิดเลย ก็หวังว่าคงเป็นอย่างนั้น นายโจยิ้มให้ผม ผมได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนกับไป ใช่ครับผมไม่น่าเอามาคิดมาก วาวาพูดถูก แต่ทำไมในใจผมรู้สึกไม่สบายใจเลยก็ไม่รู้ครับ แล้ววันนึงมินก็เรียกผมไปหา หน้าตาเธอยิ้มแย้มดูออกเลยครับว่าเธอกำลังมีความสุข ผมhappy มากเลยครับที่เจอมิน เธอเป็นทั้ง....หวานใจ ที่รัก อนาคตภรรยา ผมก็ดีใจนะครับที่เธอสดใส ยิ้มแย้ม ผมนั่งลงที่เก้าอี้ เรียกบริกรมาสั่งอาหาร มินไดเอ็ตครับไม่กิน เป็นอะไรของเขาก็ไม่รู้ ข้าวปลาไม่กิน ตอนนี้ก็ผอมจะแย่อยู่แล้ว ไม่เหมือนผมที่ดูจะหนาขึ้นทุกวัน-“- ยิ้มแย้มจังเป็นอะไรเหรอ ผมถาม เปล้า.......... มินบอกว่าเปล่าแต่สีหน้ามินที่ยิ้มนั้นแอบซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ อะไรที่ผมต้องตื้อ ถึงจะได้ฟัง(ล่ะมั้ง) โถ่บอกเราหน่อยได้ไหม น่ะ น่ะ ถึงเจมไม่ถามมินก็จะบอกอยู่แล้วเธอแลบลิ้น-_-|||| ที่เรียกเจมออกมาเนี่ยก็มีอะไรจะบอกเจมเนี่ยล่ะ อะไรเหรอมิน? เจมต้องคิดไม่ถึงแน่ๆเลย มินพูดมือควานเข้าไปในถุงกระดาษ เธอหยิบบางอย่างมาใส่ในมือผม เป็นซีดีเพลงแผ่นนึง อะไรหว่าผมคิด ของขวัญเหรอมินน่ารักจัง^-^อิอิ เดี้ยวค่อยบอก เปิดดูก่อนสิค่ะ มินเซ้าซี้ ผมเปิดออกดูครับ ด้านในเป็นซีดีเพลงจริง ซีดีอะไรเนี่ย ผมหยิบขึ้นมาดู ซีดีเพลงเหรอมิน ผมถาม มินพยักหน้า เพลงของใครล่ะนี่ ไม่เห็นมีชื่อเลย ของมินค่ะ อืมก็รู้ว่าซีดีของมินแต่เพลงของใครเหรอ ของมิน......ไง เอ...............เพลงของมิน? พูดเล่นน่าอย่างมินเนี่ยนะร้องเพลงด้วย ก็นั่นแหละซีดีเพลงของมินเลย มินร้องเอง เหลือเชื่อo__oไปทำที่ไหนมาล่ะ ผมเก็บแผ่นเข้ากล่องยื่นคืนให้มิน ทำที่บริษท์เพลงพี่ที่มินไปแคสเขาพาไปค่ะ เหรอ ทำไปทำไมล่ะครับมิน ................................... พี่ที่นั่นเขาจะให้มินร้องเพลงค่ะ มินมองหน้าผม ก็ดีนี่ผม บอก แล้วไง? ก็มินจะเป็นนักร้องนะสิเจม โง่จริงหรือแกล้งโง่ค่ะเนี่ย หา!!!!!!! ผมตกใจเกือบทำซีดีหล่น นักร้อง?เอาจริงดิ โม้แล้ว โม้แล้ว ไม่เชื่อหรอก จริงๆน่ะค่ะ มินมาเกาะแขนเสื้อผม เธอมองแบบขริงจังจนผมต้องเชื่อเลยล่ะครับ เนี่ยเดี้ยวอาทิตย์หน้ามินจะไปเซ็นสัญญา เนี่ยมินต้องไปโรงเรียนร้องเพลงทุกวันเลยน่ะเหนื่อยมากเลย มินบ่น แล้วที่ค่ายเขาบอกจะออกเทปให้เหรอ ผมถาม อืม.....ท่าไม่มีอะไรผิดพลาดอะค่ะ มินพูดไปยิ้มไป มินชอบร้องเพลงเหรอ ค่ะ มินตอบ อยากเป็นนักร้องเหรอ อืมใช่ งั้นก็ตามใจครับ เจมเอาใจช่วยแล้วจะออกเทปเมื่อไรห่เนี่ย มินก็ยังไม่รู้เลยเจม เนี่ยเอารายละเอียดไปดูสิ เธอยื่นกระดาษให้ผม เป็นของบริษท์g..... ผมดูคร่าวๆโยนซองลงบนโต้ะ อาหารมาแล้ว ผมเลยกินไปคุยไป เจม มินเรียก อะไรผมตอบทั้งๆที่เริ่มกินอาหารแล้ว เจมไม่โกรธเหรอที่อยู่ๆมินจะไปเป็นนักร้อง ผมตักข้าวเข้าปากอีกคำ โกรธเหรอ? โกรธทำไมล่ะครับ อนาคตมินนะ อย่ายึดติดกับเราเลย แต่มินแคร์เจมน่ะ ถ้าเจมบอกไม่มินก็....... อย่าเลยมิน ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ ผมกุมมือมิน แล้วอีกอย่างน่ะ ผมพูด อีกอย่างอะไรค่ะ มินถาม ก็ใช่ว่ามินจะผ่านซะหน่อย เขาพูดแค่จะ เองนี่ยังไม่บอกว่าได้ชัวร เจม.............. มินพูด ทำหน้าฉุนจัด ล้อเล่น ล้อเล่น โอ้ยอย่าตี มินเล่นผมซะอ่วมเลยครับ ผมหวังนะครับเนี่ย หวังจริงๆว่าคำว่า ดารานักร้อง จะไม่ทำให้ผมกับมินเปลี่ยนไป ผมอย่างจะยิ้ม หัวเราะไปกับมินแบบนี้ ตลอดไปจัง ................................... .................................. วันนี้เป็นวันที่มินจะไปคุยกับผู้จัดการของเธอ ผมต้องไปเป็นเพื่อน ไม่สิผมจำเป็นต้องไปต่างหาก ปล่อยมินไปคนเดียว คงทำให้ผมเป็นบ้าแน่ๆ ปากผมยิ้มแต่ใจผมนี่สิ ไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลย ผมขับรถไปรับมินที่บ้าน พ่อแม่มินไม่ยังด่า แปลกจริงๆ แม่มินบอกแค่ให้ผมดูแลเธอให้ดี ผมก็ได้แต่ครับๆ มินดูตื่นเต้น ไม่พูดไม่จามาตั่งแต่ตะกี้แล้ว เธอยิ้มให้ผม แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมเข้าใจ เธอคงตื่นเต้นล่ะมั้ง ผมชำเลืองตามองดูเธอ มินสวยนะครับ สวยมาก และดูจะ สวยเกินไปสำหรับผม ผมหันมามองตัวเอง ผมดีขนาดจะทำให้คนอย่างมินรักได้ไหมน่ะ ถ้าเธอเป็นดาราขึ้นมา เธอจะพอไหมกับผู้ชายคนนี้ ถอนหายใจครั้งที่ 12 นับตั่งแต่เมื่อคืน ไม่เครียดนะครับ แต่กังวลจัง ทำไมไม่รู้...... มินเอื้อมมือมาจับมือผม เธอดึงมันไปกอด แล้วก็หอมมือของผม เจม บางที่มินอาจไม่พร้อมสำหรับสิ่งที่มินกำลังจะทำ กลับเถอะเจม มินบอกผม กลับไปไหน ผมถาม ยังไม่ทันกับความคิดของมินเลย กลับบ้านไง มินไม่อยากไปแล้ว อ่าวเห้ย ผมตกใจหนัก หมายความว่าไง กลับบ้าน มินไม่อยากเป็นดาราแล้วเหรอ แล้วเจมอยากให้มินเป็นหรือเปล่าค่ะ เธอถามมองเข้ามาที่ตาผม ดีนะนี่ที่ผมขับเกียรออโต้ ไม่งั้นอาจรถคว่ำไปแล้วมั้ง ก็มินน่ารักขนาดนี้ แล้วอยู่ๆมาประสานตาหวานๆกับผม จับมืออีกตั่งหาก ทั้งๆที่ผมยังขับรถอยู่เลยครับ ถ้าบอกว่าอยากก็โกหก แต่เราไม่ขวางนะ ทำเถอะทำสิ่งที่คิดว่าดี ผมไม่ได้กลับรถ ยังคงอยู่ในเส้นทางเดิม เพื่อไปแคสหน้ากล้อง เรารู้จักมินดีนะ ดีพอที่จะรู้ว่านี่เป็นความฝันที่มินไข่วคว้ามานาน เราคงเป็นแฟนที่แย่มาก ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้ อย่าฝืนเลยมิน มันไม่ได้ทำให้เราดีใจหรอก ผมขับรถเข้าไปที่ตึกสำนักงาน จอดรถที่หน้าบริษท์ รอให้มินลงไป ไปเถอะมิน ไปทำในสิ่งที่อยากทำ ผมไม่ได้หันไปมองมิน เธอเปิดประตู ก้าวเท้าออกไป เธอยังไม่ปิดประตูยืนมองผม เจม เจมอยู่ดูมินได้หรือเปล่า เธอถาม ได้สิ สำหรับมินได้เสมอแหละ ผมพูดโดยไม่มองตาตอบ ผมไม่ได้โหดร้ายหรือโกรธไม่ว่าใครจะคิดยังไง ผมแค่ไม่อยากให้มินสบตาผมตอนนี้เท่านั้นเอง ผมกลัว กลัวว่าเธอจะอ่านใจผมออกว่าผม กังวลขนาดไหน ความรู้สึกเหมือนพ่อแม่ที่ส่งลูกเข้าโรงเรียนครั้งแรก รอนี่น่ะ ผมพูด ขับรถไปหาที่จอดรถ ปิดประตู เดินตรงไปหามิน แต่มินไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว..... ผมพยายามมองหา แต่ไม่เจอเลย ร้อนใจ อะไรบอกให้ไปด้วยแต่พอมากับไม่อยู่ เดินเข้าไปด้านในตึก กวาดสายตามอง เจอแล้วครับมิน มินคุยกะนักแสดงคนนึงอยู่ เขาดูดีนะครับ ก็เขาเป็นนายแบบนี่ หัวเราะกันคิกคักเชียว...... ความรู้สึกผมตอนนี้เหรอครับ ไม่รู้สิครับ ผมทั้งโกรธทั้งหึง น้อยใจแต่ก็ทำได้เพียงยิ้มล่ะมั้ง ผมเดินเข้าไปหามินที่กำลังคุยอย่างสนุกสนาน สบตาเธอ มินเดินมาหาผมแนะนำเสร็จสรรพ นี่แฟนมินค่ะ ก็ยังดีครับที่ผมยังมีคุณสมบัติอยู่ ผมก็ได้แต่จับมือกับนักแสดงคนนั้น แต่ไม่ได้ฟากฝังให้เขาดูแลมินให้ผม ทำไมเหรอครับ มันเป็นลางไม่ดีนะสิ ผมเงียบไปเลย ไม่รู้จะคุยอะไร พูดอะไรไม่ออก มินกับผมเดินไปตามทางเดินยาว ไปหยุดรอลิพฟ์ เจมเป็นอะไรค่ะ มินถามผม ผมคิดในใจไม่น่าถามเลยน่ะ ทำอะไรไว้ไม่รู้ตัวเหรอ ปล่าวไม่มีอะไร ผมส่ายหน้า เจมโกรธมินแน่เลยเนี่ย ขอโทษน้า น่ะค่ะ ต่ะกี้เจอนักแสดงรุ่นพี่มินเลยลืมตัว รีบไปทักเขา ไม่ได้ตั้งใจจริงๆไม่ค่อยได้เจออะค่ะ มินปลื้มเขาเหรอ ผมพูดลอยๆ อืมปลื้มสิเจม คำพูดนี้ของมินทำผมแทบช็อค มันแรงนะครับกับความรู้สึกของผม ผมเข้าใจครับผมเขาใจว่ามันเป็นการปลื้มแบบดารา ผมคงไม่หวง หรือกังวลหรอกครับถ้ามินจะไม่ได้มาเป็นดารา นักแสดงกับคนธรรมดา เป็นไปได้ยากครับ แต่นักแสดงกับนักแสดงนี้สิ...... ประตูลิพฟ์เปิดออก ผมกับมินก้าวเข้าไปในลิพฟ์ แต่ปลื้มแบบนักแสดงรุ่นพี่นะเจม ไม่มีอะไรหรอก เชื่อมินสิค่ะ ผมพยักหน้ารับรู้ ผมกับมินยืนในลิพฟ์ มองดูเลขที่เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ ระยะเลขที่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นราวกับระยะห่างของผมกับมิน.... ผมเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้เชียวเหรอผมถามตัวเอง ตอนนี้ผมไม่อยากให้มินเป็นดาราเสียแล้ว ......................................... ....................................... ผมเริ่มเสียใจแล้วสิ ตอนนั้นผมน่าจะเลี้ยวรถกลับ ผมไม่รู้ว่าผมเลือกทางเดินให้มินถูกหรือเปล่า ถึงห้องผู้จัดการ มินเดินเข้าไปลำพังแล้วครับ เหลือแต่ผมมั้งที่นั่งอยู่คนเดียวด้านนอก ตามองนาฟิกา ตู้น้ำ คนผ่านไปมา แต่ละคนดูดีทั้งนั้น ตูมาทำไมเนี่ย ผมคิด กว่ามินจะออกมาประมาณชั่วโมงได้มั้ง.. เซงครับเดินไปหยอดตู้น้ำ.. มีผู้หญิงคนนึงเธอหยอดน้ำอยู่ก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะมีเหรียญไม่พอ..... ผมถือวิสาสะดูช่องจำนวณเงิน ขาดไปแค่1บาทเท่านั้นเอง ผมเลยหยอดให้เธอ เธอมองหน้าผม ว้ายไม่เป็นไรค่ะ เธอพูด ไม่เป็นไรเหมือนกันครับนิดหน่อย ผมบอก เธอก้มหัวให้ผม แล้วกดน้ำ โถ่กะอีแค่บาทเดียว ไม่เห็นต้องมารยาทดีขนาดนี้เลยเล่นเอาผมเขิน แต่ดูเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งครับ ผมหยอดเหรียญบาทสุดท้ายให้เธอโดยตัวผมไม่ได้ดูเล้ยว่า ผมเองก็ขาดไปบาทนึงเหมือนกัน ผมฟรอม์ไม่กินน้ำยิ้มให้เธอ ลงลิพฟ์ไปแลกเหรียญ เวรกรรมชิวิตจริงๆ ผมลงลิพฟ์ก็คิดเรื่อยเปื่อย ถ้ามินไม่ผ่านก็คงจะดีล่ะมั้ง ใจนึงผมคิดแบบนั้น แต่อีกใจก็หวังให้มินทำในสิ่งที่มินรัก แต่ถ้ามินได้เป็นดาราตอนนั้นจะทำไง ถ้ามินเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิม ผมคงได้แต่.... เชื่อใจล่ะมั้ง เดินหาคนแลกตัง กะอีแค่แตกเศษร้อยเดียวทำไมมันลำบากขนาดนี้น่ะ คนนู้นก็ไม่มี คนนั้นก็มีไม่ถึง หงุดหงิด ไม่กินมันแล้วครับถือว่าไม่มีบุญพอ เก็บเงินเข้ากระเป๋าเดินกลับไปที่ลิพฟ์ กดรอครับ บริษท์ออกใหญ่ทำไมไม่มีคนบริการน้ำเลย -_- หรือเราดีไม่พอหว่า ลิพฟ์เปิดออก เธอคนนั้นยืนอยู่ในลิพฟ์ คนไหนเหรอครับ ก็คนที่ผมหยอดน้ำให้กินไปไง ผมไม่พูดอะไรเอามือล้วงกระเป๋าเดินเข้าลิพฟ์ไป แปลกเธอคนนั้นไม่ยอมออกมาครับ ผมหันไปมอง เธอยืนนิ่ง แล้วประตูก็ปิด..... ผมกดชั้นที่จะไป มองดูเธอเธอคงรู้มั้งว่าผมมองอยู่เห็นเธออายๆ ได้กินน้ำหรือยังค่ะ เธอพูดขึ้น ผมหันมองซ้ายมองขวา มีเราคนเดียวในลิพฟ์นี่หว่า ผมชี้ตัวเอง..... คุยกับผมเหรอครับ เธอยิ้ม ค่ะ ไม่คุยกะคุณจะใครกะใครล่ะค่ะ เธอหันมองซ้ายขวาเลียนแบบผม หรือมีคนอื่นอีก ผมเกาหัว แหะแหะ เอาตรงๆก็ยังเลยครับผมหาแลกเหรียญไม่ได้ โหสุภาพบรุษจังค่ะ เอาเหรียญสุดท้ายให้เราเหรอค่ะ เธอพูด โถ่ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ..... ผมรีบปฎิเสธ ผมโง่ละมั้งครับ เลยไม่ทันสังเกตว่านั้นเป็นเหรียญสุดท้ายที่ผมมี เธอก็นิ่งไปครับ ................. ................. เอางี้ล่ะกันเดี้ยวฉันขอเลี้ยงน้ำคุณคืนได้ไหมค่ะ เธอถาม โหไม่ต้องหรอกครับ แค่บาทเดียว........แล้วผมก็ไม่ชอบให้ผู้หญิงเลี้ยงด้วย ผมบอก ไม่ได้จริงๆเหรอค่ะ เธอทำหน้าเศร้าๆ เราไม่สบายใจเลย...... ยิ่งทำให้ผมคิดหนัก อะไรกับผมนักหน้าเนี่ย –“- ผมคิด กะอีแค่กินน้ำ ผมยังต้องมานั่งปรับความรู้สึกของผมกับเธอคนนี้ด้วยเหรอ คนที่ผมเพิ่งรู้จักกันในลิพฟ์เนี่ยน่ะ ลิพฟเปิดออกแล้วครับ ผมไม่กล้าก้าวออกจากลิพฟ์ ถ้าผมเดินออกไป........ ก็เหมือนผมหักหน้าเธอ เธออาจแค่อยากเลี้ยงน้ำผมจริงๆก็ได้ แต่ถ้าผมไม่ออกไป เดี้ยวมินออกมาไม่เจออาจโกรธ แล้วถ้ามินรู้ว่าผมไปกินน้ำกับผู้หญิงคนอื่นมันก็คงดูไม่ดี ผมกดช่องเปิดประตูให้ค้างไว้ สมองส่วนนึงบอกให้เก้าออกไป ยังไงก็คงไม่พบเธออีก แต่อีกด้านนึงนี่สิครับ ผมไม่อยากทำตัวอยู่ในระเบียบเกินไป ผมน่าจะเปิดใจให้กับเพื่อนใหม่ๆบ้าง ผมหันไปมองเธอ หน้าเธอดูไร้เดียงสาดีครับ ผมคงไม่ได้โดนหรอกไปมอมยาแน่ๆ เอาไงดีหว่า ผมถามตัวเองในใจ แล้วในที่สุดครับ ผมก็ก้าวขาเข้ามาในลิพฟ์ พิงประตู ได้แต่ถามเธอไปว่า ไปกินน้ำที่ชั้นไหนครับ............ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอหัวเราะดังคิกครับ เง็งจัด.............0_Oหัวเราะทำไมอะครับ เคืองนะนี่ ก็แค่ไปกินน้ำ คิดเสียหนักเชียวกลัวใครมาเห็นเหรอค่ะ ครับ กลัวสิครับ ผมก้มหน้าเกาจมูกเล็กๆ เธอกดลิพฟ์ลงไปชั้นล่างสุด กลัวใครค่ะเธอชำเลืองมองผม อ้อแฟนแน่ๆเลย เธอแซว ครับแฟน.........ผมตอบ เหรอมีแฟนแล้วเหรอแย่จัง เธอพูด อะไรน่ะครับ ผมถามไม่ค่อยเชื่อใจหูตัวเอง เปล่าค่ะปล่าวไม่มีอะไร แล้วเธอก็ยืนพิงลิพฟ์ ผมหวังนะครับ หวังว่าที่ผมฟังจะฟังผิด ประตูลิพฟ์ค่อยๆเปิดออก เสียงมันดังครืนเบาๆ เหมือนกับประตูนรกที่เปิดรับผมเลยครับ-_-“ เธอเดินนำ ก็แน่ล่ะครับผมเคยมาแถวนี้เลยนี่ แฟนจะเป็นดาราเหรอ เธอจูงผมเดินออกมาข้างนอก อืม มีคนติดต่อเขาน่ะ เหรอ แฟนนายต้องสวยแน่เลย เอ้าไปร้านตรงนั้นกัน เธอชี้ ร้านที่เธอชี้ให้ผมดูเป็นร้านกาแฟที่ดูสบายๆ กระจกใส ด้านในดูสะอาด ผมว่าแล้วว่าเธอต้องเคยชินกับที่นี่ดี รู้เรื่องที่นี่ดีจังนะครับ ทำงานที่นี่เหรอ ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูให้เธอ ไม่ได้ทำงานเราเพิ่งจะ 17 เองเธอบอก ก้มหัวให้ผมเล็กๆเดินเข้าประตูไป กี่ที่ค่ะ บริกรเดินเข้ามาถาม ร้านกาแฟที่นี่ ทั้งสถานที่และบริการผมว่า ok เลยล่ะ เธอชู้นิ้วให้พนักงานดู สองนิ้ว เป็นอันเข้าใจกันล่ะมั้ง เธอพาผมเดินไปนั่งโต้ะริมในสุด พนักงานเอาเมนูมาให้ สั่งสิค่ะ เธอหยิบเมนูยื่นให้ผม ผมเปิดผ่านๆดูไม่หิวครับเลยสั่งน้ำชาดำเย็นมาแก้วนึง แล้วผมก็มองหน้าคนที่มากับผม มองแบบไม่ให้เธอรู้ตัวครับเดี้ยวจะซวยได้ เธอบอกว่าเธอ 17 ถ้าหน้าเธอไม่ใส ออกชมพู ชมพูแล้วล่ะก็ ผมว่าเธอน่าจะ24นะครับ ดูเธอเป็นผู้ใหญ่ทีเดียว มองอะไรค่ะ เธอถาม เล่นเอาผมสะดุ้ง ผมว่าผมมองแบบไม่ให้รู้ตัวแล้วเชียวน่ะ ผมยิ้มๆ ปล่าวไม่มีอะไร ต้องมีสิเธอบอก ไม่บอกจะเสียว่าเสียมารยาทมากเลยน่ะค่ะ เอาแล้วครับ ผู้หญิงเหมือนกันทั้งโลกหรือเปล่าเนี่ย เอาแต่ใจกันจัง.....-_- ผมก็แค่ว่าคุณน่ารักดี โอ้เชื่อไหมครับว่าหน้าของคนเราสามารถเปลี่ยนเป็นสีชมพูได้ แล้วผมก็ว่าผมแค่แซวเล่นๆแค่นั้นน่ะครับ แต่ดูเธอจะดีใจมากเลย เราก็ว่า...... ขอโทษค่ะ อาหารที่สั่งได้แล้ว เสียงบริกรขัดจังหวะเอาอาหารมาเสริฟบนโต้ะ ดีแล้วล่ะครับ ถ้าบริกรมาไม่ทันเวลา ผมอาจได้ยินบางคำที่ผมต้องลำบากใจอีกก็ได้ ผมดื่มชาดำเย็นไปเรื่อยๆ ดูเธอที่กำลังหม่ำแซนวิส ผมว่าน่ะ แซนวิสมันก็อันนิดเดี้ยวเอง แต่เธอค่อยๆเล็ม ยังกับว่ามันกินยากยังไงก็ไม่รู้ กินอย่างนั้นจะอร่อยเหรอคร้าบ-_-||| นี่ นี่ จะไม่ถามอะไรเราหน่อยเหรอ เธอพูด ครับ ครับ อืม....... ถามอะไรดีล่ะครับ เธอมองดูผมแบบแปลกๆ ใจคอแค่ชื่อเราไม่อยากจะรู้เหรอค่ะ อ้อ ครับๆโทษที เห็นคุณเงียบแล้วก็ไม่นึกว่าจะมีโอกาศมานั่งคุยกันถึงขนาดนี้ เอาล่ะครับ ชื่ออะไรครับ แย่จัง เธอบอก เล่นเอาผมงง ทำไมครับอะไรแย่ มารยาทน่ะค่ะเวลาผู้ชายถามชื่อผู้หญิง ต้องบอกชื่อตัวเองก่อน เธอพูดราวกับผมทำอะไรผิดอย่างนั้นแหละ กรรม-_- ผู้หญิงเข้าใจยาก ไม่จริงหรอกครับเข้าใจไม่ได้เลยตั่งหาก ผมชื่อเจม ส่วนคุณ..... กิฟค่ะ กิฟที่แปลว่าของขวัญนะค่ะไม่ใช่ที่หนีบผม ครับ-_-“(โอ โอ อยากรู้เจงๆเลยให้ตาย) เจม เธอทำลายความเงียบอีกครั้งด้วยจังหวะที่ทำให้ผมไม่มีโอกาศลุก(หนี) เจมแฟนเจมสวยไหม เธอถามผม อะไรเนี่ย..........จู่ๆมาถามถึงแฟนผมไปทำไม ก็สวยครับ น่ารักนิดหน่อย เหรอสวยมากเหรอ เธอเสยผม สู้เราได้หรือเปล่า ส่งตาหวานมาที่ผม (สู้ได้สิ สู้ได้สบายเลย แค่นิสัยก็กินขาดแล้ว)ผมตะโกนในใจ ส่วนด้านนอกก็ยิ้มครับ สมองพยายามหาเหตุผมตามมารยาทที่จะทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด คุณก็น่ารักน่ะครับ ผมตอบ แต่ คนล่ะแบบกับแฟนผม เอามาเทียบกันไม่ได้หรอกครับ เหรอค่ะ เธอยิ้ม เห้อ โล่งอกเลยครับดีใจที่เธอตามมุขผมไม่ทัน(ว่าเฉไฉไปเรื่อยๆ) ผมเบื่อนิสัยตัวเองตรงนี้แหล่ะ ทำไมต้องใจดี ทำไมถึงไม่กล้าด่าใครไปตรงๆ เลยตกลงไปในปัญหาทุกที ตอนนี้ผมสับสน แยกไม่ออกว่าผู้หญิงแบบกิฟ คนที่ผมเพิ่งเจอเนี่ยเป็นแบบไหน รับมือไม่ถูกจริงๆครับ.....>_< เธอเรียบร้อย ขี้อาย กล้า หรือเอาแต่ใจกันแน่.... เจมค่ะ เธอเรียกผม ครับ (อะไรอีกเนี่ย-_-)ผมคิด เราอยากรู้จักเจมมากกว่านี้เธอบอก (แต่ผมไม่อยากนิ) ................................................ ขอเบอร์เจมได้ไหมค่ะ (ก็ไม่อยากให้นี่) ............................................... จะบอกว่าไม่ให้โว้ยจะผิดไหมครับ... เอ่อ...................ไม่ดีมั้งครับเดี้ยวแฟนผมจะด่า ผมตอบไปอย่างสุภาพ ไม่เห็นเป็นไรเลย เจมจะมีเพื่อนผู้หญิงสักคนไม่ได้เหรอค่ะ เธอเซ้าซี้ เอ่อ............................ แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เหมือนสวรรค์ช่วยครับผมรีบรับโทรศัพท์ ขอโทษน่ะเดี้ยวเรามาผมบอก ลุกออกมาจากโต้ะหลบมุม แต่พอผมดูชื่อก็เล่นเอาน่าซีดเลยครับ จะใครซะอีกล่ะครับ มินโทรมาตามแล้ว เหงื่อแตกโดนอัติโนมัติ กดรับสาย เจมเจมอยู่ไหน ทำไมไม่รอมินเลยแย่จัง มินบ่นแวดๆทันทีเลยครับ โถ่มิน...... เจมก็แค่หิวน้ำมาดื่มน้ำไม่ได้เหรอครับ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่มินรอนานแล้วรู้ไหมค่ะเนี่ย 20 นาทีได้แล้วมั้ง ดื่มน้ำที่ไหนค่ะทำไมนานจัง มินถามผม เอ่อ........(เริ่มคิดหาเหตุผลแก้ตัว) ปล่าวจ้ะ คือพอดีเจมไม่มีเศษตังน่ะเลยแวะมาดื่มที่ร้านกาแฟ (เก่งไหมครับเหตุผลผม)^_^ เหรอค่ะ แล้วนี่เจมไปคนเดียวเลยเหรอ เอาแล้วผม นี่เขาเรียกว่าซิกเซนท์หรือเปล่าครับ อืมเรามาคนเดียว จะให้ผมตอบยังไงได้ละครับไม่งั้นคงโลกแตก จริงเหรอ มินถามย้ำ จริงสิมินโถ่จะโกหกไปทำไม ไม่รู้สิมินรู้สึกสังหรณ์ยังไงไม่รู้รีบกลับมาน่ะค่ะ อืมๆจ้าไปเดี้ยวนี้แหละ แล้วผมก็วางสายไป ผมว่ามินน่าจะไปเป็นหมอดู นี่หรือเปล่าครับที่ว่าผู้หญิงทายแม่น ผมกลับมาที่โต้ะ กิฟเธอเช้คบิลไปแล้ว อ่าวเช็คบิลแล้วเหรอครับ ผมถาม กิฟพยักหน้า ก็ใครบางคนแฟนตามไม่เช็คได้ไงค่ะ อ่าว.....รู้ได้ไง เล่นเอาผมงง ก็ใครซะอีกล่ะค่ะที่จะโทรมาเวลานี้ แถมลุกไปรับที่อื่นก็รู้แล้ว -_-โอ แม่จ๋าผมเริ่มกลัวผู้หญิงแล้วสิเนี่ย แม่นกันจริงยังกะหมอดู เอ่อค่ากาแฟเท่าไหร่ครับ ผมถาม ไม่ต้องค่ะ เราบอกแล้วว่าจะเลี้ยง ไปเถอะค่ะ เธอยิ้มให้ผม ขอบคุณครับ ผมพูดๆได้แค่นี้จริงๆ รีบเดินออกมานอกร้าน มินรออยู่เดี้ยวผมจะซวย ไม่มีเวลามัวไปส่งเธอหรอกครับ วิ่งกลับไปที่บริษ์ขึ้นไปหามิน พอลิพฟ์เปิดออก มินนั่งอยู่ครับ ก็เหมือนทุกที มินยิ้มให้ผม แต่ผมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้สิ เทสเป็นไงมั่ง ผมถาม ก็ดีมินตอบ เธอลุกขึ้น กลับเถอะเดีย้วจะเล่าเรื่องเทสให้ฟังน่ะ แล้วผมก็ลงมาที่เดิมพากันเดินไปที่จอดรถ เจมเดี้ยว เธอมองไปที่ร้านกาแฟที่ผมเพิ่งเข้าไป มินหิวอะค่ะไปหาอะไรกินกันก่อนนะ กรรมแล้ว ผมคิด เอ่อนั่นร้านกาแฟน่ะมีแต่ของกินจุกจิกไม่มีอาหารหรอกมิน ไม่น่ะมินเห็นภาพที่เขาแปะโชว ไปเถอะค่ะ เอ่อมินเดี้ยวๆ ผมพยายามห้าม แต่ช้าไปแล้วครับ มินเดินไปแล้ว ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับถ้าไม่ตาม..... เดินตามมินไปสวดขอพรพระเจ้าไปตลอดทาง โอ้พระเจ้าขอให้กิฟอย่าอยู่ในร้านเลย มินเดินไปเปิดประตูเข้าไปในร้าน ผมก้าวตามไปติดๆมองดูรอบๆ โล่งอกครับกิฟไม่อยู่แล้ว ค่อยนั่งอย่างสบายใจหน่อย ผมเลยพากันไปนั่งโต้ะริมในถัดจากที่นั่งเก่า มินสั่งอาหารแล้วครับ ดูถ้าวันนี้มินจะหิวแล้ว ผมสั่งแค่น้ำอีกตามเคย เอ่อเจมตะกี้น่ะ...... มินเริ่มเล่าเรื่อง มันคงจะสนุกแน่ๆครับถ้า ผมไม่เห็นกิฟ เดินออกมาจากห้องน้ำ ซวยแล้ว ซวยโคตรๆ กิฟเห็นผมแล้วด้วยครับเธอยิ้มเดินมาที่โต้ะผม ไงเจม ยังไม่กลับอีกเหรอค่ะ กิฟถามผม ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไปให้ โอ้ชิวิตตายแน่ครับ มินมองผม สายตายังกะจะถามว่าใครเหรอเจม ก่อนที่มินถามผมต้องแนะนำเสียก่อนจริงไหมครับ เอ่อมิน นี่กิฟเพื่อนเราน่ะ...... ส่วนนี่แฟนเราไงกิฟ ที่พูดให้ฟังบ่อยๆ ผมชี้ไปที่มิน มินกะกิฟยิ้มให้กัน เหรอ เจมไม่เคยบอกหนิว่ามีแฟน เอาแล้วครับยายกิฟหาเรื่องให้ผม เร็วเท่าใจคิดครับเจอหยิกใต้โต้ะT_Tเจ็บอ้า มินไม่หยิกเปล่าครับยังค้างอยู่แบบนั้น(ทรมาน) แล้วไหงมีแฟนแล้วมาขอเบอรเราล่ะค่ะ กิฟยิ่งใส่ไฟ มินยิ่งหยิกแรงขึ้นมีจิกแล้ว-_-+ แล้วตะกี้เพิ่งจะมาดื่มกาแฟกะเราที่นี่ร้ายนะค่ะนี่ คิก คิก ใครเป็นแฟนปวดหัวตายเลยเนี่ย โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เจ็บครับแทบดิ้น มินอย่าเจมเนื้อเขียวแล้ว ผมฝืนยิ้ม กิฟอย่าล้อเล่นแบบนี่สิแฟนเราเขาจริงจังอ่า เหรอค่ะ แต่กิฟเห็นเขาก็ยังยิ้มนี่ กิฟหันไปยิ้มกับมิน ใช่สิครับมินยิ้ม แต่หยิกใต้โต้ะ ผมนี่สิลำบากสุดอยากร้องไห้อ่า เจม..................ไหนบอกมาดื่มกาแฟคนเดียวไงค่ะมินถาม เสียงหวานแต่สยองถึงข้างใน -_- เจอยิงคำถามนี้เล่นเอาจุกพูดไม่ออก เอ่อมินเดี้ยวสิฟังก่อน-_- ค่ะฟังแน่ฟังให้มันรู้แจ้งไปเลย ครั้งนี้มินไม่ได้หนีครับแต่อยู่ฟัง ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย เราก็แค่ไม่อยากให้มินไม่สบายใจ ผมบอก ก็เลยโกหกเหรอค่ะ โถ่มิน เรากลัวมินโกรธนี่ ถ้าเจมบอกความจริงกับมินน่ะ มินจ่ะไม่โกรธเลยค่ะ แต่นี่ดูเจมทำสิ มินเข้าใจหรอกว่าผู้ชายต้องมีเจ้าชู้บ้าง แต่มินไม่เข้าใจวว่าทำไมเจมต้องโกหก ผมเงียบเลย ทำอะไรไม่ถูก เวรกรรมชิวิต มินโกรธจริงๆเหรอนี่ มินดึงมือออกจากขาผม นั่งกอดอกไม่สนใจอะไรแล้ว นี่ล่ะครับท่าถนัดเธอตอนงอน ไม่งอนธรรมดาครับต้องงอนเต็มร้อยจริงๆถึงจะทำท่านี้ มินเจมขอโทษ ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอ ไม่ต้องมาจับ มินชักมือออก เล่นเอาผมซีดไปเลย เดี้ยว เดี้ยวโกรธกันจริงเหรอนี่ กิฟพูด เราล้อเล่นน่ะอย่าจริงจังสิ มินยิ้มให้กิฟครับ กวักมือเรียกผมไปกระซิบ ผมยื่นหูให้มินรอฟัง สงสัยครับว่ามินจะบอกอะไรผมกันแน่ ไม่เชื่อหรอก...... มินบอก ผมหันไปทางกิฟส่งสายตาแบบว่าช่วยผมด้วย แต่ดูเหมือนจะไปไม่ถึง เธอเมินครับเธอเมิน แล้วมือถือของกิฟก็ดังขึ้น อ้อ ค่ะ....ค่ะ ไปเดี้ยวนี้ล่ะค่ะ กิฟคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ เธอวางโทรศัพท์แล้วหันมาทางผมกับมิน ติดธุระน่ะไปก่อนน่ะบ้าย บาย แล้วเธอก็รีบเดินออกจากร้านไป เอ้อ ให้ได้หยั่งงี้สิให้ตาย มาก่อเชื้อไฟทิ้งไว้แล้วหนีไปเฉยเลย ผมมองตามหลังกิฟ เพี้ย.....เจอมินตบ โอ้ย....ผมกุมแก้ม อ่าวมินตบเราทำไมเนี่ย เชอะไม่รู้หรอกมินงอน เอามือกอดอกหันไปอีกทางนึง โอ๋ๆ เจมขอโทษน่ะ เจมไม่ได้สนใจคนนั้นเลยจริงๆ ไม่ต้องเลย ขนาดเขาไปยังมองตามเลยเนี่ย โถ่มันไม่ใช่หยั่งงั้นเอ้า เอ้านี่เจมป้อน ผมหยิบอาหารจากจานที่เขามาเสริฟให้มิน ไม่ต้องเลยไม่กินแล้ว มินทำหน้าบูด ผมรู้ครับผมรู้ มินไม่ได้โกรธจริงหรอก มินเป็นผู้หญิงที่เข้าใจอะไรอะไรได้ดีกว่านั้น เธอแค่อยากให้ผมง้อเท่านั้นแหละ ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากง้อ หลังจากง้ออยู่กว่า20นาที มินก็ยิ้มออกร่าเริงเหมือนเดิม ผมค่อยสบายใจหน่อยครับ ไม่ชอบเลยเวลามินหน้าบึ้ง เจม มินเรียกผมตอนอยู่บนรถแล้ว อะไรจ้ะ ผมตอบ ครั้งนี้มินจะยกโทษให้สักครั้ง(ขอหลายๆครั้งได้ป่าว^^) อย่าให้มีอีกน่ะ มินบอกผม อืมๆ เราสัญญา ผมรีบรับปาก ไม่อยากไปแก้ตัวให้เรื่องยืดกว่านี้ ดีมากค่ะ แล้วมินก็ยื่นมือมาให้ผม เรากุมมือกันไปตลอดทาง จริงสิ เรายังไม่บอกเลยว่าไปเทสมาเป็นยังไง มินบอก มินผ่านแหละเจม แล้วมินก็กำลังจะมีอัลบั้มด้วย ผมอึ้งไปเลยครับ ผมคิดว่ามินน่าจะผ่าน แต่ไม่คิดว่ามินจะผ่านจริงๆ เมื่อไหร่ล่ะมิน ที่เทปจะออก…. ไม่รู้สิ มินปรับระดับเบาะ เอนหลังผิงพนักรถ แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้มินก็จะต้องซ้อมหนักแล้ว เหรอ….ผมพูดได้แค่นั้น เจมจะอยู่ข้างๆมินใช่ไหมมินถาม ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้ม แล้วส่งมินกลับบ้าน เดือนนึงผ่านไปแล้ว กับสถานการณ์ที่ครุมเครือเหลือเกิน จะพูดว่าไงดี จะบอกว่ามินยุ่งก็ได้มั้ง เราแทบไม่เจอกันเลยเดือนนี้ที่ผ่านมาเจอกันสามครั้งได้มั้ง ผมจำได้ว่าเคยไปรับเขากลับบ้านครั้งเดียว ไปกินข้าวกันหนึ่งครั้ง และก็ครั้งนี้ที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอหรือเปล่า ผมจอดรถรอมินด้านนอกมากว่า30นาทีแล้ว มินนัดผม1 ทุ่มที่หน้าบริษท์ แต่นี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว ผมยังไม่เจอมินแม้แต่เงา บุหรี่หมดไปหลายตัวผมรู้ครับผมรู้ว่ามินไม่ชอบ แต่ผมคงอกแตกตายแน่ๆท่าไม่มีมัน โทรศัพท์ครั้งที่ 16 เหมือนเดิม โทรติดแต่ไม่มีคนรับ มินไม่อยู่ที่โทรศัพท์ หรือเธอจงใจไม่รับกันแน่ ถ้าxxxร้ายที่สุด มินอาจลืมไปแล้วมั้งว่านัดผมคนนี้ "แฟนของเธอ" คนนึง ผมคิดที่จะเดินเข้าไปในบริษท์หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เข้าไป ผมกลัวคนอื่นจะมองมินไม่ดี แล้วผมก็อาจดูเหมือนเป็นผู้ชายชอบตื้อ ตาผมมองไปที่ประตูหวังแค่ว่าจะเห็นมินเดินออกมาซักที สมองผมก็เริ่มคิดไปเรื่อย เวลาไม่มี ห่างเหิน เหงา มีแฟนก็เหมือนไม่มี ความคิดต่างๆเริ่มรุมล้อมผม ใช่เราคุยโทรศัพท์กันทุกวัน แต่ก็ต้องเป็นหลังสี่ทุ่มกว่ามินจะว่างรับสาย ทำไมต้องกำหนดเวลาผมไม่เข้าใจเลย แฟนกันทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย แต่มินก็พยายามบอกผมนะว่าเธอซ้อมเหนื่อยซ้อมหนัก ปากผมก็บอกว่าเข้าใจ แต่ใจผมนี่สิทรมานเหลือเกิน คุยกันไม่ได้เกิน30นาทีมินก็เริ่มง่วงแล้วครับ ก็ต้องวาง ผมฝืนคุยไม่ได้หรอกเพราะบางทีมินก็หลับคาโทรศัพท์ ผมสงสารมินนะครับ แต่ผมก็สงสารตัวเองด้วย ความรู้สึกผมเหมือนกับไม่พอ มินห่างไปครับ ห่างไปมาก นั่นคงเป็นสาเหตุให้ผมไม่ค่อยพอใจ เราเจอกันสองครั้งในรอบเดือน ไม่เคยจะประสบความสำเร็จเลยผมเงียบ มินก็เงียบตาม กลายเป็นว่ากร่อยไม่สนุกไม่มีวามสุขเหมือนเคย เราไม่ได้อยู่กันนานเหมือนก่อน ขนาดวันนี้มินยังไม่ค่อยอยากให้ผมมารับเลยครับ เธอบอกผมคอยนานจะหงุดหงิดเปล่าๆ "รอได้ นานแค่ไหนก็จะรอ" คำพูดของผู้ชายปากดี หลุดออกไป ผมตั้งใจว่าจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด แต่แค่เริ่มต้นผมก็ทำไม่ได้แล้ว ผมเริ่มโกรธหงุดหงิด ทำไมมินไม่มาตามนัดน่ะ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา เลิกดีไหม ผมถามตัวเอง ไม่!สมองผมตอบในทันที ผมรักมิน ผมไม่ทิ้งมินแน่ แต่ถ้ามินไม่รักผมล่ะ? คำถามนี้เล่นเอาผมตัวเย็นเฉียบ ใช่!ถ้ามินไม่รักผม ผมมีอะไรดีพอที่จะทำให้ในรักหรือเปล่า ถอนหายใจ ไม่อยากคิดมาก ยิ่งคิด น้ำตาก็จะไหล แล้วผมก็เห็นครับ เห็นมินเดินออกมาจากบริษท์ พร้อมกับ ผู้ชายคนนึง ความรู้สึกดีใจ กับ ความสับสนตีกัน ดีใจที่เห็นมิน แต่สับสนกับคนที่เดินมาส่งเธอ หนุ่มหล่อ หน้าตาดี น่าจะเป็นดาราในสังกัด เขาเดินออกมาส่งมินที่รถผมเปิดหน้าต่างออกดูหน้าของทั้งคู่ให้ชัดๆ เวรจริง นายบ้าคนนั้นหล่อกว่าผมสองเท่าได้ ดูดี ดูดีขนาดที่ผทอยากขับรถหนีออกจากตรงนี้ไปให้พ้นๆ คนคนนั้นเปิดประตูรถให้มิน เจม หวัดดี มินทักทายผม(แค่นั้นเองเหรอ) ผมได้แต่ยิ้มตอบ พูดอะไรไม่ออก เครียดมาก มันเป็นใครมาเปิดประตูให้แฟรคนอื่นแบบนี้ ขอบคุณค่ะ มินหันไปบอกคนคนนั้น อกแทบระเบิด นายนั้นต้องหลงมินชัวร์ ไม่มีผู้ชายคนไหนใจดี ขนาดเดินมาส่งเทคแคร์ผู้หญิงที่ไม่ได้ชอบขนาดนี้หรอก นายคนนั้นยิ้มให้ผมยกมือไหว้ ผมได้แต่พยักหน้ารับ ดูแลมินให้ผมด้วยนะครับพี่ มันพูด ผมกำพวงมาลัยแน่น พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ฆ่าไอ้บ้านี่ ไปไกลๆ แฟนกรู กรูดูแลเองได้ ผมคิดในใจ แล้วไอ้บ้านั่นก็ปิดประตู ผมรีบเหยียบคันเร่งออกจากตรงนั้น มินยิ้มใหญ่ ยิ้มทำไม เธอยิ้มเพระาผม หรือเพราะคนคนนั้นกันแน่ ผมแยกไม่ออกเลยจริงๆ รอนานไหม มินถาม ไม่นานหรอกมิน นานแค่ไหนก็รอได้ ผมตอบ เดี้ยวเราไปกินข้าวที่ไหนดี ผมถาม เอ่อ……. มินกินแล้วค่ะ มินบอกผม กลับบ้านกันเถอะเจม มินเหนื่อย อะไรกัน ผมรอมินตั้งนาน เพื่อขับรถไปส่งเธอที่บ้านเนี่ยน่ะ ข้างก็ยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด ผมรอมินน่ะจะได้กินด้วยกัน ผมตะโกนในใจ เรายังไม่กินข้าวเลยมิน ไปกินเป็นเพื่อนเราได้ไหม ผมพยายามอดกลั้นตัวเอง ไม่ได้หรอกเจม ดึกแล้วนะค่ะ เจมไปส่งมินก่อนได้ไหม แล้วเจมค่อยไปกิน มินมีงานอีก เธอทำหน้าไม่พอใจ งานอะไร?งานมันสำคัญกว่าเราเหรอผมพูด มินไม่หิวหรือมินไม่อยากไปกับเรากันแน่ เจมทำไมพูดแบบนี้ มินเหนื่อยเข้าใจบ้างสิ เจมก็เหนื่อย แต่เจมก็ยังมารับมินน่ะ เรียนหนักเหมือนกันผมบอก เหนื่อยแล้วมาทำไมล่ะ ทำไมไม่นอนอยู่บ้าน มินพูด ก็เราอยากเจอมินไง รู้ไหมว่าเราห่างกันมากเลยระยะนี้ ผมเริ่มเสียงดัง จะให้ทำยังไงล่ะ มินต้องซ้อมนี่ เจมเข้าใจบ้างสิ มินโวย กะอีแค่ครึ่งชั่วโมง ให้เราไม่ได้ใช่ไหม ทีกับผู้ชายคนนั้น ยังให้ได้เลย ผมพูดรู้สึกเหมือนกับจะร้องไห้ มินเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิม ไม่ใช่มินที่ผมรู้จัก มินเงียบผมก็เงียบ ได้แต่ขับรถตรงไปบ้านมิน ข้าวอะไรไม่กินมันแล้ว ผมจอดรถหน้าบ้าน….. ………………………. อย่างน้อยเขาก็ไม่งี่เง่า รู้อะไรดีกว่าบางคน มินพูดแค่นั้นแล้วเดินลงรถไป ผมได้แต่มองตาม ไม่มีคำหวาน คำลาเหมือนเดิม ผมขับรถออกจากตรงนั้น คิดในใจ วันนี้ ผมไม่น่ามาที่นี่เลย ผมทำอะไรผิดผมถามตัวเอง ผมหรือมินกันแน่ที่เปลี่ยนไป สิ่งที่ผมกลัวกำลังจะเป็นจริงเหรอ มินจะเลิกกับผม ผมจะไม่มีมินแล้วใช่ไหม จอดรถที่สะพานสูงแห่งหนึ่ง รถวิ่งควักไข่ว หยิบบุหรี่กับมือถือเดินออกมารับลม เพียงก้าวแรกที่เปิดประตูสัมผัสอากาศก็รู้สึกได้ว่าเริ่มหนาวแล้ว ผมจุดบุหรี่สูดเข้าไปเฮือกใหญ่ ผมควรทำยังไงดีผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ เพื่อนๆยังไม่มีใครรู้ ผมควรปรึกษาใครดี เร็วเท่าที่ใจคิดผมกดเบอรวาวา ที่ผมเลือกวาวาเพราะเธอเป็นคนฉลาด แล้วก็น่าจะเข้าใจจิตใจผู้หญิงด้วยกันดีที่สุด แล้วอีกเหตุผล ผมคงอยากคุยกะคนที่ห่วงผมสักคนมั้ง เสียงโทรศัพท์ดังไม่ถึงสองทีวาวาก็มารับสาย ว่าไงเจม เธอพูด อืมไม่มีอะไรหรอกวาวา แค่คิดถึงน่ะ ผมบอก โหเจม ผีเข้าเหรอ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะคิดถึงเรา ทะเลาะกะมินหรือเปล่าจ้ะ วาวาพูดแซว แต่ผมตลกไม่ออก ตะลึงกะเซนต์ของวาวา ผมนิ่งไปแป็บนึงก่อนจะพูดต่อ อืม.......ก็ไม่เชิงน่ะ เรียกว่าไม่เข้าใจกันก็พอแล้วมั้ง กรรม เราแซวเล่นๆกับทะเลาะจริงเหรอเนี่ย ทำไมล่ะเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม ผมเดินลงมาจากรถ เดินไปเรื่อยๆที่กลางสะพาน ก็ไม่มีอะไรมาก วาวาถามอะไรหน่อยสิได้ไหม ผมถามเอามือผิงสะพานดีดบุหรี่ลงแม่น้ำไป บุหรี่ปลิวเป็นแสงสีส้มดูสวยเหลือเกิน เราดูดีไม่พอที่จะทำให้มินรักหรือเปล่า .............................. ............................. อ่าวเจมทำไมถามแบบนี้ มินด่าอะไรเจมเหรอ เธอซัก ปล่าวก็ไม่เชิงด่า เราแค่รู้สึกน่ะรู้สึกว่าเราดีไม่พอ ทำไมถึงคิดหยั่งงั้นล่ะ วาวาถาม ก็มินทำให้เราคิดแบบนั้น มินเปลี่ยนไปวาวาเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปจนเรากลัว ผมบอกน้ำตาเหมือนจะไหล ......................... ........................ วาวาเงียบไปเธอคงไม่อยากจะไล่เบี้ยผม เธอฉลาดพอที่จะรอ รอให้ผมเล่าออกมาเอง กับกว่าชั่วโมงที่ผมเล่าเรื่องต่างๆให้วาวาฟัง มันออกมาเรื่อยๆ ความน้อยใจ โกรธ คำถาม แล้วก็ความรักที่ผมมีให้มิน วาวานิ่งเงียบฟังทุกถ้อยคำ ฟังทุกคำจนผมสบายใจขึ้น แล้วก็ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผมซะด้วย เจม..............วาวาพูดขัดจังหวะผมขึ้นมา มันทำให้ผมได้สติ เหลือดูนาฟิกา นี่ผมเอาอะไรมาเล่าให้วาวาฟังนี่ ลำบากเธอมากแน่ๆ ผมพูดนานเกินไป....... ขอโทษน่ะวาวา เราเพ้อเจ้อไปหน่อย ขอบใจน่ะที่ฟังเรา ผมตัดบทเตรียมที่จะวาง ไม่ใช่เจม ไม่ได้หมายความอย่างนั้น เธอพูด อ่าว......ทำไมเหรอไม่รำคาญเหรอ ไม่ได้รำคาญ เราเข้าใจน่ะเจม เข้าใจความรู้สึกของคนที่เรารักเขาไม่รักเรา วาวาพูด เหมือนกับเรากับเจมไง......เข้าใจหรือยัง ............................. ............................ ผมถึงกับอึ้ง..... เข้าใจซักทีเข้าใจดีเลยครับกับความรู้สึกคราวนี้ ผมเป็นผู้ชายยังทนไม่ได้เลยกับความรู้สึกแบบนี้ นี่เธอต้องเจอความรู้สึกแบบนี้มาตลอดเหรอนี่ .....ขอโทษ..... ผมบอกวาวาได้เพียงแค่นี้ ผมรู้สึกว่าผมเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวเหลือเกิน ผมคิดถึงแต่ตัวเองไม่เคยเลยไม่เคยคิดว่าวาวาจะรู้สึกยังไง นี่ผมเอาเรื่องความรักมาปรึกษาคนที่รักผมหรือนี่ ช่างเถอะเจมอย่าคิดมากเราชินแล้วล่ะ แล้วความเงียบก็มาปรกคลุม เจม........เราไปหาได้ไหม วาวาถามผม อะไรน่ะวาวา นี่ดึกแล้วน่ะเกือบ5ทุ่มแล้ว ไม่เป็นไร เดี้ยวเราขับรถไปเจมอยู่ไหนล่ะ เธอถาม สมองผมคิด ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงไม่บอกแน่ๆ มันไม่ดีกับตัวผม มิน และวาวาเลย ที่จะมาเจอกันดึกๆแถมยังสองต่อสอง แต่ทำไมไม่รู้สิครับ เจอกันที่เบียรการเด้นล่ะกันผมบอก ผมเลวไหมครับ ผมก็แค่ผู้ชาย เห็นแก่ตัวคนนึงเท่านั้นเอง รถติดมากครับ กว่าจะไปถึงร้านอาหารก็สายมากแล้ว ผมเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนไปโต้ะอาการ เดินไปส่องกระจกสำรวจตัวเอง เพื่อเวลาไปเจอวาวาจะได้ไม่โทรมเกินไป ภาพที่เห็น ชายคนนึง ตาแดงก่ำ หน้ามัน ผมก็ไม่เป็นระเบียบ ผมจะทำยังไงได้ สภาพของคนที่จิตใจเลวร้ายอย่างผมแค่นี้ก็ดีแล้ว เปิดก็อกน้ำ กวักมันมาล้างหน้า สายน้ำเย็นๆ เรียกความรู้สึกของผมให้กลับคืนมาขึ้นเยอะ เอาน้ำลูบผม เช็ดหน้ากับแขนเสื้อ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่โทรมเกินไป แค่เหมือนคนอดนอนมาซักสองวันเท่านั้นเอง เดินกลับเข้าไปในร้าน ชะเง้อมอง บริกรเดินตรงมาถามผม กี่ที่ค่ะ เอ่อ มีเพื่อนมาก่อนแล้วครับ ผมพูดล้วงหามือถือขึ้นมาโทร ดังไม่ถึงสองที วาวาก็รับสาย มาสายน่ะค่ะ วาวาพูดว่า แต่เสียงออกตลกๆ ครับมาสาย ผมพูดตอบกลับไป ไม่เถียง เอาตรงๆคือเถียงสู้วาวาไม่ไหว อยู่ไหนเนี่ยวาวา ผมพยายามมองหา ไม่เห็นเราจริงๆเหรอ เธอพูด ไม่เห็นไหนหว่า ผมว่าผมมองทั่วทุกโต้ะแล้วน่ะ นี่ไง เธอพูดพลางเอาแขนมาคล้องแขนผม อ่าว ผมหันไปมองวาวา รถติดเหมือนกันค่ะเพิ่งมาถึง เธอแลบลิ้นให้ โถ่ ผมนึกว่าอยู่ในร้านแล้วซะอีก มาสายแบบนี้จะให้เราทำโทษยังไงล่ะ ผมพูด ไม่รู้สิ แค่นี้คงได้มั้ง เธอพูดพลางหันแก้มขาวๆมาให้ผม เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูก เธอจะให้ผมหอมจริงๆหรือเล่นมุขเนี่ย ................................... ................................ เดี้ยวๆ วาวาพูดเปิดตา เจมก็มาสายนี่ เสมอกันค่ะ ไม่ให้แล้ว ผมทั้งโล่งใจ แล้วก็เสียดายเล็กๆ อืมเอางี้ เราเปลี่ยนเป็นเราเลี้ยงข้าวแล้วกันดีไหม เลี้ยงไหวเร้อเรากินเยอะนะ วาวาพูด จะซักเท่าไหร่กันเชียว ตัวแค่นี้ ผมหันไปมองวาวา ได้เดี้ยวรู้กันค่ะ วาวาทำท่าฟึดฟัด ไปนู่นแล้ว บริกรยืนงงเป็นไก่ตาแตก ผมหันไปยิ้มให้ เอ่อ สองที่ครับผมบอก นึกขำตัวเองที่ลืมไปว่า บริกรยืนรอตรงนี้ตั้งนานแล้ว ผมรีบเดินตามวาวาไปนึกขอบคุณเธอในใจ ตอนนี้ ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว กุ้งแม่น้ำกิโลนึง ปูอบตัวใหญ่อีกกิโล กั้งมาด้วยน่ะค่ะ วาวาสั่งอาหารเล่นเอาผมเหงื่อตก กุ้งแม่น้ำ กิโลล่ะ 790 ปู 800 กั้ง 450 นึกวูบๆในใจ ผมไม่มีโอกาศจับเมนูด้วยซ้ำกระเป๋าก็แห้งเสียแล้ว เธอบอกเธอมีน่าที่สั่ง ส่วนผมมีหน้าที่ต้องกินให้หมด-_- เวรกรรม ผมหิวน่ะ แต่ไม่หินขนาดนั้น ผมนั่งคุยกับวาวาไปเรื่อยๆ จนอาหารมาตั้ง สั่งมาเยอะเรากินไม่หมดหรอก ผมบอก ไม่เห็นเป็นไรเลย เจม.....เรากลัวเจมหิวนี่ค่ะ เธอตักกุ้งให้ผม คำพูดธรรมดาของวาวาเล่นเอาผมน้ำตาแทบไหล เธอเป็นแค่เพื่อนผม....... แต่ห่วงผมมากกว่าแฟนบางคนเสียอีก เจม............เจมเป็นไรค่ะ วาวาถาม เปล่า แค่กุ้งมันเผ็ดน่ะ ผมหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ผมว่าวาวาก็รู้ว่าผมแก้ตัว ผมกับเธอนิ่งไปซักพัก ขอบพระคุณพระเจ้าจริงๆที่ผมไม่ร้องให้ต่อหน้าเธอ ............................... .............................. เหล้าขวดนึง วาวาหันไปสั่งบริกร วาวาจะดื่มเหรอ 0_O อือ ให้เจมดื่มเธอบอก กรรม ผมงงกับความคิดวาวา เป็นคนสั่งแต่ให้ผมดื่ม ปรกติผู้หญิงจะไม่ชอบให้ผู้ชายดื่มเหล้าไม่ใช้เหรอ เจมฟอรม์จัดไป กินเหล้าซะมีอะไรจะได้เล่าออกมาให้หมด วาวาจะดื่มเป็นเพื่อน ไม่ดีมั้งวาวา ผู้ชายผู้หญิงสองคนดื่มเหล้า เดี้ยวก็เกิดเรื่องไม่ดีหรอก ผมพูดแซวๆ หวังว่าจะเปลี่ยนความคิดเธอได้ เราเชื่อใจเจม วาวาหันมามองผม แล้วเจมก็คงไม่มาหลงเสนห์ ผู้หญิงไม่สวยอย่างเราร้อก เธอพูด ใครว่าล่ะครับ....... วาวายิ่งเด่นเลยละครับในเวลากลางคืน ก่อนที่ผมจะพูดอะไรได้ เหล้าก็ถูกนำมาวางแล้ว วาวาเป็นเด็กชงเลยครับ เธอชงของผมแก้วนึง ของเธอแก้วนึง แต่ของผมสีเข้มกว่าชัดเจนเลย โหวาวาไม่ค่อย จะยุติธรรมเลยผมบอก-_- ก็เราเป็นผู้หญิงต่อให้หน่อยสิ สุดที่จะห้ามครับ ต้องจำใจดื่มไปเรื่อยๆ เจม......วาวาเรียกผมขณะชงให้ผมแก้วสอง อะไรไหรอ ผมถาม วาวายื่นแก้วเหล้าให้ ถ้าเราเมาก่อนเจมน่ะ เจมรอด แต่ถ้า......... เจมเมาก่อนเรานะ หึ หึ เธอยิ้มมีเลศนัย หึ หึ อะไรวาวาเล่นเอาผมสำลักเลย –“- พาไปส่งบ้านไง คิดอะไรน่ะ แล้วเธอก็ตบไหล่ผม บรรยากาศดีมากเลยครับ ดื่มกันไปหัวเราะกันไปเฮฮา วาวาเริ่มหน้าแดงดูท่าทางภูมิต้านทานแองกอฮอลด์เธอจะต่ำ แต่ก็ยังอยากดื่มอีก พอแล้วล่ะวาวา ดื่มไปเพื่ออะไรเนี่ย ผมเอามือไปดึงแก้วเหล้าจากเธอ เพื่ออะไรเหรอ? เธอพูด ดึงแก้วคืนไป ลุกแล้วมานั่งข้างๆผม เพื่อเจมไง เราจะออกบ้านทำไมดึกๆ ขับรถมาตั้งไกล จะเพื่ออะไรซะอีกล่ะ เธอพูด แล้วเอาหัวมาพิงผม วาวาเมาแล้วน่ะ ผมบอก เธอหันมา เมาแล้วเจมจะทำไมล่ะ ตาเธอเยิ้ม หน้าแดง กลิ่นเหล้าจางๆโชยมาจากตัวเธอ ก็ไม่ทำอะไรแต่มันใกล้เกินไปรู้ไหม ผมพยายามพาเธอไปนั่งที่เก้าอี้ ไม่ๆ ไม่เอา ก็วาวาอยากนั่งใกล้เจมนี่ เธององแงยังกะเด็กตัวเล็กๆ วาวาอย่าดื้อสิ ผมจับข้อมือเธอ ผมกำลังกลุ้มใจ นี่ยังต้องมาดูแลคนเมาอีกเหรอเนี่ย อะไรกัน ไม่พูดด้วยแล้ว วาวาสะบัดมือเดินหนี ผมรีบคว้าตัวไว้ วาวาเดี้ยว เราขอโทษน่ะ ผมบอกถึงผมจะไม่ผิดแต่ตอนนี้ทำงี้น่าจะถูกต้องที่สุด ทำไม เธอพูดสะบัดหน้าหนีผม เมาหยั่งงี้ขับรถไม่ได้หรอก เดี้ยวเราไปส่งน่ะ เธอหันมา ทำไมเป็นห่วงเราเหรอ อืมเป็นห่วงสิ เธอยิ้ม จริงๆน่ะ เธอหันหน้ามามองผม แล้ววาวาก็ จูบผม ใช่ครับจูบผมอย่างเร็วมากเลย ผมดึงวาวาออก ตกใจ วาวาเล่นไรเนี่ย ผมบอกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ วาวานิ่งอยู่ในมือผม เราก็แค่.......เธอหันหน้าไปอีกทาง อยากทำหยั่งงี้มาตั้งนานแล้ว ........................................... .......................................... เราดีใจน่ะที่อย่างน้อย เจมก็ยังห่วงเราไม่ว่าแบบไหนก็ตาม เธอบอก เจม......................... คบกับเราได้ไหม? เราสัญญาจะไม่ทำให้เจมเสียใจเหมือนกับมิน เรารักเจมน่ะ.............. ผมพูดอะไรไม่ออก จะตอบยังไงดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงยืนยันไปแล้วว่าไม่ แต่ตอนนี้ผมกลับลังเลใจเหลือเกิน ถ้าถามว่าวาวาดีพอไหมสำหรับผม ผมตอบได้เลยครับว่าดีพอ ดีเกินไปด้วยซ้ำ ถึงผมจะยังไม่รัก แต่ก็ไม่เกลียดเธอ แต่ เรามีมินแล้วน่ะวาวา ผมบอก แล้วทำไม เจมจะไปแคร์ทำไมล่ะ ผู้หญิงที่ไม่ได้แคร์เจมเลย เธอโวยวาย เห็นไหม เขาก็ไปมีคนใหม่แล้ว เจม เราก็ผู้หญิงน่ะ ดูออกคนเขารักกันน่ะไม่ทำแบบนี้หรอก เจมน่ะไม่มีค่าสำหรับมินแล้ว ......................................... คำพูดของวาวาทำเอาใจผมเจ็บ เธอพูดถูกยิ่งตอกย้ำในความรู้สึกของผมตอนนี้ เจมจะรัก คนที่เขาไม่รักเจมเหรอ วาวาถาม เธอเดินเข้ามาใกล้ เอามือโอบเอวผมเบาๆ เรารักเจมน่ะ รักมาตลอด เจมก็รู้นี่ว่าวาวาคิดยังไงกับเจม รู้นี่ว่าเราแคร์เจมแค่ไหน เวลานี้ตอนนี้ หากผมแค่กอดวาวาตอบ ปัญหาทุกอย่างก็จบสิ้นลงแล้ว ผมคิดหนัก เอื้อมมือไปข้างหลังของวาวา ..................................... แล้วผมก็ดึงเธอเข้ามากอด ใช่ผมมันเลว เห็นแก่ตัว ใช่ไม่ได้ เธอรอผมมานานแล้ว จะไปแคร์อะไรกับคนที่เขาไม่รักเรา ตัววาวาหอมมาก กลิ่นแชมพูหอมติดจมูก ผมกอดเธอแน่น แน่นขึ้น วาวา......... ผมพูดเพียงแค่นั้น ..................................... วาวาเอื้อมมือมากอดที่เอวผม เจม เป็นแฟนเราน่ะวาวาพูด ผมนิ่ง นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ผมรัก หรือแค่หลงกันเนี่ย วาวาแหงนหน้าขึ้นมามองผม ได้ไหมค่ะเจม ตาเธอหวานเชียวล่ะครับ ใครเจอสายตาแบบนี้เข้า เป็นต้องใจอ่อนแน่ครับ ได้สิวาวา ผมตอบ จริงๆน่ะ เธอย้ำคำพูดผม ผมมองที่วาวาอีกครั้ง ............................... ............................ อืมจริงสิ ผมไม่รู้ตัวเลยครับว่าคำพูดแค่หนึ่งคำนี้ ทำให้ชิวิตผมเกือบเปลี่ยนไปทั้งชิวิต วันต่อมาที่มหาลัย ผมก็ยังมาโรงเรียนตามปรกติ แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับทุกที เพราะวันนี้ ผมมีแฟนใหม่ควงแขนมามหาลัย วาวาไงครับ เธอถนอมผมสุดๆ เอาใจ โทรหา ดูแล พูดเพราะทุกคำ วาวาก็สวยนะครับ เพื่อนๆผมตะลึงทุกคน ไรว้ากรูเล็งตั้งนานคาปไปแดร็กเฉยเลย นายบอยโวยลั่น “..................”นายโอ้ตไม่พูดอะไรได้แต่ส่ายหัว นายโจตะโกนลั่น ฮา-นา-ก้า (มันบ้าไปแล้ว)-_- ผมไปเรียนครับ ถึงต้องแยกห้องกับวาวาเราก็ยังคิดถึงกันนะครับ แต่แปลกนะครับ ผมน่าจะมีความสุข แต่ทำไมผมยิ้มไม่ได้เลยก็ไม่รู้ หลังจากเรียนเสร็จวันนั้น พวกผมรวมตัวกันที่ร้าน แคนทีน่า ข้างมหาลัย ดื่มฉลองให้กับวาวาแฟนใหม่ และ เพื่อลืมแฟนเก่า บรรยากาศสนุกสนานเฮฮาประสาชายล้วน แซวกันไปแซวกันมา แต่ผมก็ยังนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น เพื่อนส่งเหล้าให้ก็ดื่ม พูดบ้างคุยบ้าง ผมยิ้มนะครับด้านนอก แต่ด้านในผมนี่สิ..... เจมเป็นอะไรค่ะ วาวาถามผม เธอมองเข้าไปในสายตาผม เปล่า ไม่มีนิ ผมตอบ คิดเรื่องมินเหรอ เธอถามราวกับรู้ใจผม ปล่าว......ผมดึงวาวาเข้ามาผิงไหล่ คิดถึงทำไม เรามีวาวาแล้วน่ะ จริงหรือเปล่า เธอถามผม.....เอาหัวมาซบที่อกผม จริงสิ............ ผมตอบเพียงแค่นั้น หยิบแก้วขึ้นมาดื่มต่อ เจม เสียงนึงดังขึ้น ผมหันไปมองที่ต้นเสียง มินน่ะเองครับ อะไรเนี่ย อะไรกัน เธอเดินเข้ามาหาผม ชี้ไปที่วาวา อธิบายมาสิว่านี่อะไรค่ะ เธอถาม ใจผมเหรอครับ อยากจะกอดมินใจจะขาด ดีใจที่เธอ มาหาผม ไม่ว่าเพราะอะไร ก็อย่างที่เห็น ผมบอก ปากผมไม่ตรงกับใจ ดึงวาวามากอดแน่นยิ่งขึ้น มินดูไม่ออกเหรอ ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองมาที่ผม สายตาบอกไม่ถูก ทำไมเจม ทำไมค่ะ เธอถาม น้ำตาไหลออกจากตาช้าๆ น้ำตามินทำเอาใจผมผมปวดจี้ด แต่ก็ยังฟืนใจ ไม่หันไปมอง มิน มินกลับไปเถอะเราไม่มีอะไรจะพูดกับมินแล้ว ผมบอก ไม่ ไม่จริงใช่ไหมเจม เจมบอกสิว่าทำไมถึงทำกับเราหยั่งงี้ เธอถามยืนส่ายหน้า น้ำตาไหลหนักขึ้น มินทำอะไรไว้มินไม่รู้ตัวเลยเหรอ ผมบอก พยายามไม่สบตา ทำอะไร มินไม่เข้าใจเลย เจมเป็นอะไรเนี่ย คำพูดมินเล่นทำเอาผมสับสน เธอหันไปมองวาวา หันไปมองเพื่อนๆผม ทำไมทำกับเราแบบนี้วาวา เราอุตสาหเชื่อใจเธอ วาวาลุกขึ้นไปหามิน ........เราเคยบอกแล้วน่ะว่าถ้ามินดูแลเจมไม่ดี เราก็จะแย่งมา ตรงไหนเรา เราดูแลเจมไม่ดีตรงไหน เธอถาม ต้องให้เล่าด้วยเหรอ.... ผมพูด เล่ามาสิ เจมคิดอะไรอยู่เราก็อยากรู้เหมือนกัน มินโวยวาย ยินดีด้วยนะที่เจอคนดีกว่าเรา หล่อกว่า ดีกว่า เป็นดาราด้วยนี่เราไม่อาจเอื้อมหรอกมิน เราไม่น่า พาเธอไปเทสเลย เราสองคนไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ มินนิ่ง มันไม่ใช่อย่างที่เจมคิดมินบอก ไม่ใช่เหรอ ก็ภาพที่เราเห็นเต็มสองตา ท่าทางที่มินทำ ทุกอย่างเลยมิน มันบ่งบอกอยู่แล้วนี่ว่าเป็นยังไง เข้าใจความรู้สึกของคนที่นั่งรอเป็นชั่วโมงๆบ้างไหม รอ..............โดยไม่หวังอะไร แค่ได้เจอ ข้าวยังไม่ได้กินสักเม็ดด้วยซ้ำ ............................................... นั่นมินก็ยอมรับ เจม แต่เจมไม่ใช่ผู้ชายที่น้อยใจกับเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เหรอ มินบอก ขอโทษทีที่เราใช่ ถ้าเราจะมีแฟนเราก็อยากได้คนที่จะแคร์เรามากๆ ไม่ใช่แบบนี้ ผมชี้นิ้วไปที่มิน ไปเหอะไปหาคนคนนั้นเถอะมิน นี่เจมไล่มินเหรอ เธอถามผม ผมไม่กล้าสบตามินกลัวจะใจอ่อน เออสิ ไล่ไปไหนก็ไป ผมฝืนพูดไป งั้นมินขอโทษ เราจะไม่มากวนใจเจมอีกแล้ว แต่เจมเข้าใจด้วยนะว่ามินไม่เคยเปลี่ยน มินเคยคิดว่าเราจะรักกันที่สุดซะอีก เธอพูดเดินจากไปช้าๆ น้ำตามินไหล นี่ผมทำมินร้องไห้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วน่ะ ผมรู้ผมคงทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก มันไม่ใช่อย่างที่เจมคิด มินบอกผมเป็นประโยคสุดท้าย อะไรที่ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด? วาวากับพวกผมยืนมองมินที่เดินจากไป ไม่มีใครคิดจะไล่ตาม ผมควรทำยังไง ใจผมอยากตามมินไปใจจะขาด ราวกับจะรู้ความคิดวาวากุมมือผมแน่น ผมหันไปมองเธอ อย่าไปเลยเจม จำเรื่องที่เขาทำกับเจมไม่ได้เหรอ เธอพูดเขย่าแขนผม เราแค่อยากเครียลให้มันแน่ชัด ผมมองตามมินที่กำลังจะเดินลับตา ร้องไห้คนเดียว ใครจะเป็นคนปลอบผมทนไม่ได้หรอก สะบัดมือจากวาวา วิ่งตามมินไป เจม..............................วาวาตะโกน ผมหันไปหา ดูวาวาโกรธจัด ถ้าเจมคิดว่ามินสำคัญกว่าวาวา ก็ไปเลยน่ะ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็อย่ากลับมาอีก เข้าใจไหม บอกมาสิว่าจะไปหรือไม่ไป วาวายืนยันคำถามที่ยากจะตอบ ถ้าผมตามมินไป อะไรจะดีขึ้นผมถามตัวเอง ผมอาจจะคำแก้ตัวที่น่าฟังขึ้นสักหน่อย หรือผมอาจไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าผมฟังวาวาแล้วเดินกลับไป ผมอาจเสียใจในสิ่งที่ทำไปตลอดชิวิต ผมควรทำยังไงดี...... แค่ผมยืนคิด มินก็ยิ่งห่างผมไป ถ้าผมไม่คิดจะไปตอนนี้ ก็คงไม่เจอมินอีก เรื่องต่างๆที่ผมเคยผ่านมากับมิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทะเลาะกัน เราไม่เคยอยากทะเลาะ ไม่มีสักครั้งที่ตั้งใจ ผมทำผิดหลายครั้ง ผมทำมินเสียใจต้องร้องไห้ต้องเสียน้ำตาหลายหน ใช่ผู้ชายชั่วๆ ผู้ชายที่ทำให้เธอร้องไห้บ่อยๆแต่เธอก็ยังอยู่ข้างผมเสมอ คอยแต่ยิ้มให้ ไม่เป็นไรเจมเพื่อเจมมินพร้อมจะลืมทุกข้อผิดพลาด ทุกสิ่งที่เราไม่เข้าใจกัน พอเราแก้มันได้ก็จะยิ่งทำให้เรารักกันมากขึ้นรู้ไหม เธอเคยบอกผมแบบนี้ เคยปลอบผมแม้ว่าผมจะผิดพลาด เวลาที่ผมไม่มีใครมินก็จะคอยห่วงใยผมเสมอ ผมรู้อยู่เต็มอกว่ามินเชื่อใจผม แล้วผมล่ะ เชื่อใจมินมั่งหรือเปล่า ผมทำผิดพลาดแล้วล่ะ อย่างน้อยผมก็น่าจะรู้จักคำว่า เหตุผล ในความคิดโง่ๆของผมบ้าง เจม วาวาเรียกขึ้นมาทำให้ความคิดผมสะดุด เจมคิดอะไรอยู่ ยุติธรรมหรือเปล่ากับเรา เรารักเจมน่ะ แล้วเจมก็ตกลงเป็นแฟนเราแล้วด้วย เจมอย่ามัวคิดถึงแต่ใจมินสิ คิดถึงวาวาบ้าง คิดไหมถ้าเจมไปวาวาจะเป็นยังไง วาวาทุ่มให้เจมหมดแล้วน่ะ ถ้าเจมยังยืนยันจะไปล่ะก็ เราจะตายให้ดู........................... วาวาทำเอาผมพูดไม่ออก เธอรักผมขนาดตายเพื่อผมได้เลยเหรอ ถ้าเจมไม่เชื่อน่ะ เธอเอามือไปคว้าขวดน้ำบนโต้ะ ปิดตาแน่นฟาดลงไปที่พื้น เศษแก้วกระเด็นไปทั่ว เราจะทำให้ดูจริงๆ เจมบอกมาสิว่ารักเราไหม ไม่เอารักแบบเพื่อน รักแบบพี่น้อง เราอยากให้เจมรักเรามากที่สุดในโลก ได้ไหมรักเราที่สุด บอกมาสิ เธอเอาขวดไปจ่อที่คอ ใกล้มากใกล้จนผมรู้ว่าเธอไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ วาวาไม่ได้ร้องไห้ เธอไม่ได้อ่อนแอแบบมิน บอกมาสิ บอกมาคำเดียวว่า รักเราหรือเปล่า........ คำตอบที่หนักอึ้ง เหงื่อพุดเป็นเม็ดๆออกมาจากหน้า รักไหมเหรอ……ผมถามตัวเองในใจ แน่นอนผมย่อมรักวาวา แคร์เธอมาก รู้สึกว่าเธอดีพอดีเกินไปด้วยซ้ำสำหรับผม ผมจะพูดอะไร จะทำยังไงเธอก็ยังแคร์ผม วาวาต่างจากมิน ไม่มีสักครั้งด้วยซ้ำที่วาวาจะทำผมเสียใจ แต่ผมก็รักมินมาก มากกว่าวาวาเป็นร้อยเท่า ผมไม่รู้ทำไม เพราะเวลา? หน้าตา? คำพูด? ..................... ไม่ใช่สิผมรักมินเพราะมินเป็นมินต่างหาก ถ้าคิดว่าเธอทำถูกแล้วล่ะก็ เชิญเลย เสียงนึงมาจากข้างหลังผม มินเดินกลับมา หันมามองผม พร้อมกับสายตาของทุกคนที่หันไป .................... ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากผมรู้ตัว ผมไม่มีความสามารถพอจะคุมเกมครั้งนี้ได้แล้ว มินตัวสินใจแล้วว่าจะไม่หนีอีก มินอ่อนแอเจม ร้องไห้ขี้แย แต่มันก็มีเวลาที่ควรจะเข้มแข็งซะบ้าง เข้มแข็งเพื่อปกป้องสิ่งที่ตัวเองรัก เธอหันมามองผม มินไม่รู้นะว่าเกิดอะไร เจมคิดอะไรกันแน่ แต่มินก็ยังยืนยันเลยว่ามินไม่ได้เปลี่ยนใจ ไม่เคยคิดแม้แต่จะเปลี่ยนด้วย เชื่อใจเราได้ไหม เธอถาม ผมตอบไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น แล้วมินก็หันไปทางวาวา เอาสิวาวา ปิดเกมนี้ซักที เราสองคน วาวายืนนิ่ง มองตอบมิน มินคิดว่าเราไม่กล้าเหรอ เราทำจริงๆน่ะแค่นี้เอง เธอบอก ก็เอาสิมินพูด ผมไม่รู้ว่ามินเอาคำพูดร้ายกาจแบบนี้มาจากไหน ตายเลย ถ้าชิวิตวาวามีแค่นี้.................... วาวาจะจบชิวิตตัวเองด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ ตายไปได้อะไร คิดไหมว่าเจม พ่อแม่ เพื่อนๆจะเสียใจแค่ไหน ใครจะร้องไห้บ้าง อย่างน้อยก็มีเราคนนึงแหละ ที่จะร้องไห้ให้เธอ ................................ เพื่อนที่เรารักที่สุด ................................ เราไม่น่ามารักผู้ชายคนเดียวกันเลยน่ะ เราไม่อยากทะเลาะกับเธอแบบนี้เลย น้ำตามินไหลอีกระลอกลงสองข้างแก้ม เธอเอามือยกขึ้นมาป้ายน้ำตา แย่จัง เราเคยคิดว่าจะไม่ร้องไห้แบบนี้อีกแล้ว อุตสาหตั้งใจว่าจะเข้มแข็งกว่านี้แล้วแท้ๆ เราควรทำยังไงดี วาวาหน้าตาเศร้าหมอง ควรทำยังไง เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าควรทำยังไง นี่หรือความรัก นี่หรือที่มินให้เราน่ะ มินบอกรักเราทำไมให้เจมกับเราไม่ได้ล่ะ เข้าใจบ้างสิ ว่าเรารักเจมขนาดไหน วาวาพูด ก็เพราะเข้าใจนะสิเลยยิ่งเจ็บอยู่แบบนี้ มินตอบ วาวาขอในสิ่งที่เราให้ไม่ได้ จะให้เราทำยังไง ................................... แล้วทำไมให้เราไม่ได้ล่ะ วาวาถาม รักเราหรือพูดไปหยั่งงั้น ก็................ มินนิ่งไปสักพักก่อนตอบ เจมไม่ใช่สิ่งของ เจมมีจิตใจ แล้วเจมก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรานะสิ เหรอ ถ้าพูดหยั่งงั้น ตอนนี้เจมเขาบอกว่าจะเป็นแฟนกับเราแล้วมินจะเอายังไงล่ะ มินบอกเองว่าเจมมีจิตใจ มินนั่นแหละเป็นคนไม่สนใจเอง มินคือคนที่ควรจะจากไปรู้ไหม วาวาพูด ................................. เราไปแน่ เธอหันมามองผม ถ้า...........เจมบอกให้เราไป เจมอยากให้เราจากไปหรือเปล่า คำถามที่แทบไม่คิดคำตอบ เราไม่อยากให้มินจากไปน่ะ ไม่ว่ามินจะเป็นยังไง มินจะรักใคร เป็นยังไง ไม่ว่ามินจะโกหกเราหรือเปล่า เราไม่ขอให้มินรักเราก็ได้ แต่ขอเถอะ อย่าเกลียดเราเลย ถ้ามินยังพอจะรับเราได้ ยังพอจะรักเราได้ก็รักเราเถอะ วินาทีนั้นสายตาเราสบกัน เรื่องทุกเรื่องที่ผ่านมาราวกับจะไร้สาระ มินจะเป็นยังไง ผมก็จะขอรักของผมแบบนี้ต่อไปล่ะครับ มินกำลังจะเป็นดารานะเจม เจมไปกับมินไม่รอดหรอกเชื่อเราสิ เจ็บปวดใช่ไหมเวลาไม่เจอมินน่ะ เหงาใช่ไหม เราดูแลได้ดีกว่าน่ะ วาวาย้ำเตือนความรู้สึกของผมที่ผ่านมา ผมเข้าใจ ผมให้เวลา ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังจะรักมินเสมอ ผมหันไปบอกมิน เจม มินมองตอบ มินก็ยังรักเจมน่ะ ไม่ว่าพรุ่งนี้มินจะเป็นยังไง มินก็จะเป็นมินคนเดิมคนที่เจมรู้จัก มินไม่เปลี่ยนไปหรอกเชื่อมินสิค่ะ ผมเดินเข้าไปหา มองตากัน มินเราขอเถอะ อย่าทำแบบนี้ วาวายังไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว เราไม่อยากแย่ง เจม ที่เป็นสมบัติของมินไปหรอกน่ะ แต่เราจะดูแลเจมให้เหมือนดูแลตัวเอง จะไม่ทำให้เจมต้องเจ็บปวด ไม่ว่าจะยังไง ในฐานะของลูกผู้หญิงคนนึง วาวาวิ่งมากอดเอวผมจากข้างหลัง เจมอย่า ไปเลยค่ะ........... น้ำตาวาวาทำหลังผมแทบเปียก เสียงสะอื้น เนื้อตัวสั่นเทา ขอร้อง เราขอร้องแค่นี้......ให้เราเถอะได้ไหม ผู้หญิงสองคนกำลังร้องไห้เพื่อผม คนที่ไม่มีอะไรที่สมควรได้รับขนาดนี้ ถึงเวลาตัดสินใจแล้วสิน่ะ คนที่ควรจะไปสักคน เพื่อหยุดปัญหาทุกอย่างตอนนี้ เพื่อหยุดปัญหา เพื่อหยุดความขัดแย้งของความเป็นเพื่อน และเพื่อคนที่ผมรักที่สุด คนนี้ .......................................... ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหามิน ถ้ามีสักคนที่ต้องไปล่ะก็ ควรจะเป็นผม ผมเลือกไม่ได้หรอก ไม่ใช่เพราะผมไม่แน่ใจหรือเจ้าชู้ ใช่ผมรักมินที่สุด แต่ผมก็ต้องแคร์คนที่รักผมที่สุดด้วย ผมไม่รู้ว่ามินที่จริงเป็นยังไง คิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ผมมั่นใจน่ะว่า เวลาที่ผมคุยกับมิน สายตาของเธอไม่เคยโกหกผมสักครั้ง เจม เสียงวาวาดังขึ้นพร้อมกับเดินไล่หลังตามมาจับมือผม ขอโทษน่ะ ยกโทษให้ผู้ชายขี้ขลาดคนนี้เถอะ คนที่ไม่เคยทำอะไรให้ชัดเจน จนทุกคนต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ ผมพูด ตอนนี้ ผม มิน วาวา ยืนอยู่ร่วมกันแล้ว ทุกคนมองตากัน เสียงเงียบราวกับไม่มีแม้แต่ลมหายใจ เงียบราวกับจะรอคำตอบที่จะออกมาจากปากผม ขอโทษน่ะ ถึงจะยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้ แต่ก็จะยังอยู่เคียงข้างเสมอ แต่เราตอนนี้ ไม่อยากฟืนตัวเอง ไม่อยากจะสูญเสียใครไปอีกแล้ว เรารักมินมากวาวา เราแค่อยากให้เธอเข้าใจเรา ผมบอกวาวา ปล่อยมือเธอที่กุมอยู่ วาวานิ่ง เธอน่าจะโกรธผมหรือด่าผม แต่เธอได้แต่เงียบ.....................เท่านั้น เราไม่....... วาวาพยายามพูดบางสิ่งกับผม เรา.....ไม่......มี แต่ล่ะคำของวาวาหลุดออกมายากเย็นเหลือเกิน เราไม่มีค่าสำหรับเจมเลยใช่ไหม ถ้าเจมคิดว่าทำถูกก็เอาเลย เราไม่คิดว่าเราแพ้หรอกน่ะ เรารักเจมมาก แต่เจมจำไว้น่ะ อะไรที่รักมากพอเกลียด ก็เกลียดมากเหมือนกัน ....................................... เกลียดเข้าใจไหมเกลียดที่สุด เธอตะโกนใส่ผม แล้วเธอก็หันหน้าเดินไปจากพวกผม หนทางของผู้แพ้ น้ำตา กับความโดดเดี่ยวเท่านั้นที่เหลืออยู่ คนเราบางที่ก็เหมือนโง่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้ ไม่ควรแต่ก็พยายามจะทำในสิ่งที่ตนต้องการ ทำอะไรก็ได้ โดยไม่คิดไม่มีเหตุผล เพื่อคำว่ารักเท่านั้น พรุ่งนี้เราจะเหมือนเดิมหรือเปล่า วาวาจะยังคงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไหม เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็งแบบนั้น แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นผู้หญิงคนนึง ผมพามินไปนั่งกับเพื่อนๆเหมือนเดิม ทุกคนคอยฟังและก็อยากจะทราบเหตุผลที่ผมทะเลาะกับมิน อะไรคือความจริง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มินเล่าเรื่องโดยผมยังไม่ถามด้วยซ้ำ เธอเล่าละเอียดราวกับรู้สาเหตุทั้งหมดแล้ว ผู้ชายคนนั้น คนที่เดินมาส่งมิน แค่เพื่อนไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ที่วันนั้นเขาเดินมาส่งแล้วพูดแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าเจมเป็นแฟนมิน...... แล้วคืนนั้นมินก็เหนื่อยจริงๆเจม ไม่ใช่มินไม่มีเวลาหรือเย็นชา ที่มินรีบกลับเพราะกลัวเขาจะโทรมาตอนเจมอยู่ มินไม่อยากให้เจมโกรธหรือหงุดหงิด มินจะรีบไปโทรบอกเขาว่าเรากะเจมคบกันอยู่แล้วรักกันแค่ไหน เราขอโทษน่ะเจม เราคิดว่าเราทำถูกแล้ว แต่เราก็โง่จริงๆ ที่มัวแต่แก้ปัญหาไกลตัวโดยไม่สนใจปัญหาใกล้ตัวมากที่สุด เราขอโทษน่ะ ขอโทษจริงๆ............ ให้คิดว่าเราเลวล่ะกันได้ไหม.... มินเล่าปัญหาทั้งหมดให้ผมฟัง เมื่อคำตอบกระจ่าง ก็ทำให้ผมอายจนไม่กล้าสบตาทุกคน ผมมันโง่ ที่ไม่เชื่อใจผู้หญิงที่ผมรัก แล้วเธอก็รักผม ผมมันโง่ ที่ไม่มีเหตุผลแม้แต่จะโทรถาม ผมมันโง่ ที่มัวหาแต่ทางง่ายๆ กลัวว่าจะไม่มีคนเคียงข้าง ผมมันโง่ ที่ทำลายความรู้สึกของผู้หญิงสองคน และทำให้ผมอาจจะเสียเพื่อนไปคนนึง ตลอดกาล..... ผมยิ้มให้มิน มินยิ้มตอบ เราไม่ได้ยิ้มให้กันแบบนี้มานานแล้ว แล้วจะทำยังไงกับวาวาว่ะ พวกเพื่อนๆผมถาม คำถามของมันแทงใจดำของผม ผมยิ้มบนความทุกข์ของคนคนนึงไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่ะ แต่กรูรู้แค่ว่า.........กลุ่มเราไม่มีวาวา มันก็ไม่เหมือนเดิม ก็ต้องเครียลให้รู้เรื่องเท่านั้นแหละ ผมตอบ แต่จะทำยังไง แบบไหน ผมคิดไม่ออกจริงๆ ..................................... วาวาไม่รับสาย พวกผมกระหน่ำโทรไปที่บ้าน ที่โทรศัพท์มือถือ ที่ที่วาวาน่าจะอยู่ บ้านเพื่อน แหล่งชุมนุมลับ แต่ไม่มีเลย ไม่มีข่าวเกี่ยวกับวาวาเลย ยิ่งนานผมก็ยิ่งร้อนใจ พวกผมแยกกันเป็นกลุ่มๆ รวมเพื่อนๆ คนรู้จักขับรถพากันตามหา แม้แต่บ้านวาวาก็ไม่ได้กลับ ไม่มีใครเจอเธอ เธอไม่ได้โทรปรึกษาแม้ใครสักคน ราวกับเธอได้หายไปจากโลกนี้เสียแล้ว.... กับการตามหาที่สูญเปล่า ไม่มีใครเจอวาวา ผมกลุ้มใจมาก วาวาหายไปเพราะผม ความผิดของผมทั้งหมด มินเดินมากุมมือผม ยิ้มให้เธอเป็นกำลังใจให้ผม มินไม่ได้เกลียดวาวาน่ะ เราก็เป็นห่วงวาวาไม่น้อยกว่าเจมหรือทุกคนหรอก มินบอกผม ผมฝังใจกับหน้าวาวาที่มองผมครั้งสุดท้าย เธอปวดร้าวมาก ผมน่าจะคิดถึงเธอมากกว่านี้ ผมน่าจะทำได้ดีกว่าที่ผมทำ แต่ผมก็ไม่ทำมัน ทั้งๆที่วาวาก็รักผมมาก ทุ่มให้ผมทั้งหมดที่เธอมี ไม่ว่าการกระทำ หัวใจ ทุกอย่างจริงๆ ....................................... ...................................... ผมเพิ่งรู้สึกจริงๆ ว่าผมได้ทำให้วาวาเจ็บปวดแค่ไหน มันไม่ง่ายเลยกับรักของวาวากับผม ผมมันเห็นแก่ตัวผมบอกให้วาวาลืมผมได้ยังไงในเมื่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอลืมไม่ได้หรอก มันก็เหมือนโดนหักหลังจังๆแหละครับ ผมทิ้งวาวาโดยไม่มีเยื่อใยเลย นี่แหละครับความจริงที่ผมเจออยู่ ...................................... อย่างน้อยผมก็อยากจะบอกว่าขอโทษเธอสักคำ ...................................... วันนั้นผมไม่เจอวาวาอีก เพื่อนๆทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ทุกคนได้แต่ส่ายหน้า.......... บางคนก็ด่าผม มรึงเชรี่ยงี้วะ ไม่รักเขาแล้วไปให้ความหวังเขาทำไม นายบอยด่าผม แมร่งกรูว่าแล้ว เป็นไงล่ะ บอกอย่าเอาผู้หญิงเข้ากลุ่ม นายโอ้ตบ่น เพื่อนกรูนะเว้ยเจม เพื่อนกรูทั้งคน หาให้เจอนะเว้ย นายโจเขย่าตัวผม หยุด หยุด พวกมรึงจะไปโทษนายเจมมันทำไมเล่า ใครอยากจะให้เป็นแบบนี้ นายทอม คนเงียบๆในกลุ่มบอก กลับเหอะว่ะ ยังไงวันนี้ก็หาไม่เจอแล้ว กรูเชื่อว่าวาวา ไม่อ่อนแอขนาดนั้น ขนาด......จะ...... คำพูดนายทอมขาดช่วง ไม่กล้าเอ่ยประโยคที่ทุกคนกลัว เห้ยไม่มีทางเป็นงั้นหรอกกลับเหอะว่ะ เดี้ยวพรุ่งนี้วาวาก็มาเฮฮาเองแหล่ะ นายกิ้กบอก พวกผมก็เลยได้แต่แยกย้ายกันไป ในใจทุกคนก็ได้แต่หวัง หวังว่าวาวาจะไม่ทำอะไรโง่ๆ ผมอยากเชื่อแบบนั้นจริงๆ ไปส่งมินเสร็จ กลับบ้าน หวัดดีพ่อหวัดดีแม่ เดินขึ้นห้องไม่กล้าคุยกับใคร กลัวพ่อรู้ กลัวแม่รู้ ไม่อยากให้ใครกลุ้มเพื่อผมอีก ปัญหาของตัวผมเอง ผมแก้เองได้ เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เปิดให้น้ำฟักบัวกระทบหน้า ผมไม่เคยทำให้วาวามีความสุขสักครั้งเลยจริงๆ เธอทำหลายๆอย่างเพื่อผม ส่วนตัวผมล่ะไม่เคยเลยที่จะทำอะไรเพื่อเธอ ถ้าคราวนี้ วาวาเป็นอะไรไปผมจะมองหน้าใครได้ ผมคงไม่มีหน้าไปพบใคร จะมีใครยกโทษให้ผมหรือเปล่าน่ะ ไม่สิ......................... แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า จะยกโทษให้ตัวเองได้หรือเปล่า ออกมาจากห้องน้ำ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ดูรูปที่ตั้งโต้ะ รูปทั้งกลุ่มของผม ทุกคนเฮฮาสนุกสนาน รอยยิ้มนี้จะหายไปหรือเปล่าน่ะ พรุ่งนี้จะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า ถ้าขาดไปสักคน เรายังจะมีความสุขแบบนี้ได้อีกไหม ผมไม่รู้คำตอบจริงๆ น้ำตาราวกับจะไหล วาวา..........เราขอโทษกลับมาเถอะขอร้อง... คืนนั้นผมกลุ้มใจมาก แต่แปลกที่ผมกับหลับสบาย คงเพราะเหนื่อยมากล่ะมั้ง เลยเพลอหลับไป น้ำยังไม่ได้อาบเลยด้วยซ้ำ โทรศัพท์ดังขึ้นตอนตี1กว่าๆ เป็นเสียงเบาๆ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผมสะดุ้งตื่นได้ ผมงวยเงียเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มาดู .....คุณได้รับข้อความ 1 ฉบับ.... ใครส่งแมดเซสมาว่ะ ผมบ่นงึมงัม ผมไม่อ่านไม่ได้หรอกครับถ้ามีข้อความเข้าแบบนี้ แบบว่าลุ้นมากเลยว่าข้อความจะเป็นยังไง ถ้าผมไม่อ่านล่ะก็ เชื่อสิครับคืนนี้ผมนอนไม่หลับหรอก .....กำลังเปิดข้อความ..... เครื่องบ่งบอกการทำงานของตัวมันอยู่แล้วตัวอักษรก็ปรากฎขึ้น :เจมวาวาขอโทษ เราพยายามจะลืมเจมแล้ว แต่เราทำไม่ได้........:วาวา ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง วาวาส่งแมสเสดมาครับผมดีใจมาก ไม่ใช่เพราะข้อความของวาวา แต่ที่วาวาส่งข้อความมาได้แปลว่าเธอยังมีชิวิตอยู่ต่างหาก รีบกดโทรกลับ เสียงโทรศัพท์ที่ปลายทางดังขึ้น แต่................. ไม่มีคนรับสักคน ทำไมล่ะวาวา ส่งข้อความมาแต่ไม่ยอมรับสาย มันหมายความว่ายังไงผมไม่เข้าใจเลย ผมยังโทรไปหาวาวาเรื่อยๆ ก็ยังเหมือนเดิม ดังแต่ไม่มีคนรับ ผมเชื่อว่าเธออยู่หน้าโทรศัพท์นั่นแหละ ผมจะโทรจนกว่าเธอจะรับนั่นแหละ จนครั้งที่4ก็มีข้อความเข้าอีกฉบับ ผมรีบกดเปิดดู :ขอโทษค่ะ ยังไม่พร้อมจะคุยเลย วาวาพูดอะไรไม่ออกจริงๆเจม: ข้อความของวาวาอันนี้ทำผมอึ้งเลยครับ ทำไมพูดไม่ออก ผมไม่เข้าใจคุยกับผมไม่ได้เหรอ ก็มีทางเดียวที่จะติดต่อวาวาได้ ใช่ครับส่งข้อไงครับ ผมเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิม ทั้งๆที่ผมก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ ส่งข้อความแต่ล่ะทีแทบเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง แต่วันนี้ผมกับอดทนอย่างประหลาดเลยครับ นั่งจิ้มทีล่ะตัวทีล่ะตัวเพื่อคุยกะวาวา อย่างน้อยนี่ก็คงเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ผมจำเพื่อเธอได้ตอนนี้ อย่างน้อยผมก็อยากทำเพื่อเธอบ้าง :เป็นอะไร เราอยากคุยด้วยได้ไหม?: ผมกดส่งข้อความไปหาวาวา ไม่กี่อึดใจก็มีข้อความตอบกลับมา ดูวาวาจะใช้คล่องกว่าผมเยอะเลยครับ-_- :เราคุยไม่ได้เจม ตอนนี้เราอยากอยู่คนเดียว แต่ก็อยากให้เจมอยู่ข้างๆเราน่ะ: ผมพยายามเข้าใจข้อความที่วาวาส่งมาให้ เธออาจจะโดดเดี่ยวก็ได้มั้ง ผมคงทำได้เพียงพิมคำปลอบส่งไปให้เธอ ผมพยายามทำให้มันมีความหมายที่สุดเท่าที่จะทำได้ :ไม่ต้องรีบน่ะ เรายังอยู่ตรงนี้ สบายใจค่อยเล่าก็ได้: ผมตั้งใจจะรอฟังจริงๆน่ะครับ ไม่ได้ส่งไปเล่นๆ ผมคงทิ้งเพื่อน ไปมีความสุขคนเดียวไม่ได้หรอกครับ :เจม วาวาเลวไหม: ฉบับนี้เธอถามมาเพียงเท่านั้น ผมไม่รู้จะตอบเธอยังไง ที่จะทำให้เธอสบายใจที่สุด ผมเลยตัดสินใจบอกเธอในสิ่งที่ผมคิดจริงๆคงดีซะกว่า :เลวสิ วาวา..........แต่ เราเลวกว่าวาวาอีก: :ทำไมเหรอ?เจมเลวยังไง ทำไมถึงคิดหยั่งงั้น:เธอพิมกลับมาถาม :เราทำให้มินร้องไห้ ทำให้วาวาร้องไห้ เราทำคนที่รักเราสองคนร้องไห้ เลวพอไหม: ผมพิมตอบเธอไป คราวนี้เธอเงียบไปนานเลยครับ :มันไม่ใช่ความผิดเจมน่ะ เรานี่แหละส่วนเกิน เราขอโทษ เราน่าจะไปสักที: เธอพิมมาเรื่อยๆและเรื่อยๆ :แต่เราก็เอาแต่ใจตัวเองเกินไป เราบอกให้ตัดใจเป็น100ครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่เคยทำได้เลย: ผมเข้าใจความรู้สึกวาวา ความรักที่เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีความสุขหรอก :เราโทรไปได้ไหม?:ผมส่งไปหาเธอสั้นๆแค่นั้น :อย่าเลย เราไม่สะดวกน่ะตอนนี้: เธอพยายามห้ามผม :ถ้าไม่คุยเราก็คงไม่เข้าใจกันสักที เราโทรไปน่ะรับด้วย: ข้อความยืนยันของผม ผมหวังแค่ว่าวาวาจะเข้าใจ เธอนิ่งไม่ได้ตอบกลับมา ถ้านิ่งเราแปลว่าตกลงน่ะ ผมบอกตัวเองต่อหน้าโทรศัพท์ แล้วกดโทรออกหาวาวา ฮัลโหล เสียงเศร้าๆของคนคนนึงดังขึ้น เป็นไร หรือเปล่าวาวา ผมถาม พอเถอะเจม อย่าดีกับเราแบบนี้เลย เรากะจะไม่พูดกับเจมอีกแล้ว ....................................... ทำไมล่ะ คิดอะไรอยู่เนี่ย เราทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า.... อยู่ๆจะไม่พูดกะเราคิดไรอยู่เนี่ย เราบอกจุดเสียของเจมให้ไหม อยู่ๆวาวาก็เปลี่ยนเรื่องคุย อืมว่ามาสิ ทุกคนก็มีจุดเสียหมดแหละ ถ้าเรามีก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร เจมใจดีกับทุกคนเกินไป มันก็ไม่ใช่เสียซะทีเดียวนะเจม แต่เจมต้องเข้าใจน่ะว่าบางที ผู้หญิงก็คิดมาก วาวาบอกผม ให้เราทำยังไงล่ะ ให้เราใจร้าย ไม่สนใจ ไม่แคร์เหรอ เราทำไม่ได้หรอก ผมตอบไปตามที่ผมคิด ต้องได้สิเจม ลองดูอย่าให้ใครมาเป็นแบบเราอีกเลยเจม ........................................... เรางงแล้วล่ะวาวาไหนลองอธิบายให้เราเข้าใจหน่อยสิ เราทำตัวแบบนี้ไม่ดียังไง แล้วเป็นแบบวาวาหมายความว่าไง ......................... เธอนิ่งไม่ตอบ ชั่งเถอะ พูดไปเจมก็ไม่เข้าใจหรอก เจมซื่อ ใจดี แล้วก็แคร์คนอื่นมากไป จนบางทีเจมก็ทำร้ายตัวเอง กับคนที่รักเจม เราเกลียดเจมที่เป็นแบบนี้น่ะ แต่ไม่รู้ทำไมก็ ......รักมากด้วย...... เราจะถามอีกแค่ครั้งเดียวน่ะเจม ครั้งที่สาม และจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย..... คำว่ารักจากปากวาวาแต่ล่ะครั้งยิ่งทำให้ผมทำใจลำบาก ผมไม่เข้าใจว่าผู้หญิงทำไมต้องแสดงความเป็นเจ้าของด้วย สำหรับผม เพื่อนกับแฟนไม่ต่างกันเลย บางทีคบแบบเพื่อนยังสบายใจมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงก็ยังอยากจะเป็นแฟน เป็นเจ้าของผมไม่รู้จริงๆว่าทำไม ถ้าวาวาจะถามว่าจะเป็นแฟนวาวาไหมล่ะก็ อย่าถามเลยน่ะ ผมพูดดักคอ เราไม่อยากให้วาวาต้องเจ็บอีก เราเชื่อน่ะว่ามีคนที่รอวาวาอยู่ คนที่ดีพอที่จะดูแลวาวา คนที่ดีกว่าเรา........... ตอนนี้วาวาอาจไม่เจอ แต่เชื่อสิว่าคนคนนั้นต้องทำให้วาวามีความสุข ยิ้มได้........ ทำให้วาวาหัวเราะ เขารอวาวาอยู่ ................................................. เราไม่ได้จะถามว่าเจมจ่ะเป็นแฟนเราหรือเปล่า แต่ก็ดีที่เจมบอกเราแบบนี้ เราจะได้เข้าใจสักที เราไม่อยากทำร้ายมินอีกแล้วเจม เรารักมินน่ะ มินเป็นเพื่อนรักเรา ผู้หญิงสองคนในกลุ่มผู้ชาย สนิทน่ะ สนิทมากจนเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดยังไง รู้ว่ามินรักเจมมากขนาดไหน ยิ่งรู้และเข้าใจมากเท่าไหร่ ตรงอกเราก็ยิ่งปวดมากขึ้นเท่านั้น เราไม่อยากทำร้ายมิน แต่เราก็ไม่อยากทำร้ายใจตัวเองด้วย บางทีเราก็โกรธตัวเอง รู้ทำไมต้องมารักผู้ชายคนเดียวกับเพื่อนรักด้วย เจม คำถามที่เราจะถามเจมน่ะ ขอให้ตอบตรงๆน่ะ ไม่ต้องกลัวเราเสียใจ หรือกลัวเราจะคิดมาก แล้วที่สำคัญ...............