ตู้หนังสือพระสูตร ๑
ชื่อพระสูตร
|
เนื้อหาของพระสูตรโดยย่อ
|
|
เวรสูตร | ว่าด้วย ศีล ๕ | |
สาเลยยกสูตร | ว่าด้วย อกุศลกรรมบถ ๑0 และกุศลกรรมบถ ๑0 | |
ธัมมัญญูสูตร | ว่าด้วย
สัปปุริสธรรม : ธรรมของสัตบุรุษ, ธรรมของคนดี, ธรรมที่ทำให้เป็นสัตบุรุษ
มี ๗ อย่างคือ ๑. ธัมมัญญุตา รู้หลักหรือรู้ จักเหตุ ๒. อัตถัญญุตา รู้ความมุ่งหมายหรือรู้จักผล
๓. อัตตัญญุตา รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา รู้จักประมาณ ๕. กาลัญญุตารู้จักกาล
๖. ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน ๗. ปุคคลัญญุตา รู้จักบุคคล ( ในพระสูตรนี้ เป็นสัปปุริสธรรมในแง่ของธรรมะ
แต่ถ้าฆราวาสจะใช้ปัญญาพิจารณา และน้อมนำธรรมข้อนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็จะเป็นประโยชน์ มหาศาล |
|
ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร | ว่าด้วย
บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกรวัตถุ
๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม ตัชชนียกรรม
เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคนกินเดน เลี้ยงชีพเถิด ดังนี้ |
|
มหาสุทัสสนสูตร | ว่าด้วย
พระเจ้าจักรพรรดิมหาสุทัสสนะ ( ถึงแม้จะได้ครอบ ครองแผ่นดินอันมีมหาสมุทรเป็นขอบเขต แต่ก็อยู่ปราสาทได้ทีละหลังเท่านั้น นุ่งห่มผ้าได้ทีละชุดเท่านั้น กินอาหารได้ทีละหนึ่งอิ่มเท่านั้น ไม่มากกว่านั้น เมื่อตายไปสิ่งที่ครอบครองทั้งหมดก็ต้องทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของโลกต่อไป เอาไปไม่ได้ซักอย่างเดียว ยกเว้นบุญและกรรมที่ทำเอาไว้ ดังนั้นจึงควรเตือนสติว่าอย่าโลภมาก สะสมไว้มากๆ ก็ไม่ได้ใช้ ได้แต่กองๆ เอาไว้เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์แต่ประการใดเลย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ และถ้าสะสมความโลภอยากได้ในสันดานไว้มากๆ แล้วตายไปขณะนั้นจะไปเกิดในอบาย มีเปรตเป็นต้น ) ว่าด้วย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ควรจะเบื่อหน่ายในสังขาร ทั้งหลายทั้งปวงทีเดียว ควรที่จะ คลายกำหนัด ควรเพื่อจะหลุดพ้น |
|
ภิกขุสูตร | ว่าด้วยภิกษุไฟติดทั่วตัวลอยในอากาศ | |
อริยวังสสูตร | ว่าด้วยอริยวงส์ ๔ ประการ | |
จัณฑาลสูตร | ว่าด้วยธรรมสำหรับอุบาสกดีและอุบาสกชั่ว | |
กุหกสูตร | ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุให้พระเถระน่าเคารพและไม่น่าเคารพ | |
สัทธรรมปฏิรูปกสูตร | ว่าด้วยพระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป | |
อาทิยสูตร | ว่าด้วยหลักการใช้โภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ ๕ อย่าง | |
ศาสดา ๓ จำพวก | ว่าด้วย
ศาสดาที่ไม่บัญญัติอัตตาโดยความเป็นของจริง โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในเบื้องหน้า นี้เรียกว่า ศาสดาผู้สัมมาสัมพุทธะ |
|
อานันทสูตร | ว่าด้วยพระอานนท์ถามปัญหา ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา | |
สุขสูตร | ว่าด้วยผู้รู้ว่าเวทนา
( มีสุขเวทนาเป็นต้น ) เป็นทุกข์ ย่อมหมดความยินดีในเวทนา |
|
ปัญจกังคสูตร | ว่าด้วย
พระผู้มีพระภาคไม่ได้ ทรงหมายเอาสุขเวทนา บัญญัตินิโรธ ( พระนิพพาน ) นั้นไว้ในความสุขเลย |
|
นิพพานสูตร | นิพพานนี้ไม่มีสุขเวทนานั่นแหละ
เป็นสุข เพราะสุขเวทนา ( สุขเวทนาในกามคุณ ๕ หรือสุขเวทนาในฌานสมาบัติ ๘ ) เป็นทุกข์เพราะมีความ อาพาธ ( แปรปรวน ) ไปเป็นธรรมดา |
|
มูลปริยายสูตร | ว่าด้วย
พระอรหันต ขีณาสพ ทั้งหลาย ย่อมไม่สำคัญในธรรมต่างๆ รวมทั้งพระนิพพาน ว่า " ของเรา " และย่อมไม่ยินดีในธรรมต่างๆ รวมทั้งพระนิพพานด้วย |
|
สุญญกถา | ว่าด้วย
สัมปชานบุคคลปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ดับไป และ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อื่นก็ไม่เกิดขึ้น |
|
ญาณัตตยานิทเทส | ว่าด้วย นิพพาน ว่างจากตน ( อัตตา ) , ไม่มีนิมิต , ไม่มีที่ตั้ง | |
สัจจกถา | ว่าด้วย พระนิพพาน ( นิโรธสัจจะ ) เป็น อนัตตา | |
มหาปรินิพพานสูตร | ว่าด้วยอปริหานิยธรรมของภิกษุ
( รวมถึงพุทธบริษัท ๔ ด้วย ) ว่าด้วย มหาปเทศ ๔ อย่าง ว่าด้วยปฏิบัติบูชา เป็นการบูชาอย่างยิ่ง ว่าด้วย สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ว่าด้วย ธรรมและวินัย เป็นพระศาสดา ว่าด้วย ปัจฉิมโอวาท ทรง เตือนว่าอย่าตั้งอยู่ในความประมาท ว่าด้วย การปรินิพพานของ พระพุทธเจ้า |
|
พรหมชาลสูตร | ว่าด้วย
จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ว่าด้วย มิจฉาทิฏฐิ ๖๒ คือความเห็นผิดไปจาก สภาวธรรมที่เป็นจริง ซึ่งเป็นการเห็นว่ามี อัตตาทั้งสิ้น เช่นเห็นว่าอัตตาเที่ยง นิพพานเป็นอัตตา ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทั้งนั้น ว่าด้วยทั้งมนุษย์และเทวดา ทั้งหลาย จักไม่เห็น พระพุทธเจ้าหลังจากที่ พระพุทธองค์ เสด็จดับขันธ์ ปรินิพพานแล้ว |
|
สารันททสูตร | ว่าด้วย
อปริหานิยธรรม ( ธรรมที่ทำให้ไม่เสื่อม เป็นไป เพื่อความเจริญฝ่ายเดียว ) ๗ ประการ ของชาววัชชี |
|
ทุติยสัปปุริสสูตร | สัปบุรุษเมื่อเกิดมาย่อมเกิดเพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก |
|
ปฐมสัปปุริสสูตร | การให้ของ
สัปบุรุษ มีการ ให้แต่ของสมควร เป็นต้น ตัวอย่างเช่น ให้ข้าวน้ำ ที่สมควรแก่สมณะบริโภค ที่ไม่เป็นอาบัติ หรือที่ไม่ผิดศีลที่พระพุทธองค์ทรง บัญญัติ เช่น พระรับ เงิน ทอง ธนบัติ เป็นอาบัติปาจิตตีย์ พระรับ ที่ดิน เป็นของส่วนตัวก็ผิดใน จุลศีล ของเหล่านี้ ถือว่า เป็นของไม่สมควรแก่สมณะ ไม่ควรให้ และเลือกให้ผู้ที่มี ศีลบริบูรณ์ เป็นผู้ที่มีศีล มีวินัยเป็นที่รัก เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง |
|
ทานวัตถุสูตร | ว่าด้วยเหตุแห่งการให้ทาน ๘ อย่าง | |
ทุติยทานสูตร | ||
ปฐมทานสูตร | การให้ทานเพราะหวังผล
หวังได้ หวังบุญกุศล เช่น ให้บาทนึงหวังล้านนึงหรือการทำบุญเอาหน้า เป็นการให้ด้วย โลภะ เป็นการให้ด้วยอกุศลจิต ได้ผลน้อย เป็นทานชั้นต่ำ การให้ที่ถูกต้องควรให้ด้วย อโลภะ อโทสะ อโมหะ คือไม่โลภ ไม่โกรธ และไม่หลงคือมีปัญญา ให้เพื่อขัดเกลากิเลสคือ ความตระหนี่ถี่เหนี่ยว ให้เบาบาง และให้ด้วยมีปัญญาพิจารณา ในการให้ |
|
สุริยสูตร | ว่าด้วยจักรวาลถูกทำลายโดยพระอาทิตย์
๗ ดวง ในอนาคตอีกนานไกล ( ไม่ใช่จะเกิดในเวลาอันใกล้นี้ อย่างที่ลือๆกันไปโดยความโง่งมงาย ) โลกและจักรวาล มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา ดังนั้นไม่ควรตกใจ แต่ควรที่เบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้น |
|
สิงคาลกสูตร | ว่าด้วยอบายมุข
ว่าด้วยมิตรเทียมและมิตรแท้ ว่าด้วย ทิศทั้ง ๖ |
|
อปัณณากชาดก ( ทูเรนิทาน ) | พระทีปังกรพุทธเจ้า
พยากรณ์ สุเมธดาบสว่าจะได้อุบัติเป็น พระโคดมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน และบารมี 10 ทัศ |
|
จักกวัตติสูตร | ว่าด้วยว่าด้วยอกุศลกรรมทำให้อายุเสื่อม
ว่าด้วยการงดเว้นอกุศลกรรมบถ ๑0 อายุยืน ว่าด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าเมตไตรย์ |
|
อัคคัญญสูตร | ว่าด้วยธรรมอันประเสริฐในโลกนี้และโลกหน้า
ว่าด้วยกำเนิดจักรวาล |
|
ทักขิณาวิภังคสูตร | การทำสังฆทาน
คือการทำทานที่ ๑. ไม่เลือกไม่เจาะจงพระ ๒. มุ่งตรงต่อสงฆ์หรือหมู่แห่งสงฆ์ ( สงฆ์ในที่นี้คือ บุรุษ ๔ คู่ ๘ บุคคล ) ๓. มีความเคารพยำเกรงในสงฆ์ การทำสังฆทาน มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ |