พระพรหมโมลี
(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙)
อดีตเจ้าอาวาส วัดดอน
พระนักปราชญ์ ผู้เป็นเพชรน้ำเอกแห่งบวรพุทธศาสนา
พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี
เป็นผู้ดั่งเพชรน้ำเอกแห่งพระพุทธศาสนา เป็นดังวีรชนผู้กล้าในดวงใจของพระพุทธศาสนิกชน
ผู้จุดประกายแสงสว่างแห่งพระธรรมให้โชติช่วงโชตนาการขึ้นมาอีกครั้ง
เหล่าสาธุชนผู้เลื่อมใสศรัทธาต่างรู้จักท่านในนาม เจ้าคุณวิลาศ ญาณวโร
พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี มีนามเดิมว่า วิลาศ ทองคำ เกิดเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๓
ณ ตำบลอุโลกสี่หมื่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อสำเร็จชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนประจำอำเภอ
ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๖ โดยมีพระครูวรวัตตวิบูล
วัดแสนตอ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดดอน เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๔๙๓
โดยมีพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้สำเร็จการศึกษาภาษาบาลีในชั้นสูงสุด
คือเปรียญธรรม ๙ ประโยค เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ หลังจากนั้นได้มุ่งมั่นศึกษาด้านการปฏิบัติอย่างจริงจัง
โดยมีพระอาจารย์เข่ง อตฺตรกฺโข เป็นพระวิปัสสนาจารย์ผู้กรรมฐานครั้งแรก และพระอาจารย์ภัททันตะ อาสภเถระ
เป็นพระวิปัสสนาจารย์ผู้บอกกรรมฐานในครั้งหลัง
[ปราชญ์สงฆ์ผู้รจนาธรรมเป็นเลิศ][พระนักพัฒนา][พระนักปกครอง][สมณศักดิ์][อธิษฐานสู่พระนิพพาน]
ปราชญ์สงฆ์ ผู้รจนาธรรมเป็นเลิศ พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี ท่านได้อุทิศตนในการเผยแพร่งานพระพุทธศาสนาในด้านต่างๆทั้งงานสอนพระปริยัติธรรมและงานคณะสงฆ์ โดยเฉพาะงานวรรณกรรม ที่รจนาแล้วเสร็จและมีการตีพิมพ์ออกเผยแพร่มากมาย อาทิเช่น "ภูมิวิลาสินี" ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓, "วิมุตติรัตนมาลี" ในปี พ.ศ.๒๕๑๖, "กรรมทีปนี" ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ซึ่งล้วนแต่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดวรรณกรรมไทย ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด นอกจากนี้ยังมีหนังสือ "โลกทีปนี" , "มนีนาถทีปนี" , "วิปัสสนาทีปนี" , "ภาวนาทีปนี" ,"โลกนาถทีปนี" และ "โพธิธรรมทีปนี" เป็นต้น กรุงรัตนโกสินทร์ในยุตปัจจุบัน จะหาพระนักปราชญ์ผู้มีผลงานรจนาหนังสือธรรมะเป็นวรรณกรรมอันทรงคุณค่า จนเป็นที่ยอมรับของมหาชนโดยทั่วไปได้นั้น นับวันจะมีน้อยลงทุกที จึงนับได้ว่าพระเดชพระคุณท่านเป็นยอดนักปราชญ์ผู้รจนาผลงานวรรณกรรมที่ถือว่า เป็นเพชรน้ำเอกของบวรพุทธศาสนาที่เราชาวพุทธควรภาคภูมิใจ พระนักพัฒนา งานในด้านสาธารณูปการ พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี ท่านได้อำนวยการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ เสนาสนะ และถาวรวัตถุภายในวัดดอน และวัดยานนาวา โดยได้บูรณะพัฒนาวัดจากสภาพทรุดโทรมจนสง่างาม สมฐานะพระอารามหลวง พระนักปกครอง..ผู้เป็นเสาหลักแห่งสังฆมณฑล หลักปฏิบัติของพระเดชพระคุณพระพรหมโมลี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม ยึดมั่นบนรากฐานพระธรรมวินัยของพระบรมศาสดา และยืนหยัดอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับในหมู่พระเถรานุเถระ ให้ทำหน้าที่ปกครองสงฆ์ในด้านต่างๆ ดังนี้
สมณศักดิ์ พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี ท่านได้ทุ่มเทปฏิบัติศาสนกิจ และมีความเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนาโดยลำดับ ดังนี้
อธิษฐานสู่พระนิพพาน พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี ท่านเป็นพระเถระที่รอบรู้ในทุกด้านทั้งปริยัติศึกษาและปฏิบัติกรรมฐาน ในขณะเดียวกันก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย มีน้ำใจอันงดงาม และมีมโนรถปรารถนาอันประเสริฐที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเป็นหลักชัยของคนไทยสืบไป ให้มวลมนุษย์ได้หลุดพ้นกองทุกข์ก้าวสู่ฝั่งพระนิพพาน ดังที่ท่านได้เขียนไว้ในหนังสือ "กรรมทีปนี" ว่า "ข้าพเจ้าผู้มีน้ำใจกอปรด้วยศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะให้พระสัทธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระชินวรโลกนารถบรมศาสดา
ตั้งมั่นถาวรอยู่ตลอดกาล จึงอุตสาหะรจนาเรียบเรียงวรรณกรรมเรื่อง "กรรมทีปนี"
ขึ้นแล้ว ได้ประสบบุญกุศลซึ่งอำนวยผลประโยชน์ให้อันใด ด้วยเดชะบุญที่ได้ด้วยดีนั้น
ของสรรพสัตว์ทั้งหลายจงประสบสุขสำราญจงทั่วกัน ขอมโนรถความปรารถนาอันประเสริฐ ซึ่งเกิดจากน้ำใจอันงามของข้าพเจ้า จงสำเร็จผลตามที่ตั้งใจนี้ไว้ทั้งหมดเพื่อความหมดจดไพบูลย์แห่งพระสัทธรรมคำสอน ขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาจารย์ ตลอดกาลนิรันดรเทอญ" พระเดชพระคุณพระพรหมโมลี ท่านได้ใช้เวลากว่าค่อนชีวิตดำเนินตามรอยบาทพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือได้ว่าเป็น "พระแท้" ที่มนุษย์และเทวดาควรกราบไหว้บูชาอย่างแท้จริง.
|