เรารักเจมน่ะ ....................................................... เจม รักเรามั่งหรือเปล่า ถ้าไม่มีมินสักคน เราจะพอมีทางเป็นไปได้ไหม ...................................................... สิ้นสุดคำถาม เสียงโทรศัพท์ก็เงียบไป วาวากำลังรอคำตอบจากผม ........................................ ............................ เป็นไปได้สิ .......................... ...................................... ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดไปอย่างนั้น ผมไม่ใช่ผู้ชาย ปากหวานอะไร ผมแค่พูดในสิ่งที่ผมคิดเท่านั้นเอง .................................... เจมขอบใจน่ะ ขอบใจมากขอบใจจริงๆ...... เสียงของวาวาสะอื้นหนัก เธอร้องไห้ซะแล้วครับ ตั่งแต่คบกันมา ผมไม่เคยเห็นวาวาร้องไห้เลยมั้ง ผมคงเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้วาวาร้องไห้แบบนี้ ...................................... แค่นี้เราก็สบายใจแล้วล่ะ อย่างน้อยเจมก็ยังมีเราในใจบ้าง เจมเราจะจำเจมไปตลอดเลยน่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็จะยังเป็นเพื่อนเจม คนที่ห่วงเจมเสมอ..... อย่าเสียใจให้เราอีกเลยน่ะ ไม่ต้องทำดีกับเราก็ได้ แต่อย่าลืมเราน่ะ เสียงวาวาดูอ่อยไป ช้าๆราวกับคนจ่ะหลับ วาวาเป็นอะไร ผมถาม เจม..................ขอบคุณน่ะสำหรับทุกสิ่ง แล้วเสียงนั้นก็เงียบหายไป วาวา........... วาวา.......... ผมตะโกนไปตามสายโทรศัพท์ แต่เสียงก็เงียบราวกับวาวาได้หายไปจากตรงนั้นแล้ว เธอยังไม่ตัดสาย ทำไมไม่พูดกับผม ความกลัวเข้าครอบงำตัวผมจนเสียวสันหลังวาบ ................. ผมรีบคว้ากุญแจรถ วิ่งลงไปชั้นล่าง ไม่ได้บอกใคร ไม่ได้สนใจใครอีกแล้ว ไม่น่ะพระเจ้า ขอร้องอย่าให้มันเป็นอย่างที่ผมคิดเลย....... ขับรถไปครึ่งชั่วโมงก็ถึง รถไม่มากแล้วบ้านผมกับวาวาก็ไม่ได้ไกลกัน ถึงบ้านวาวา จอดรถหน้าบ้านกระโดดลงจาดรถ วิ่งไปที่กริ่ง กระหน่ำกดเข้าไป อีกมือก็พยายามโทรเข้าไปที่บ้านวาวา หวังว่าพ่อแม่เธอจะรับ แต่ไม่เลยครับ ไม่มีใครอยู่บ้าน ผมลืมไปว่าพ่อแม่วาวาทำเกี่ยวกับส่งออก ไม่ค่อยจะอยู่บ้านกับเขาหรอกครับ เวรกรรมเอาไงดีวะนี่ ผมคิด มองกำแพง สูงโคตรๆครับผมปีนไม่ไหวแน่ๆ ว่าจะพังประตูแล้วครับ พอดีมีคนออกมาเปิดประตูพอดี ใครค่ะ เธอถาม คนงานบ้านวาวานั่นเองครับ ทั้งบ้านเหลือแต่คนงานอย่างเดียวล่ะมั้ง เพื่อนวาวาครับ เปิดประตูเร็ว วาวาแย่แล้ว ผมบอก ว้ายไม่ได้หรอกค่ะ คุณผู้ชายไม่ให้คนเข้าบ้านกลางคืน มันอันตรายน่ะค่ะ คนงานบอก โถ่ วาวาอาจตายได้น่ะครับ เปิดเร็วครับ ผมไม่รู้เธอจะทำอะไรโง่ๆหรือเปล่า ผมแทบกระโดดข้ามประตูแล้ว ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ ถ้าจะเปิดเดี้ยวให้คุณหนูมายืนยันดีกว่าน่ะค่ะ เพื่อนคุณหนูจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้...... เกิดอาการอยากเตะปากคนกระทันหันครับ ผมสาบานเลยว่าถ้า วาวาเป็นอะไรไปคนแรกที่จะโดนก็คือคนนี้ ผมหน้าเหมือนโจรมากหรือไงถึงไม่เชื่อผม เปิดสิครับเปิด ไม่มีเวลาแล้ว ผมมารับวาวาบ่อยๆจำไม่ได้เหรอครับ ไม่ได้ค่ะ เธอตอบแทบจะในทันที หนูไม่ค่อยจำหรอกพี่ โถ่เว้ย ผมตะโกนเริ่มฉุนขาด นึกในใจ ก็หัดจำซะมั่งสิ(วะ) เอางี้ ไปตามวาวาให้ผมหน่อย ได้ไหม ได้ค่ะรอสักครู่น่ะค่ะ แล้วเธอก็ค่อยๆเดินไป ผมทำไงดีเนี่ย ........... โทรเข้ามือถือวาวาอีกครั้ง เหมือนเดิม ไม่มีคนรับ โว้ย..............ผมโคตรไม่สบายใจเลย ความรู้สึกที่ว่า วาวาอยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไรไม่ได้ ............................................... อยู่หน้าบ้าน ตั้งนาน คนงานบ้านเธอก็เดินมา ขอโทษค่ะ คุณหนูวาวาหลับแล้ว เธอบอกผม รู้ได้ไงครับว่าหลับ ผมถาม ก็หนูเคาะประตูให้แล้วนี่พี่ คุณหนูไม่ตอบนี่ค่ะ ค่อยมาวันหลังได้ไหมค่ะ เธอตอบ โถ่ผมกลัวจะไม่มีวันหลังน่ะสิครับ เปิดให้ผมเข้าไปเถอะ ผมขอร้อง แทบจะยกมือไหว้คนงาน ทั้งๆที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ไม่ได้ค่ะ ขอโทษน่ะค่ะ แล้วเธอก็เดินไป โว้ย.............................................................................. ในหัวแทบจะระเบิด เดินถอยกลับมาที่รถ อยากได้ใช่ไหม พูดไม่ฟังใช่ไหม ได้จัดให้ ผมพูดอารมฉุนจัด วาวาจะเป็นอะไรหรือเปล่า ผมยังไม่รู้เลยแต่ผมก็อยากจะทำบางสิ่งเพื่อเธออีกครั้งซะแล้วสิ ผมบิดกุญแจ รถผมยังซื่อสัตย์ มันติดไฟทันที ผมเบิ้ลย้ำมันเครื่องดังลั่น ย้ำคันเร่ง ตีรถมาแนวตรงที่หน้าประตูบ้านวาวา ผมรวบรวมสมาธิแป้บนึง หยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาด ............................... ....................... โครม.........เสียงหน้ารถกระแทกกับประตูบ้าน ..................... ............................. รถผมแรงใช้ได้ ประตูบ้านกระเด็นชิ้นส่วนกระจายเลยครับ ผมเหยียบเบรค หักโค้ง รถเกือบชนเสาบ้านเฉียดไปไม่เท่าไรห่ พอเข้ามาได้ผมจอดเดินลงจากรถ.... คนงานบ้านวาวาตะลึง ผมหันไปมองหน้า เธอวิ่งหนีไปเลยครับ สงสัยวิ่งไปโทรเรียกตำรวจ ช่างครับ ผมเชื่อว่าตำรวจไทยคงไม่โง่ขนาดไม่เข้าใจเหตุผล อย่างน้อยตำรวจก็มีสมองมากกว่าคนงานบางพวกแน่ๆ ผมเคยมาบ้านวาวาหลายครั้ง ผมรู้ครับว่าห้องวาวาอยู่ไหน รีบวิ่งขึ้นไปหา หยุดหน้าประตู เคาะให้วาวาเปิด วาวาเราเองอยู่ไหม วาวา เงียบไม่มีเสียงตอบ ผมลองบิดลูกประตูดู แน่นอนครับมันล็อค หันซ้ายหันขวาหาของที่พอจะใช้ได้ เจอถังดับเพลิงแขวนอยู่ หยิบขึ้นมาขนาดพอดีมือ วาวา ไม่เปิดเราพังประตูเข้าไปแล้วน่ะ ผมตะโกนเพื่อเอาความชัวร์อีกครั้ง เหมือนเดิมครับ ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ผมเอาถังดับเพลิงทุบกุญแจจนเละแล้วเปิดประตูเข้าไป วาวา ผมตะโกนลั่นเดินเข้าไปเขย่าตัว เธอหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง เธอนอนไม่รู้สึกตัว ราวกับว่าผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น..... หน้าของเธอซีดขาว ไม่รู้เพราะแอร์หรืออะไรกันแน่ตัวเธอเย็นเฉียบ ข้างตัวเธอมีขวดยาที่ยังไม่ได้ปิดฝาตกอยู่ ยานอนหลับครับ ยานอนหลับ ไม่น่ะวาวา ทำไมถึงโง่แบบนี่...... ผมเขย่าตัวเธอ วาวาตื่นสิตื่น แต่ดวงตาดวงนั้นปิดสนิท ผมดึงวาวาเข้ามากอดแทบร้องไห้ หยุดปล่อยมือ ยกมือขึ้นแล้วหันมาช้าๆ เสียงนึงดังขึ้นด้านหลังผม ผมคลายมือที่กอดวาวา หันหลังไปช้า โชวให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่โง่เกินไปน่าจะเข้า......... ..................................... วาวาถูกนำส่งโรงพยาบาล ผมไม่กลับบ้าน ไม่ได้โทรบอกที่บ้านว่าทำไมถึงไม่กลับ ตอนนี้ติดต่อใครไม่ได้จริงๆครับ พ่อแม่วาวาคงยังไม่รู้หรอกมั้งว่าลูกของตัวเอง กำลังจะตาย.............แล้วก็อยู่คนเดียวตอนนี้ คนงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบไม่สนใจด้วยซ้ำ จะไปว่าเขาก็ไม่ถูก ก็เขาไม่ได้เป็นอะไรกับวาวานี่ ตอนนี้ถ้าผมหนีกลับบ้าน ก็เหมือนทิ้งวาวาให้อยู่คนเดียวนะสิ ถึงเธอจะไม่ตื่น แต่ผมก็เข้าใจว่ามันคงเหงามาก ไม่มีใครอยากอยู่คนเดียวในโลกหรอกครับ วาวาเข้าห้องฉุกเฉินไปนานมากแล้วครับ ไฟหน้าห้องยังแดง หมดบอกว่าวาวาต้องล้างท้อง แต่ล้างท้องแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหน ผมนั่งรอหน้าห้อง คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ เกือบเช้าแล้ว วาวาดีกับผมมาก ผมรู้ตัว แล้วผมก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากผม คิดไปคิดมาน้ำตามันจะไหล โว้ยไม่เอาแล้ว ไม่พูดแล้วผมคิดในใจ ถ้าตอนนี้ผมเปลี่ยนตัวกับวาวาได้ ผมก็อยากจะเปลี่ยน แม้ว่าผมจะต้องตายก็ตาม ................................... ................................... พยาบาลคนนึงเดินมาหาผม เอ่อญาติคุณ อรวรรณ หรือเปล่าค่ะ เธอถามผมเสียงหวาน ครับ ผมตอบหน้าตาผมคงซีดมากล่ะมั้ง ดูเธอตกใจ เอ่อช่วยเซ็นนี่ด้วยค่ะ เธอยื่นเอกสารมาให้ผมปึกนึง ผมกรอกทุกอย่างที่ผมรู้ ผมก็เพิ่งรู้ตัว ว่าผมรู้จักกับเธอมานานมาก นานจนตอบคำถามทุกข้อบนแบบสอบถามได้ และผมก็รู้จักเธอมากกว่าแบบสอบถาม ถามไว้ซะอีก ผมรู้ว่าเธอเกิด วันแม่ พอดิบพอดี จนบางครั้ง เธอก็น้อยใจที่ไม่ค่อยมีใครว่างมางานวันเกิดเธอในวันนั้น เธอเคยมาบ่นกับผมว่า น้อยใจมาก ผมเลยสัญญาว่าจะฉลองกับเธอทุกปี ผมจะรีบไหว้แม่แล้วไปหาเธอทุกปี จะไม่ให้เธอเหงา แต่วาวาก็ยังเข้าใจผม เธอบอกผมว่า อยู่กับแม่เถอะเจม ดูแลท่านให้ดีๆ ท่านรักเจมที่สุด วาวาเข้าใจความรู้สึกที่อยากให้คนที่เรารักอยู่ใกล้ๆที่สุด แค่ใจก็พอแล้ว ขอบคุณน่ะ ....... ตอนนั้นที่เธอเล่า ผมดูเหมือนจะเห็นน้ำตานิดๆ แต่ไม่นานเธอก็ทำเป็นร่าเริง ผมรู้ว่าเธอเคยโดนงูกัดเกือบตาย ตั่งแต่วันนั้นมาเธอก็หัวใจไม่ค่อยดี ผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่า แต่วาวาก็มักขาดเรียนวันที่เธอรู้สึกไม่ดีเสมอ ผมเคยบอกว่าไม่เป็นไรหรอกมาเถอะเราจะดูแลเธอเอง เธอถามผมว่าจริงๆน่ะ ผมก็ยังบ้าตอบไปอีกว่า จริงสิ... ทั้งๆที่ผมไม่เคยได้ดูแลเธอเลยสักครั้ง แต่เธอก็ไม่โกรธไม่ทวงถาม ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่เต็มอกว่า.....เธอยังจำคำพูดของผมได้ทุกคำ ผมรู้อีกแหละว่าวาวาขี้น้อยใจ เธอน้อยใจเก่งมาก แต่แบบไม่ให้ใครรู้เลย เธอจำน่ะครับเธอจำ ใครทำอะไรแล้วลืมเธอ เธอจะโกรธ แต่เธอก็ไม่พูดให้ใครฟัง แต่ผมก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาเล่าให้ผมฟังก็ไม่รู้ เธอบอกผมแค่ว่า ไม่รู้สิ เราคงอยากให้เจมรู้จักเรามากขึ้นมั้ง ผมรู้ว่าวาวารักผม รักสุดหัวใจ รักมากแม้ไม่เคยได้ตอบแทนเลย แล้วผมก็รู้ว่าวาวารักเพื่อน รักทุกคนที่รู้จักเธอ เธออาจจะดูร้ายบ้าง แต่ก็เพื่อปกป้องตัวเอง แต่ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง เป็นเหมือนผู้หญิงทั่วๆไปที่ต้องการใครสักคนที่จะดูแลและปกป้องเธอได้จริงๆ น้ำตาผมไหลออกมาช้าๆจากสองข้างตา ผมไม่รู้ว่าผมร้องไห้ทำไม ผมรู้แค่ว่า ผมอยากร้อง วาวา..............วาวาต้องยู่ข้างเราน่ะ อย่าไปเลย รอบนี้เราสัญญาจริงๆว่าจะไม่ทิ้งเธอไปไหน เราจะทำให้ดีมาก ดีมากว่าดีที่สุด เราจะไม่ขออะไรจากวาวาอีกขอแค่เธอยังอยู่ได้ไหม .............................. แล้วไฟหน้าห้องฉุกเฉินก็ดับ วาวาถูกเข็นออกมาโดยมีพยาบาลและหมอล้อมรอบ ผมลุกจากเก้าอี้จะเดินเข้าไปหาวาวา แต่ก็มีคนสวมชุกคลุมหน้าคนนึงเดินมาห้ามผมไว้ วาวาถูกเข็นอีกทางนึง ทิ้งให้ผมได้แต่มองตาม ผมอยากจะตามวาวาไปจะขาด แต่ก็อยากทราบอาการของเธอจากคุณหมอด้วย คุณหมอถอดผ้าปิดปากออก มองมาที่ผม สายตาของหมดมองราวกับจะถามว่า ต้องการที่จะรู้อาการของวาวาจริงเหรอ ............................... แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา..... เธอเป็นยังไงมั่งครับผมถาม หมดหลบตาผมถอนหายใจเบาๆ คือเราพยายามเต็มที่แล้วครับ แต่เธอได้รับยานานเกินไป มันส่งผลถึงสมอง...... เราให้ยากระตุ้นเท่าที่ให้ได้แล้ว อยู่ที่ตัวคนไข้เอง เธออาจจะฟื้นไม่วันก็สองวันนี้ หรือไม่ก็อาจ ไม่มีวันฟื้นอีกเลย................ หมอพูดแค่นี้แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่ง ตะลึงกับคำพูดของหมอ ............................... 5วันแล้วครับ ที่วาวาไม่ฟื้นขึ้น แรกๆผมโทษตัวเอง โทษทุกอย่างโทษทุกคน ข้าวปลาไม่กิน เอาตรงๆกินไม่ลงมากกว่า ผมเป็นห่วงวาวามาก เลิกเรียนหรือว่างยาวๆ ผมจะรีบขับรถมาเยี่ยมเธอเสมอ ผมจะเข้าไปพูดกับเธอ สนุกสนานเล่าเรื่องทุกอย่างที่มหาลัยให้ฟัง บางทีก็จะเอาตำรามาสอนเธอ ซื้ออาหารที่เธอชอบมาให้ แกะถุงแล้วตั้งไว้ข้างๆ ผมทำทัง้ๆที่วาวาไม่เคยจะฟื้นขึ้นมากินเลยเลย แล้วก็ผ่านไปเข้าวันที่7 พ่อแม่วาวาท่านรู้แล้วก็มาเยี่ยมแล้ว แต่ก็ไม่เคยอยู่ได้นานเลย ผมไม่เข้าใจว่าธุรกิจ สำคัญกว่าลูกสาวคนเดียวมากไหม แต่ผมก็พยายามเข้าใจและก็ทำใจว่าจะดูแลเธอเอง มิน...........เพื่อนๆก็มาเยี่ยมบ้าง ไอ้โอ้ต ไอ้บอยเห็นสภาพวาวาตอนนี้แล้วน้ำตาแทบไหล ไม่ใช่แค่พวกมัน แม้แต่ตัวผมเองก็ด้วย หน้าเธอขาว ตาปิด ไม่มีสติ วาวาของพวกเรา จะมีวันลุกขึ้นมาร่าเริงอีกไหมน่ะ ผมคิดในใจ..... ................................................. บรรยากาศในห้องเงียบ ไม่มีคนพูดคุย.......อึดอัด วาวาจะฟื้นไหมว่ะ ไอ้โอ้ตถามผม ผมไม่รู้จะตอบยังไงจริงๆ.......ได้แต่ส่ายหน้า ทุกคนเงียบ บางคนเงียบเพราะเศร้า บางคนเงียบเพราะไม่อยากจะรบกวนวาวา พูดอะไรกันไม่ออก แต่ผมก็รู้ว่าทุกคนหวัง หวังว่าวาวาจะฟื้นขึ้นมาเหมือนเดิม 6โมงกว่าแล้ว เพื่อนๆเริ่มลากลับทีล่ะคนทีล่ะคน จนตอนนี้ในห้อง มีแค่ผม มินแล้วก็วาวาเท่านั้น ปรกติจะมีคนงานคนนึงมาเฝ้าไข้ แต่พอพวกผมมาก็หายไปไหนไม่รู้ ผมยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง นั่งกุมมือวาวา หวังแค่ว่าเธอจะฟื้น........ มินมองผม เธอเข้าใจอะไรดี เข้าใจว่าที่ผมจับมือวาวาเพราะรักแบบเพื่อน เพื่อให้มั่นใจว่าวาวายังหายใจอยู่ เธอเลยไม่หวงผมเลย เธอได้แต่ยิ้มให้กำลังใจผม พยายามไม่ให้ผมรู้สึกผิดมากเกินไป บางครั้งผมก็เห็นเธอยืนเรียกวาวาอยู่ข้างเตียง มินทำสิ่งที่ผมไม่เข้าใจหลายอย่าง เธอชอบไปยืนข้างเตียงวาวา เดี้ยวทำหน้าเศร้า เดี้ยวหัวเราะ บางทีก็พูดเหมือนกำลังคุยกับวาวาอยู่อย่างนั้น บางทีผมก็กลัวว่ามินจะคิดมากจนบ้าหรือเปล่า แต่เธอก็เล่าให้ผมฟัง เพื่อให้ผมเข้าใจ เธอไม่อยากให้วาวาเหงา เธอจะอยู่เป็นเพื่อน จะคุยเป็นเพื่อนวาวาเสมอและตลอดไป .................................. แต่วาวาก็ยังนอนนิ่ง หายใจช้าๆสม่ำเสมอ หน้าวาวาขาวซีด ไม่มีแม้แต่จะยิ้มด้วยซ้ำ ไม่มีคำพูด ไม่มีแม้แต่เสียงไอสักครั้ง ....................................... อาการวาวาทรงตัวอยู่อย่างนี้เกือบเดือน ให้อาหารทางลำคอ หมอบอกนับวันร่างกายวาวาเริ่มอ่อนแอ ถ้าเธอไม่ตื่นเร็วๆนี้ มันจะส่งผลถึงสมองแน่นอน ผมตามหมอไปที่ห้องตรวจ หมอเอาใบสรุปการตรวจมาให้ดู ผมดูไม่ออก ได้แต่คืนใบตรวจให้หมอแล้วถาม เธอเป็นไงมั่งครับหมอ คนไข้มีสิทธิ์จะฟื้นไหมครับ ผมถาม ........................................... หมอ มองผมก้มหน้าไม่สบสายตา ผมไม่รู้มันหมายความว่ายังไง แต่มันก็ทำให้ผมไม่สบายใจเลย จากใบตรวจที่ผมดูน่ะครับ สรุปเอาง่ายๆก็คือ ไม่มีอะไรผิดปรกติ หมดพูดสั้นๆชัดๆ ยาในเส้นเลือดก็ไม่มีแล้ว ชีพจร ความดัน สมองก็ปรกติ อะไรน่ะหมอ ไม่มีอะไรผิดปรกติแล้วทำไมถึงไม่ฟื้นล่ะครับ ผมถามงงกับคำตอบ ไม่รู้สิครับ เหมือนกับ......เหมือนกับ หมออ้ำอึ้ง เหมือนกับอะไรครับหมด บอกผมเถอะ เหมือนกับ เธอไม่อยากจะตื่นเองน่ะครับ หมายความว่าไงครับหมอ หมายความว่าวาวาแกล้งหลับเหรอ มันก็ไม่เชิงครับ คือเหมือนเธอหลับลึก อาการอย่างนี่มักเกิดกับคนที่ประสบอะไรxxxร้ายมามากๆ ไม่อยากจะมารับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอีก เธออาจจะสร้างโลกของเธอขึ้นในหัว โลกที่สนุกสนานสำหรับเธอ อาการแบบนี้หมอก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ แต่มันส่งผลร้ายต่อร่างกายมากทีเดียว...... ยังไงครับหมอ ส่งผลร้ายยังไง ผมถาม ก็ถ้าสมองมันสั่งว่าไม่อยากอยู่ ไม่อยากกลับมา ร่างกายมันก็คงจะอยู่ไม่ได้หรอกครับ เอาล่ะผมต้องไปทำงานต่อแล้ว หมอก็ช่วยได้เท่าที่ทำได้น่ะครับ นอกนั้นก็คงต้องพึ่งตัวคนไข้เอง....... ........................................... ขอบคุณครับหมอ หมอเดินออกจากห้องไปแล้ว ปล่อยให้ผมยังงงอยู่กับอาการของวาวา โรคหลับลึก มีโรคอย่างงี้อยู่จริงด้วยเหรอ? ผมเดินออกมาจากห้องตรวจ มินยืนรออยู่หน้าห้อง เธอถามอาการของวาวาให้เธอฟัง แล้วมินก็งงเหมือนผม ...... วาวาต้องการอะไรกันแน่? อะไรที่จะทำให้เธอลืมตาขึ้นได้ ผมควรทำยังไงดีล่ะครับเนี่ย......ผมไม่รู้จริงๆ ผมลองพยายามเรียกวาวาอยู่ทุกวัน แต่ดูเหมือนเสียงของผมจะไปไม่ถึง ใครบอกว่ารักเป็นสิ่งที่สวยงามกัน แรกๆผมก็เชื่อน่ะครับ แต่ตอนนี้ ผมชักไม่แน่ใจซะแล้วสิ ถ้ามันดีจริง ทำไมมันต้องเจ็บปวดขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องมีน้ำตา ต้องมาเสียคนที่เคยหัวเราะเคยยิ้มให้กันอยู่ทุกๆวันแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าวาวา เธอจะดีใจหรือเสียใจ ที่มีคนร้องไห้และเป็นห่วงเธอมากมาย ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ถ้าเธอรู้ว่าตอนนี้ทุกคนคิดยังไง เธอจะลืมตาอีกครั้งได้หรือเปล่าน่ะ คืนที่ 9 ผมแวะไปเยี่ยมเธอ ในห้องมีแค่คนงานคนเดียว เหมือนเคย ผมวางกระเป๋า คนงานของวาวาเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นรินส่งให้ผม ขอบคุณ.......ผมตอบ มองไปที่วาวา อาการของวาวาเป็นยังไงมั่งครับ......ผมถามหวังว่าจะมีอะไรคืบหน้า คนงานส่ายหน้าไม่ตอบ ผมเดินไปลากเก้าอี้มุมห้องมาตั้งตรงวาวา ผมนั่งข้างๆ ดูเธอหายใจช้าๆ เอามือของเธอมากุม มือของเธอยังอุ่น มันให้ความรู้สึกดีๆกับผม มืออันนิดเดียวที่อยู่ลำพังมาโดยตลอด มือที่ผมเคยจับ มือที่เคยลูบหลังผมเวลาผมเสียใจ มือที่เคยตบหน้าผมเป็นบางครั้ง มือที่เดี้ยวนี่ไม่ไหวติงอีกแล้ว ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย กุมมือวาวาแน่นขึ้น ผมรู้และก็เริ่มทำใจแล้วว่า เธอคงไม่ฟื้นขึ้นมาอีกหรอก ผมลุกขึ้น พยายามจะดึงมือออก แต่วาวาก็กุมมือผมไว้ วาวา.................ผมดีใจมากครับตอนพูด พี่ๆ ผมเรียกคนงาน ดูสิพี่ วาวา กุมมือผมตอบได้แล้ว ผมแทบกระโดดทั้งยืนแต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะวาวากุมมือผมไว้ ไม่นานหมอก็มา หมอเช็คอาการแล้วหันมาทางผม ยินดีด้วยครับ อาการของเธอดีขึ้นเยอะทีเดียว แล้วเธอจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ ผมถาม อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจน่ะครับ อาการแบบนี้ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิน วันสองวันนี้หรอก หมอบอกผม ผมวิ่งเข้าไปกอดหมอทันที ผมไม่ใช่เกย์ ผมไม่เคยกอดผู้ชาย แต่ตอนนี้ผมไม่รู้จะขอบคุณหมอยังไงดีให้เพียงพอกับความรู้สึกในใจผม หมอขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ ผมพูดเพียงคำนั้นซ้ำไปซ้ำมา คืนนั้น 3 ทุ่มแล้วผมยังไม่กลับ ดีใจครับ ยิ้มแก้มปริ นั่งข้างวาวา บ่นไปเรื่อยๆ พี่คนงานขอตัวไปกินข้าว ตอนนี้ในห้อง มีแค่ผมกับวาวาสองคนเท่านั้น ผมนั่งมองหน้าวาวา พูดกับเธอไปเรื่อยๆ “ผมเริ่มยาวมากขึ้นน่ะนี่เดี้ยวต้องไปตัด” “แต่ก็ดีขาวขึ้นไม่ค่อยโดนแดด” “ดูสินิสัยไม่ดีเลยทำให้คนเป็นห่วงไปทั่วเลย ตื่นมาจะจับตีให้ตายเลย” “เอาไว้หายแล้วไปเที่ยวกันน่ะวาวา” ผมเริ่มพูดช้าๆ ตาก็เริ่มสนมองไปที่ปากวาวา ถึงหน้าเธอจะขาวแต่ปากเธอก็ชมพูน่ารักเหมือนเดิม “ถ้าไม่ตื่นเดี้ยวก็จูบซะหรอก” ผมบ่น นึกไปถึงเรื่องสโนไวทที่เจ้าชายมาจูบเจ้าหญิงแล้วฟื้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูด หันซ้ายหันขวา ดีที่ไม่มีใครได้ยิน ไม่งั้นคงอายเขาตายแน่เลย ผมถอยไปเอนตัวที่โซฟา เก้าอี้นั่งจนเมื่อยแล้ว “ก็จูบสิ” เสียงนึงดังขึ้นเบาๆ ทำเอาผมตกใจจนเกือบร้องออกมา ผมมองไปที่วาวา เห็นเธอหันมายิ้มให้ วาวาฟื้นแล้วเหรอ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ดีใจจนน้ำตาแทบจะไหล เราเป็นห่วงมากน่ะ ผมบอก เธอยิ้มให้ รู้ค่ะ คำเดียวสั้นๆ ขอบคุณน่ะเจม เราทายว่าเจมต้องทำอะไรเพื่อเรามากตามเคยแน่ๆเลย วาวาพูดกับผม เราทำในสิ่งที่..............เพื่อนคนนึง ควรจะทำให้เพื่อนอีกคนนึงเท่านั้นเอง เดี้ยวเราไปตามหมอก่อนน่ะ อยากให้หมอดูอาการวาวาอีกที ผมบอกเธอ เดี้ยวสิ อยู่กับเราก่อนได้ไหม เธอถามผม อืม....ได้สิ ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอดีล่ะมั้ง.....แล้วผมก็นั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างๆเตียงวาวา บรรยากาศในห้องเงียบ สักพัก ไหนบอกว่าถ้าวาวาฟื้นจะจูบไง วาวาพูดขึ้นเบาๆ เธอปิดตาสนิท ทิ้งให้ผมนั่งตะลึงอยู่หยั่งงั้น เอาไงดีผมถามตัวเอง มองไปที่ประตู หวังว่ามินคงไม่เปิดมาพอดีอีกน่ะ เวลาผมทำดีมินไม่ค่อยเห็นหรอกแต่พอทำชั่วทีไรเป็นโดนเห็นทุกที วาวายังนอนปิดตา จนผมไม่แน่ใจว่าเธอหลับ หรือกำลังรอผมกันแน่ จะตอบเธอว่าไง ไม่ได้เหรอ? มันออกจะโหดร้ายเกินไปอีกหรือเปล่า ถึงวาวาจะดูเข้มแข็งแต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหัวโบราณนิดๆ การบอกให้ผู้ชายสักคนจูบคงหน้าอายสำหรับเธอมาก และคงแย่ที่สุดถ้าผู้ชายคนนั้นไม่จูบเธอ ผมเอื้อมหน้าเข้าไปใกล้ แล้วปากผมกับเธอก็สัมผัสกัน เธอเอามือมาโอบที่หลังคอผม ดูมือนั้นอ่อนแรง แต่ก็แน่นราวกับจะไม่ปล่อยผมออกจากเธอ เสียงลมหายใจที่สัมผัสโดนหน้าช่างอบอุ่น ความรู้สึกของลิ้นทำเอาความคิดแทบหลุดลอยไปในอากาศ ความรู้สึกอบอุ่นวูบขึ้นมาจากในลำคอ เหมือนแรงถูกสูบออกไปจากร่างกาย แทบทรุดลงกับเตียง แล้วผมก็ถอนปากออกจากกันช้าๆ ผมกับวาวาหน้ายังห่างกันไม่ถึงหนึ่งฟ่ามือ เธอหอบหายใจเบาๆ ยิ้มให้ผมหน้าแดง แล้วรอยยิ้มน้อยๆที่ผมไม่ได้เห็นมานานก็ปรากฏบนหน้าของเธออีกครั้ง ............................. ความลับของเราสองคน เธอพูดเบาๆ ผมมองตอบ ใช่ความลับของเราสองคน ............................ หลังจากวาวาออกจากโรงพยาบาล เธอเข้าเรียนตามปรกติ ทุกคนเหมือนเดิม ก็เหมือนทุกครั้งที่เธอขอโทษมิน แล้วก็เหมือนเดิมที่มินจะคอยยกโทษให้เสมอ ทุกคนเปลี่ยนไป โตกันมากขึ้น เริ่มแยกว่าช่วงไหนเรียน ช่วงไหนเล่น รู้จักจัดการกับความรัก ไม่ให้มันทำร้ายใครอีก รู้จักการเก็บความลับ เรื่องที่ไม่ควรพูดถึงเราก็จะไม่เอ่ยถึงมัน วาวาก็ยังเป็นเพื่อนรักกับมิน เธอไม่เคยเอ่ยเรื่องคืนนั้นให้ใครฟัง เธอเก็บมันเงียบๆ ราวกับมันเป็นเพียงความทรงจำของเธอคนเดียว เรื่องราวของเธอยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อาจไม่มีใครสังเกต ไม่มีใครสนใจ แต่เชื่อสิ ผมยังคอยอยู่ตรงนี้ ดูเธอเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ..........เพื่อนของผมคนนึง.......... คนที่สำคัญไม่แพ้ใครๆ แล้วผมก็ภูมิใจที่ได้รู้จักเธอ...... .......................... .................. จบภาค6ต่อภาค7